ซัมเมอร์ปี 2020 อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม กำลังกลับสู่ธุรกิจที่พวกเขาคุ้นเคย ขณะที่พวกเขากำลังจะศูนย์เสียสตาร์เบอร์ 1 ในเกมรุกอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค ให้กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร ... แผนสำหรับตัวแทนของปีกชาวโมร็อกโกก็ได้ถูกเลือกเอาไว้เเล้ว
เด็กหนุ่มวัย 19 ปีจากเซาเปาโล ชื่อ แอนโทนี่ มาเธอุส ดอส ซานโตส ถูกล็อกเป้าเอาไว้ด้วยราคาเพียง 13 ล้านยูโรในวันนั้น และ ณ ตอนนี้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะนักเตะค่าตัว 100 ล้านยูโร หลังกำลังจะกลายเป็นสมาชิกใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แอนโท ระบุที่มาของตัวเองว่า "ผมมาจากนรก" และนี่คือเรื่องราวของตัวรุกสัญชาติบราซิล ที่เรากำลังจะได้เห็นฟอร์มของเขาในพรีเมียร์ลีกเร็ว ๆ นี้
ผมมาจากนรก
ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรเลยที่เราจะกล่าวถึงปูมหลังของนักฟุตบอลชาวบราซิลด้วยจุดเริ่มต้นจากสลัม ... และ แอนโทนี่ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้
เซาเปาโล คือรัฐที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบราซิลและทวีปอเมริกาใต้ ที่นี่คือเมืออุตสาหกรรมที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศมากที่สุด และได้สมญานามว่า "หัวรถจักรแห่งบราซิล"
เมืองที่กระแสเงินหมุนสะพัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างแค่รายได้เท่านั้นแต่ยังสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้กับประเทศชาติด้วย เซาเปาโลคือรัฐที่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีการใช้จ่ายต่อหัวมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อัตราการตายแรกเกิดต่ำที่สุดอันดับ 2 และอัตราการไม่รู้หนังสือน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ
ข้อมูลที่คุณอ่านข้างบนนั้นมาจากเว็บไซต์ wikipedia และถ้าหากจะให้นึกภาพตามคำบรรยาย นี่คงเป็นดั่งเมืองในฝันเป็นแน่แท้ อย่างไรก็ตามทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน ... เมื่อมีด้านดีก็ต้องมีด้านเเย่ เมื่อมีด้านสว่างก็ต้องมีด้านมืด แม้คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้จะมีเงินใช้ แต่ย่านสลัมในเมืองของคนใช้แรงงานคือของคู่กัน ซึ่งบ้านของแอนโทนี่ก็เป็นเช่นนั้น ถิ่นของเขาคือ Inferninho (นรกจำลอง)
ห้องนอนห้องเล็ก ๆ ในอาคารสงเคราะห์ที่รัฐบาลจัดให้ มีชุมชนแออัดที่อยู่กันทั้งครอบครัว แอนโทนี่เล่าว่านั่นคือความทรงจำที่เขาจำได้ชัดที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือแย่ เรื่องราวที่สลัมนั้นเองที่ผลักดันให้เขาเป็นอย่างที่เป็นในเวลานี้
"ทางเดียวที่คุณจะรอดจากการเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งหรือไม่ก็พ่อค้ายาเสพติดคือการพยายามเป็นนักฟุตบอล ที่นี่ภาพที่เราเห็นประจำคือตำรวจไล่กวดคนร้ายตามท้องถนน และวันใดที่คุณตื่นเช้ามาแล้วเห็นศพใครสักคนอยู่แถวบ้านคุณก็คงไม่ต้องแปลกใจ" แอนโทนี่ เล่าถึงอดีต
"ชีวิตผมมาจากจุดนั้น และผมไม่เคยเจอสถานการณ์ไหนบีบคั้นผมได้เท่ากับตอนอยู่ในสลัมอีกเเล้ว ผมต้องลุกไปเรียนหนังสือตอน 9 โมงเช้า จากนั้นต้องหิ้วท้องลุ้นเอาว่าอีก 24 ชั่วโมงหลังจากนี้จะมีอะไรตกถึงท้องหรือไม่ ... สำหรับผมนี่แหละคือความกดดันที่แท้จริง สิ่งนี้ทำให้ผมไม่กลัวการต้องปรับตัวที่ไหนอีกเเล้ว" แอนโทนี่ กล่าว
แอนโทนี่เป็นเด็กตั้งใจและแน่วแน่กับความฝัน เขาคัดตัวเข้าทีมเยาวชนของเซาเปาโล ได้ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ อดีตผู้บริหารทีมเซาเปาโลอย่าง อเล็กซานเดร พาสซาโร่ เล่าถึงสิ่งที่เขาเห็นในตัวแอนโทนี่มาตลอด นั่นคือการเป็น "ความหวังของหมู่บ้าน" เพราะทุกครั้งที่สโมสรเรียกแอนโทนี่มาต่อสัญญา ครอบครัวของเขาจะยกโขยงกันมาทั้งบ้าน โดยพวกเขาเชื่อว่าทุกก้าวของแอนโทนี่คือความสำเร็จของพวกเขาด้วย
"เราต่อสัญญากับเขาอยู่ 2-3 ครั้ง และทุกครั้งแอนโทนี่ต้องขนญาติของเขามาในวันเซ็นสัญญากันทั้งบ้าน พ่อ แม่ พี่ชาย น้องสาว ญาติโกโหติกา มากันหมด มันแสดงให้เห็นว่าเรื่องของเขาคือเรื่องสำคัญของครอบครัวเสมอ" พาสซาโร่ กล่าว
จากจุดที่เขายืนตอนนี้เราคงไม่ต้องถามว่าเขาเก่งตั้งแต่เด็กหรือไม่ แต่สิ่งที่ยิ่งกว่าความเก่งคือความขยันและความเป็นมืออาชีพ แม้โดยปกติแล้วนักเตะบราซิลจะเป็นพวกอีโก้สูง มั่นใจในตัวเอง และชอบรุดไปข้างหน้าไม่มีถอยหลัง แต่สำหรับแอนโทนี่มีหลายครั้งที่เขาทำท่าจะได้ลงเล่นให้กับทีมเซาเปาโลชุดใหญ่ ด้วยการถูกดันมาซ้อมกับรุ่นพี่ตั้งแต่อายุ 16-17 ปี แต่สุดท้ายหลังซ้อมเสร็จเขาก็โดนส่งกลับไปเล่นกับทีมเยาวชนต่อเหมือนแกล้งกัน
ซึ่งเรื่องนี้พาสซาโร่บอกว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในกุศโลบายที่สโมสรพยายามวัดเรื่องความอดทนและทัศนคติของเด็ก ๆ เหล่านี้ นักเตะบางคนพอได้ขึ้นชุดใหญ่ใจก็ลอยไปถึงสวรรค์ แต่ทันใดที่พวกเขายังซ้อมได้ไม่ดีตามมาตรฐานที่ตั้งไว้และถูกส่งกลับไปเล่นทีมสำรอง พวกเขามักจะหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่แอนโทนี่คือเด็กเชื่อฟังมากกว่ายึดมั่นในอีโก้ตัวเอง
"จุดเปลี่ยนจริง ๆ ของชีวิตแอนโทนี่คือครั้งหนึ่งเขาเคยลงเล่นฟุตบอลชิงแชมป์ประเทศระดับเยาวชน ในเกมนัดชิง เขายิงไป 4 แอสซิสต์ไปอีก 6 ลูก ตอนนั้นมีการพูดถึงกันว่าเขาจะถูกเรียกตัวไปอยู่ทีมชุดใหญ่ในการทัวร์พรีซีซั่นที่อเมริกา โดยจะมีทีมจากยุโรปอย่าง อาหยักซ์ และ แฟรงค์เฟิร์ต มาแข่งด้วย"
"แต่จนแล้วจนรอดเราก็มีการคุยกันว่าการกลับไปเล่นทีมยู-20 เหมาะสมกับเขามากกว่า และเราก็ตกลงตามนั้น ... แต่สิ่งที่เขาตอบกลับทำเราแปลกใจ ลองเป็นเด็กคนอื่นสิเม้งแตกไปแล้ว แต่เขาเป็นคนถ่อมตัวมาก เขายอมรับข้อเสนอของเราและพลาดทริปที่ใหญ่ที่สุดที่นักเตะในทีมตั้งตารอ" พาสซาโร่ กล่าว
การกลับไปอัดพื้นฐานให้แน่นและโฟกัสกับสิ่งที่ดาวรุ่งควรทำคือการพัฒนาตัวเองกลายเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหลังจากพลาดทริปทัวร์อเมริกากับทีมชุดใหญ่ในปี 2018 แอนโทนี่กลับมาด้วยความแข็งแกร่งสมการรอคอย ในปี 2019 เขาถูกโปรโมตขึ้นทีมชุดใหญ่ และจากนั้นเขาก็ทำให้ทุกคนต้องซี้ดปากด้วยความตื่นเต้น เด็กอายุ 18 ปีก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักทันที
จุดเด่นที่สุดของเขาคือ "ทักษะ" หลังโชว์ลีลาไป 45 เกมตลอดทั้งซีซั่น แม้จะมีแฟนบอลบอกว่าเขาขี้เลี้ยงเกินไป แต่คนที่ออกมาค้านเรื่องนี้คือ ตีเต้ กุนซือทีมชาติบราซิลชุดปัจจุบันที่จับตาดูพัฒนาการของแอนโทนี่มาสักพัก
ตีเต้ให้คำจำกัดความกับแอนโทนี่ว่า "เท้ากำมะหยี่" เปรียบเปรยถึงการสัมผัสบอลที่นุ่มนวล และบอกว่าเหตุผลเดียวที่เขาคิดว่าแอนโทนี่ควรเล่นสไตล์เลี้ยงบอลมาก ๆ เข้าไว้ก็เพราะว่าการเลี้ยงบอลคือจุดเด่นที่สุดของเขา การห้ามไม่ให้เด็กคนนี้ใช้ความสามารถที่ตัวเองถนัดจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น ... แน่นอน ตีเต้คิดถูก
หลังจบฤดูกาล 2019 อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม ยักษ์ใหญ่จากเนเธอร์แลนด์ ก็เข้ามาสอบถามราคาของแอนโทนี่เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นตอนแอนโทนี่ อายุ 18 ปี ตอนนั้นอาหยักซ์ยื่นข้อเสนอ 3 ล้านยูโร แต่ถูกปฏิเสธ
ข้อเสนอหนนี้มากกว่าเดิม 5 เท่า นั่นคือ 15 ล้านยูโร พร้อมด้วยออปชั่นเพิ่มเติมในอนาคตคิดเป็นเงิน 19 ล้านยูโร คนที่เลือกปล่อยตัวแอนโทนี่ในราคานั้นคือพาสซาโร่เอง เพราะเขาเชื่อว่าแอนโทนี่พร้อมแล้วสำหรับเวทีใหญ่ และถ้าเขาได้ลงเล่นในเกมที่ผ่านสายตาชาวโลกเยอะ ๆ อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก รับรองได้ว่าเซาเปาโลจะได้เงินมากกว่า 19 ล้านยูโรอย่างแน่นอน
พาสซาโร่ขายแอนโทนี่ในราคาสุดถูก ก่อนจะห้อยท้ายด้วยเงื่อไขพิเศษ นั่นคือหากมีการย้ายทีมครั้งต่อไป อาหยักซ์จะต้องแบ่ง 20% ของจำนวนเงินทั้งหมดให้กับเซาเปาโลด้วย
"ผมขายเขาในราคานั้นและใส่ออปชั่นนั้นลงไป เพราะผมรู้ตั้งอย่างแน่ชัดว่าแอนโทนี่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในเวลาอันใกล้นี้" พาสซาโร่ ทำนายทายทัก ก่อนที่จะปล่อยลูกรักไปเล่นในยุโรปในช่วงปี 2020
เพชรที่ต้องเจียระไน
ในวันงานแถลงข่าวเปิดตัวแอนโทนี่ในปี 2020 นักข่าวชาวดัตช์ยกมือถาม เอริค เทน ฮาก กุนซือของอาหยักซ์ในเวลานั้น ว่า "การเสีย ฮาคิม ซิเย็ค ไปจะถูกทดแทนด้วยดาวรุ่งวัย 19 ปีชาวบราซิลคนนี้ได้หรือ ?"
เทน ฮาก ตอบกลับสั้น ๆ แต่ได้ใจความว่า "แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะกลายเป็นสตาร์คนต่อไปของอาหยักซ์"
การเจียระไนเริ่มขึ้น เอริค เทน ฮาก อาจจะพูดไว้ยิ่งใหญ่ แต่ความจริงเขาเองก็ยอมรับว่าแอนโทนี่นั้นเป็นปีกที่มีความสามารถ แต่ยังเป็นของที่ต้องสอนกันเพิ่ม เพราะเดิมทีแอนโทนี่เล่นปีกขวาถนัดเท้าซ้ายและมีวิธีการเล่นไม่หลากหลายนัก เมื่อได้บอลที่ริมเส้นเขาจะตัดเข้าซ้ายเพื่อเล่นกับเท้าข้างถนัด ซึ่งจุดนี้ เทน ฮาก มองว่า "ดิบ" เกินไป
ทิม วิคเคอรี่ กูรูฟุตบอลอเมริกาใต้เล่าเรื่องของแอนโทนี่ตอนที่อยู่ในลีกดัตช์ให้สื่ออังกฤษอย่าง สกาย สปอร์ต ฟังว่า "แอนโทนี่ มีดีกรียู-23 ทีมชาติบราซิลตอนเขามาถึง แต่อาหยักซ์ ต้องปรับเขาอีกพอสมควร เขาเล่นฟุตบอลหน้าเดียวและพยายามเลี้ยงเกินกว่าที่ควร ทุกครั้งที่เขาได้บอลเขาจะทำให้ทีมช้าลง"
"เขาจะลากไปริมเส้นขวาและล็อกเข้าซ้ายข้างถนัด มีแค่นี้เลย แต่ เทน ฮาก เข้าหาเขาแบบตัวต่อตัวและพัฒนาเขาจากปีกตัวเล็กที่เล่นบอลหน้าเดียวให้กลายเป็นคนที่มีประโยชน์กับทีมมากขึ้น เริ่มจากทำให้เขาตัวใหญ่ขึ้น ทำให้เขาขยันขึ้น และทำให้เขาเล่นไปแล้วใช้สมองคิดมากขึ้น ... ซึ่งนั่นก็ได้ผลจริง ๆ" วิคเคอรี่ กล่าว
อย่างที่เรากล่าวไว้ ปัญหาของจอมเทคนิคชาวบราซิลหลายคนคือไม่ยอมเรียนรู้วิธีอ่านเกม พวกเขาเล่นตามใจตัวเองมากกว่า โชคดีที่ เทน ฮาก ไล่จี้ใส่แอนโทนี่เป็นช็อต ๆ ตั้งแต่เขาอายุ 19 ปี จนกระทั่งผ่านไป 3 ปี เทน ฮาก ถึงกับยอมรับการยกระดับของแอนโทนี่ว่าเป็น "การพัฒนาที่งดงามเหลือเชื่อ"
"สิ่งที่แอนโทนี่ต้องทำคือการโฟกัสกับฟุตบอลมากกว่าข้อเท้าของตัวเอง เขาจะอันตรายต่อคู่แข่งมากถ้าเขาเลิกคิดเรื่องท่าและการโชว์สกิลสวย ๆ เขาต้องเปลี่ยนความสวยงามให้กลายเป็นประสิทธิภาพแทน เพราะนักเตะอย่างเขาจะได้เล่นบอลในจังหวะสุดท้ายบ่อยมาก ๆ ... แม้ในความเป็นจริงผมจะยอมรับว่าผมสนุกมาก ๆ ที่ได้ดูเขาใช้ความเร็วเอาชนะคู่แข่งก็เถอะ" เทน ฮาก กล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนแอนโทนี่ได้จริง ๆ ตัวรุกชาวบราซิลพัฒนาจากปีกขวาหน้าเดียวกลายเป็นทั้งเล่นได้ในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำและปีกซ้าย ผลงานที่ตามมาจากการ "เล่นให้น้อยแต่มีประสิทธิภาพมาก" คือ แอนโทนี่ซัดไป 11 ประตูในปีแรกกับอาหยักซ์ และซัดไปอีก 12 ประตูในปีต่อมา ก่อนช่วยพาทีมคว้าแชม์ฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วยในประเทศแบบครบถ้วน นอกจากนี้แอนโทนี่ยังก้าวขึ้นไปติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่อีกด้วย
ความสำเร็จที่งดงามของอาหยักซ์ในการปั้นแอนโทนี่ดำเนินมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นตอนจบและเป็นการสิ้นบทบาทของ เอริค เทน ฮาก เมื่อเขาย้ายไปคุม แมนฯ ยูไนเต็ด และแอนโทนี่ก็กลายเป็นเป้าหมายแรก ๆ ของ เทน ฮาก มาตลอด ก่อนที่จะใช้เวลาสักพักปิดดีลไปที่ 100 ล้านยูโร และกลายเป็นสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในดัตช์ลีก พร้อมเป็นนักเตะที่แพงอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด รองจาก ปอล ป็อกบา...
อะไรจะแพงขนาดนั้น ?
ท่ามกลางความยินดีของแมนฯ ยูไนเต็ด มีใครหลายคนตั้งคำถามว่า 100 ล้านยูโรสำหรับนักเตะดัตช์ลีกนั้นแพงไปหรือไม่ ?
ทิม วิคเคอรี่ คนเดิมบอกว่ามันเป็นราคาที่แพงมาก ๆ แต่มันไม่ใช่ราคาที่เป็นไปไม่ได้โดยเฉพาะกับแอนโทนี่ที่มีปูมหลังเกี่ยวพันกับ เทน ฮาก โดยตรง เรียกได้ว่าทั้งสองเรียนรู้ เติบโต และประสบความสำเร็จมาพร้อม ๆ กันเลยก็ว่าได้
ความสัมพันธ์ของ เทน ฮาก และ แอนโทนี่ เป็นเหตุผลหลักที่แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องพยายามทุ่มคว้าตัวแอนโทนี่มาให้ได้ในตลาดซื้อขายครั้งนี้ หากเปรียบเทียบสนามแข่งขันฟุตบอลเป็นสนามรบ แอนโทนี่ ก็เหมือนหัวหมู่ทะลวงฟันคู่ใจที่ เทน ฮาก เรียกใช้บริการเมื่อไหร่ก็ไม่ผิดหวัง
วิคเคอรี่ขยายความต่อว่านอกจาก เทน ฮาก จะรู้วิธีใช้ แอนโทนี่ แล้ว เขายังมีความรู้ว่าแอนโทนี่คือนักเตะที่ยังสามารถต่อยอดการพัฒนาไปได้อีกหากได้เจอเวทีที่แข็งขึ้นและคู่แข่งที่แกร่งขึ้นอย่างพรีเมียร์ลีก ... แม้เป็นการคาดเดาเหมือนกับการซื้อล็อตเตอรี่ แต่ก็เหมือน เทน ฮาก ที่ฝันเห็นเลขเด็ดแล้วตื่นเช้ามาเหมาเลขนั้นจนหมดแผง เรียกง่าย ๆ ว่าทุ่มหมดหน้าตักไม่ซื้อเลขอื่นเผื่อไว้เลย ... เป็นความอยากได้รับที่ฝั่งอาหยักซ์ที่รู้ดีเพราะรู้จักและเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาตลอด และมันทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่า "โขกเต็มที่ผีเเดงยอมจ่าย"
นอกจากความรู้อกรู้ใจเหมือนพกคู่มือใช้งานมาเเล้ว ยังมีเรื่องที่วิคเคอรี่แสดงความเห็นต่อราคาของแอนโทนี่ที่แพงหูฉี่ว่าเป็นเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด เองที่เปิดหัวซัมเมอร์นี้ด้วยการคว้านักเตะอาหยักซ์มาแล้วคนหนึ่งด้วยราคา 57 ล้านปอนด์อย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลังชาวอาร์เจนตินา และหากจะเทียบระหว่าง มาร์ติเนซ กับ แอนโทนี่ ก็ต้องยอมรับว่าแอนโทนี่มีออร่าความเป็นสตาร์มากกว่าไม่น้อย ดังนั้นเมื่อคุณเอาตัวรองท็อปไปในราคา 57 ล้านปอนด์ ไม่มีทางที่คุณจะได้ตัวท็อปไปในราคาที่ถูกกว่าหรือใกล้เคียงแน่นอน
"ปัญหาก็คือเกณฑ์มาตรฐานเรื่องเงินมันพุ่งไปแล้วเมื่อวันที่ยูไนเต็ดจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อ ลิซานโดร มาร์ติเนซ" วิคเคอรี่ กล่าว
"ว่ากันตามตรง แอนโทนี่อายุน้อยกว่า เป็นนักเตะที่มีเสน่ห์น่าจดจำมากกว่า และมีแววจะไปได้ไกลกว่า ลองคิดภาพสิว่าถ้าคุณเป็นอาหยักซ์คุณจะยอมขายแอนโทนี่ด้วยเงินน้อยกว่ามาร์ติเนซได้ไหม ? ... ไม่มีทางซะหรอก"
"ดังนั้นถ้ายูไนเต็ดอยากจะได้ตัวเขาจริง ๆ ก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ด้วย พวกเขาต้องทุ่มแบบไม่ต้องหวังเลยว่าจะได้ของถูก"
ประการสุดท้ายคือ อาหยักซ์ ไม่ได้อยากจะขาย แอนโทนี่ จริง ๆ ในตอนแรก พวกเขายืนกรานปฏิเสธราคาที่แมนฯ ยูไนเต็ด ยื่นให้ตั้งแต่ 80, 85, 90 และ 95 ล้านยูโรตามลำดับ เพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไรนัก เพราะก่อนจะขายแอนโทนี่ อาหยักซ์ก็ทำเงินไปแล้วมากกว่า 100 ล้านยูโรในตลาดครั้งนี้กับทั้งการขาย เซบาสเตียน ฮัลแลร์ ให้ ดอร์ทมุนด์, ขาน ไรอัน กราเวเบิร์ช ให้ บาเยิร์น มิวนิค, ขาย เพอร์ ชูร์ส ให้ โตริโน่, ขาย นิโคลัส ตาเกลียฟิโก ให้กับ ลียง รวมถึง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ด้วย
ไม่ว่าจะเก่งมากจากไหน แต่การเปลี่ยนทีมแบบยกชุดคือหายนะที่ไม่มีสโมสรไหนอยากเจอ หากพวกเขาเสียตัวหลักออกไปทั้งหมดและไม่มีใครเป็นเสาหลักเลยปัญหาจะตามมาแน่ แฟน ๆ ของอาหยักซ์ก็เริ่มจู่โจมบอร์ดบริหารว่าห่วงแต่จะขาย แต่ไม่ห่วงความสำเร็จของสโมสรเลย ดังนั้นอาหยักซ์ก็ฝืนมาตลอดจนกระทั่งเจอราคา 100 ล้านยูโรที่เป็นราคาที่ปฏิเสธไม่ลง แถมนักเตะยังเริ่มออกลูกงอแง จนสุดท้ายการซื้อขายก็จบลงอย่างเรียบร้อยตามที่หลายคนได้เห็นเป็นข่าวใหญ่ไปไม่นานนี้
เรื่องของราคาค่าตัวนักเตะคือสิ่งที่เราได้เห็นคนวิจารณ์มาตลอด คนนั้นแพงไป คนนี้ถูกไป ที่สุดแล้วของเแบบนี้อยู่ที่การตกลงกันของทั้งสองฝ่าย ... ไม่ผิดอะไรที่คุณจะคิดว่าราคานี้แพงเกินจริง แล้วก็ไม่มีใครว่าหากคุณจะบอกว่าค่าตัว 100 ล้านของแอนโทนี่คือราคาที่เหมาะสมแล้ว
เพราะที่สุดแล้วการถกเถียงกันจะจบลงก็ต่อเมื่อทุกคนได้เห็นผลลัพธ์ในฤดูกาลต่อจากนี้ เราทุกคนจะเริ่มได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวแอนโทนี่ และเมื่อซีซั่นสิ้นสุดลง ประเด็นว่า "คุ้ม หรือ ไม่ ?" ค่อยมาพูดถึงกันใหม่อีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/sport/football/62718079?fbclid=IwAR2xMHOWELX4SlRQM-gAdBe6Ftb5D6HgxjzJcu7lAXKc2iqeNl0feUVixWA
https://en.wikipedia.org/wiki/Antony_(footballer,_born_2000)
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9
https://www.skysports.com/football/news/11667/12681337/antony-to-man-utd-why-the-ajax-winger-is-erik-ten-hags-man-and-where-he-fits-in
https://www.elartedf.com/antony-dos-santos-the-story-of-brazil-and-ajaxs-brightest-young-talent/