Feature

เป็นกลาง ไม่แทงเอง : โทนี่ บลูม เจ้าของ ไบรท์ตัน และนักพนันในตำนาน | Main Stand

ไม่มีกิจการใดจะหาเงินเข้ากระเป๋าง่ายเท่ากับการพนันอีกแล้ว ผลตอบแทนวงการนี้สูงลิบมหาศาล คุณเองเคยได้เห็นข่าวนักพนันจากประเทศที่มีบ่อนถูกกฎหมายทายผลการแข่งขันถูกต้องหมดทั้ง 12 คู่จนสามารถเปลี่ยนเงินหลักร้อยให้กลายเป็นหลักล้านได้บ่อยๆ


 

อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินวลีเด็ดแห่งวงการนี้ "ไม่มีใครเก่งเกินเจ้ามือ" แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด โลกใบนี้มีผู้ปราดเปรื่องซ่อนตัวอยู่เสมอ และในวงการเดิมพันกีฬาก็เช่นกันมีหลายคนที่เรียกตัวเองว่ามีอาชีพเป็น "นักพนัน" เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จุนเจือครอบครัวมาจากการเดิมพันกีฬา และบางคนต่อยอดจนกลายเป็นมหาเศรษฐีของประเทศเลยก็มี ว่าแต่พวกเขาทำอย่างไรจึงกลายเป็นเพียง 1 ในจำนวนเพียงหยิบมือที่เอาชนะโต๊ะได้ วันนี้ MainStand จะเจาะลึกชีวิตของ โทนี่ บลูม ผีพนันระดับเวิลด์คลาส ให้คุณได้รับรู้

 

รักการเสี่ยงตั้งแต่เด็ก

คุณเคยได้ยินชื่อของชาวอังกฤษที่ชื่อ โทนี่ บลูม หรือเปล่า? ... เราเชื่อว่าส่วนใหญ่อาจจะส่ายหัวแทนคคำตอบ แต่เขาคนนี้คือคนที่เปลี่ยนสถานะจาก "ผีพนัน" สู่เจ้าของ Starlizard บริษัทมหาอำนาจของวงการเดิมพันฟุตบอลและการพัฒนาขีดจำกัดจนถึงขั้นเป็นผู้รับจัดการกองทุนและโบรกเกอร์หุ้นในภายหลัง

บริษัทแห่งนี้มีเงินสดหมุนเวียนปีละ 130 ล้านปอนด์ มีพนักงานถึง 200 คน ที่โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะมีหน้าจอเต็มไปหมดและบริษัทนี้จะครึกครึ้นเป็นพิเศษเมื่อถึงวันเสาร์อาทิตย์ที่ถือว่าเป็นสุดสัปดาห์แห่งการดูกีฬา

อ่านมาถึงตรงนี้เราคิดว่าคุณอาจจะเดาว่าบริษัทของเขาคือบ่อนพนันถูกกฎหมาย ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณกำลังคิดผิด เพราะบริษัท Starlizard แห่งนี้คือสถานที่ที่ "แนะนำ" การเลือกเดิมพัน ว่าง่ายๆ คือพวกเขามีหน้าที่ชี้เป้าว่าควรเดิมพันอย่างไรจึงจะโกยเงินจากโต๊ะใส่กระเป๋า และสำหรับหน้าที่แบบนี้ได้แน่นอนว่าพวกเขาต้องผ่านประสบการณ์บนสนามพนันมามากมายจนเห็นช่องทางบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็น และ บลูม เองคือคนที่ค้นพบว่าตัวเองชอบความเสี่ยงมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบเลยด้วยซ้ำไป

"ตั้งแต่อายุ 8-9 ขวบ ผมก็ลงไปเล่นตู้สล็อตผลไม้ในร้านย่าน เวสต์สตรีท กับเพื่อนๆ แล้ว" ราชาแห่งการเดิมพันกล่าวถึงจุดเริมต้นเล็กๆ

ถ้าหากเราทำงานที่เรารัก เราจะรู้สึกว่าไม่ได้ทำงานตลอดชีวิต ... การเล่นแบบเข้าสายเลือดคือสิ่งที่ทำให้เขาพบว่าแท้จริงแล้วเขาชอบเล่นการพนันจนถึงขั้นต้องหางานทำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยทีเดียว

"ผมอยากเป็นนักพนันเพราะว่าผมสนุกกับมันมาก ผมอยากจะเจอกับวิธีทีเอาชนะ โดยที่ผมไม่ต้องเสียเงินของตัวเองเลยแม้แต่แดงเดียว" และหลังจากนั้นฉายา "เดอะ ลิซาร์ด" ที่มีความหมายมาจากการตัดสินใจที่แม่นยำเหมือนกับสัตว์เลือดเย็นอย่างกิ้งก่า  ของเขาก็เริ่มขึ้น

 

เล่นอย่างมีแบบแผน

"ที่ไหนที่มีการแข่งฟุตบอล ที่นั่นมีการพนัน" นี่คือวลีเด็ดของ บลูม ที่เขาใช้หางานในช่วงแรกๆ

บลูม คือคนอังกฤษ และแน่นอนว่าเขาต้องบ้าฟุตบอลอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างคือเขาเป็นคนที่มีเงิน นั่นทำให้เขากล้ายอมทุ่มก้อนใหญ่ เพื่อกำไรที่ก้อนโต (กว่า) ในภายหลัง

ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างตึงเครียดกับชีวิตเป็นอย่างมาก สีหน้าอันเรียบเฉยและเก็บอารมณ์ที่มิดชิดทำให้เขาเริ่มเส้นทางนักพนันระดับอาชีพด้วยการเป็นนักเล่นไพ่โป๊กเกอร์

บลูม มาด้วยวลีประจำตัวที่ว่า "สำหรับเงินก้อนโต คุณย่อมมีความเสี่ยงที่จะแพ้" นั่นจึงทำให้เขาไม่กลัวที่จะเล่นหนัก อย่างไรก็ตามความบ้าคลั่งอย่างเดียวไม่ใช่คุณสมบัติของนักพนันที่ดีได้ เหตุผลอีก 2 ข้อที่ทำให้ บลูม เก่งกาจคือเขาเป็นคนที่เก่งมากทางด้านคณิตศาสตร์และสิ่งนี้มีความจำเป็นในระดับหนึ่งสำหรับการเล่นโป๊กเกอร์  นอกจากนี้ทีเด็ดอีกอย่างคือ "โป๊กเกอร์เพซ" นั่นคือการเก็บสีหน้าได้อย่างมิดชิดไม่เปิดช่องให้คู่แข่งได้รู้ว่ากำลังถือไพ่อะไรและคิดอะไรอยู่

เหตุผลทั้งหมดทำให้เป็นแชมป์โป๊กเกอร์ในรายการระดับเมเจอร์ที่ ออสเตรเลีย เมื่อปี 2007 และคว้ารางวัลมาถึง 180,000 ปอนด์ จากนั้นไม่นานเขาคว้าแชมป์ในปี 2008 อีกรายการ ส่วนเงินรางวัลทุกรายการที่เขาได้ รวมกันมากถึง 1.5 ล้านปอนด์

"โป๊กเกอร์จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีมากในการอ่านสถานการณ์ต่างๆ คุณจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเวลาเจอเรื่องที่ยากต่อการฟันธง ทักษะเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เกี่ยวกับการธุรกิจและฟุตบอล"

ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่คงหยุดแค่ที่วงการโป๊กเกอร์ แต่ บลูม ขยับมาเอาดีทางด้านการหาเงินจากฟุตบอล ในช่วงเวลาหลังจากนั้น

อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ เขาเป็นพวกมืออาชีพตั้งแต่เกิด เขาไม่ได้มองเฉพาะแค่ฟุตบอลภายในประเทศอังกฤษเท่านั้น และทุกการเดิมพันเขาทำมันอย่างรอบคอบและลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด กล่าวคือเขาไม่เคยเอาเรื่องความรู้สึก ความรักความชอบ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกเดิมพันแต่ละครั้ง บอลทุกลีกมีโอกาสสร้างกำไรทั้งหมด เพียงแต่ต้องผ่านการตัดสินใจและหาเหตุผลอ้างอิงจนน่าเชื่อถือมากพอ หลังจากนั้นเขาจึงเอาเงินลงไป เมื่อทุกอย่างถูกคำนวนทางคณิตศาสตร์มาเป็นอย่างดี ก็มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะพลาดเป้า

"นักพนันที่ฉลาดส่วนใหญ่จะอ่านข้อมูลเรื่องอาการบาดเจ็บสภาพทีมของแต่ละทีมให้มากที่สุด บางครั้งอัตราเดิมพันจะขยับให้เห็นเอง เมื่อนักเตะ 1-2 คนหายไปจากทีมชุดการแข่งขัน เมื่อผมได้วิเคราะห์จากสถานการณ์เหล่านี้แล้วผมจะรู้ว่าฝั่งไหนที่ผมไม่อยากวางเดิมพันด้วย" การเผยไต๋ทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนัก และนี่จึงเป็นสิ่งที่ บลูม แค่เปรยมาเพียง 10% ของวิธีการที่เขารู้

"สภาพอากาศ ขวัญกำลังใจของทีม (ข้อมูลจากคนที่เรียกตัวเองว่า "วงใน") จะถูกนำมาวิเคราะห์จนละเอียดเหมือนกับใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องเลยทีเดียว" และนี่คือสิ่งที่อดีตลูกน้องของ บลูม และพนักงานในบริษัท Starlizard เผยถึงวิธีการเดิมพันของเจ้านายเก่าของเขา

สิ่งหนึ่งที่ "น่าจะ" เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เส้นทางสายพนันของ บลูม ประสบความสำเร็จจนก้าวมาเป็นเจ้าของบริษัทที่่ใหญ่โต นั่นก็คือเครือข่ายของเขาคือมือโปรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวอาวุโส, ผู้เชี่ยวชาญของลีกนั้นๆ สิ่งที่เขาอยากจะได้มากที่สุดคือเรื่องของ แผนการเล่น และ สภาพความมั่นใจของแต่ละทีม ซึ่งจากจุดนี้จะปรากฎในแต่ละเซสซั่นการฝึกซ้อม ที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เห็น

"ผมไม่สามารถบอกคุณได้แบบละเอียดยิบย่อยขนาดนั้นหรอกนะ แต่สิ่งที่ผมรู้คือผมจะเห็นการเคลื่อนไหวของอัตราต่อรองที่จะเห็นชัดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ทีมใหญ่ๆ 2 ทีมลงแข่งขัน"

การเล่นพนันฟุตบอลด้วยเงินของตัวเองคือสิ่งที่เสียงต่อการ "หมด" ได้โดยง่าย และเขาเองก็รู้เรื่องนั้นดี สิ่งที่เขาเปลี่ยนไปจากนั้นคือเขาเริ่มหาความรู้เกี่ยวกับการพนันมากขึ้น และแล้วเขาก็ได้ค้นพบกับสิ่งที่โลกตะวันตกยังไม่รู้จัก นั่นก็คือการพนันบอลแบบ "เอเชี่ยนแฮนดิแค็ป" (ราคาฟุตบอลประเภทต่อ ปป. ลูกครึ่ง หรือครึ่งควบสอง อย่างที่หลายท่านอาจจะคุ้นๆ กันอยู่แล้ว) และสิ่งนี้นี่เองที่เป็นช่องทางให้เขาเติบโตในวงการพนันอย่างรวดเร็ว

หลายครั้งทีมใหญ่ๆ อาทิ บาร์เซโลน่า (ยกตัวอย่าง) สามารถถล่มทีมอย่าง ราโย บาเยกาโน่ ถึง 3-0 แต่ในทางทฤษฎีของเอเชียนแฮนดิแค็บที่ราคาเปิดมา 3 ลูกครึ่ง ทำให้ "ขาต่อ" (คนที่แทงฝั่งบาร์เซโลน่า) เจ็บใจกันทั้งโลกเพราะอีกประตูเดียวก็ยิงให้ไม่ได้ จนพาลถามหาใครกันหนอช่างเป็นคนที่ออกราคาได้แม่นยำขนาดนี้? ซึ่งคนๆ นั้นคือ บลูม นั่นเอง ... ใช่แล้วเขาเคยเป็นเฮดใหญ่ของบริษัทพนันแห่งหนึ่งใน อินโดนีเซีย และเคยเดินทางมาทำ "งาน" ที่เมืองไทยด้วย เพียงแต่ว่าไม่ได้มีการเปิดเผยว่า งานที่ว่ามีรายละเอียดอย่างไร

"ผมเป็นคนที่ไม่ใช่ชาวเอเชียคนแรกที่เริ่มทำความเข้าใจถึง เอเชี่ยน แฮนดิแค็ป อย่างถ่องแท้ ผมเคยไปทำงานที่ประเทศไทย 7 เดือน และหลังจากนั้นก็ไปต่อที่ ยิบรอลต้า อีก 3 ปี"

การออกราคาที่ทำให้นักพนันเสียเงิน และเอาเงินเข้าโต๊ะคือสิ่งที่ บลูม ทำในช่วงปี 2000 ว่ากันว่าเขามีสถิติทั้งหมดในมือ และสถิติดังกล่าวจะช่วยให้การออกราคาของเขาสมเหตุสมผลและยั่วแมงเม่า (นักพนันทั้งหลาย) ให้ได้มากที่สุดโดยที่นักพนันไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนหลอกด้วยราคานั้น

ไม่ใช่แค่สถิติเท่านั้นที่ทำให้เขาเป็นซือแป๋แห่งวงการ เขามีพื้นฐานเป็นคนชอบดูฟุตบอลอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงให้เวลาดูเกมฟุตบอลแต่ละเกมเป็นจำนวนมากก่อนที่จะตัดสินใจว่า จากสายตาของเขาฟุตบอลคู่นี้ควรต้องออกราคาเท่าไหร่

 

ได้เวลาเปิดบริษัทเอง

หลังจากที่เขาแตกฉานทะลุปรุโปร่งแล้ว บลูม ออกมาเปิดบริษัทเองโดยครั้งแรกเขาเปิดเว็บพนันที่ชื่อว่า "พรีเมียร์ เบ็ต" ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นเซียนด้านการออกราคาต่อรองทำให้เว็บไซต์ของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก


Photo : @OfficialBHAFC

ชีวิตนักพนันของ บลูม ถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนักเดิมพันสู่ผู้เชี่ยวชาญ จากผู้เชี่ยวชาญสู่ผู้ออกราคา และจากผู้ออกราคาเขากลายเป็นบ่อนพนันกีฬา (แบบถูกกฎหมาย) เสียเอง

ไม่มีทางเลยที่เรื่องแค่นี้จะหยุดเขาได้ บลูม มองไปอีกครั้งว่าการจะได้เงินนั้นมีหลายวิธี และเขามีวิธีในหัวที่สร้างความเสี่ยงน้อยกว่ามากกว่าการเป็นคนแทงหรือการเป็นโต๊ะเอง นั่นก็คือการเป็นผู้ให้คำแนะนำในการลงทุน

ในปี 2006 บลูม สร้างบริษัท Starlizard โดยบทบาทคือการเป็นที่บรึกษาและวิเคราะห์ให้ลูกค้าเพื่อได้มีเส้นทางการเลือกเดิมพันที่ฉลาดที่สุด และเพียงปีแรกที่เขาก่อตั้งเขาได้เงินมากถึง 13.8 ล้านปอนด์

หลังจากนั้น บลูม พยายามจะทำให้ Starlizard ยิ่งใหญ่เข้าไปอีก เขารวบรวมผู้เชี่ยวชาญทุกด้านมารวมตัวกันทั้ง มาร์ค ชูการ์แมน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คนดัง, อดัม แฟร้งก์ส นักบัญชีผู้มีอิทธิพล เพื่อมาเป็นทีมเดียวกัน

นอกจากนี้เขายังมีกูรูฟุตบอลกระจายตัวอยู่ทั่วโลกตามสโลแกน "นักเดิมพันมีอยู่ทุกที่ที่มีฟุตบอล" ของบริษัท พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญทั้งในลีกของญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, ตุรกี, โรมาเนีย และอีกมากมาย ดังนั้นบริษัทของเขาจึงต้องทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมงเพราะมีลูกค้าคอยตามความเคลื่อนไหวของฟุตบอลแต่ละลีกที่กล่าวมา โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ที่มีฟุตบอลเยอะ ออฟฟิศของเขาจะวุ่นวายมากเป็นพิเศษ

และเมื่อพนักงานต้องทำงานหนัก บลูม ไม่กลัวที่จะเปย์ให้ลูกน้องของเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ เขาจ่ายเงินแลกให้ลูกน้องมีความสุข และทุกสิ่งทุกอย่างมีบริการอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไม่ว่าจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ พื้นที่สำหรับทำบาร์บีคิว ห้องฟิตเนสแบบครบครัน ห้องเซาน่า ครัวแบบเต็มรูปแบบอาหารฟรีทุกมื้อ ห้องเล่นเกม โต๊ะพูล หรืออะไรต่างๆ ที่คุณจะจินตนาการได้ เมื่อทั้งการจัดการทั้งทางเทคนิคและทางปฎิบัติสมบูรณ์แบบก็ทำให้ Starlizard ประสบความสำเร็จอย่างมากตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้น

อ้อ เผื่อคุณอยากจะรู้ว่าหนึ่งในรายชื่อลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ บริษัท Starlizard คือใคร? ... ว่ากันว่าก็เป็น โทนี่ บลูม นั่นแหละที่เป็นลูกค้าชั้นดีของบริษัทตัวเอง

 

รวยไม่พอ ต้องได้รับการนับหน้าถือตา

การถูกมองว่ารวยจากเงินสีเทามันคงไม่เท่เท่ากับเงินที่ขาวสะอาดจากตำแหน่งที่มีหน้ามีตา

บลูม เริ่มขยับตัวเองอีกครั้งหนนี้เกิดขึ้นในปี 2009 เขากำเงิน 93 ล้านปอนด์ ซื้อหุ้นของสโมสร ไบรท์ตัน ที่สมัยนั้นยังอยู่ในลีกวันอยู่เลยด้วยซ้ำ แม้หลายคนจะบอกว่าเป็นการลงทุนที่แพงมากสำหรับทีมระดับดิวิชั่น 3 แต่ บลูม คือคนท้องถิ่น เขาเกิดและโตที่ไบรท์ตัน ดังนั้นเขาจึงถือว่านี่เป็นการเล่นสนุกกับการตามฝันมากกว่าการมองเรื่องกำไรและขาดทุน นอกจากนี้ยังเป็นการสืบสานตำนานของครอบครัวอีกด้วย เพราะลุงของเขาเคยเป็นผู้อำนวยการสโมสรและปู่ของเขาเคยเป็นรองประธานสโมสรในช่วงยุค 70's

"ผมเป็นนักพนันและแฟนบอลมาตั้งแต่ 7 ขวบ ผมพยายามจะดันขีดศักยภาพทั้งสองด้านของตัวเองเสมอ" บลูม ยืนยันถึงเหตุผลที่ทำในสิ่งที่ค้านสายตาคนส่วนมาก

การเข้ามาของบลูมเริ่มต้นด้วยการแต่งตั้ง กัส โปเยต์ (หรือ กุสตาโว โปเยต์ อดีตนักเตะ เชลซี ยุค 90's นั่นเอง) เป็นกุนซือ หลังจากนั้น 2 ปี พวกเขาก็ได้ขึ้นมาเล่นในเดอะแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งช่วงเวลาหลังจากนั้นเป็นการลองผิดลองถูก เพราะมีการใช้กุนซือหลายรายทั้ง ออสการ์ การ์เซีย และ ซามี ฮูเปีย จนกระทั่งในปี 2014 ได้ คริส ฮิวจ์ตัน เข้ามาคุมทีมและพาเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2017

จากเงิน 93 ล้านปอนด์ในวันที่เขาเข้ามา ไบรท์ตัน ถูกตีมูลค่าถึง 195 ล้านปอนด์ในปัจจุบัน (อันดับ 15 ของพรีเมียร์ลีก) ... หมดข้อโต้แย้งใดๆ ในตัวเขาอีกต่อไป บลูม ทำได้อีกแล้ว ดูเหมือนว่ามีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่เขาเอาชนะ นั่นคือครั้งแล้วกับครั้งเล่านั่นเอง


Photo : @OfficialBHAFC

"โทนี่ เป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ การคิดเชิงวิเคราะห์ของเขาแม่นยำอย่างมหาศาล ดังนั้นเขาจึงตีตัวเลขที่มีเป็นความเชื่อมั่นในการติดสินใจได้อย่าง่ายดาย" หนึ่งในบอร์ดบริหารของ ไบรท์ตัน พูดถึงเจ้านายใหญ่ของเขา

ครับ ... ไม่ต้องบอกก็รู้

 

แหล่งอ้างอิง

http://www.thejournal.ie/tony-bloom-starlizard-2597458-Feb2016/
http://uk.businessinsider.com/inside-story-star-lizard-tony-bloom-2016-2

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง