Feature

นัยยะที่แอบแฝง : ส่องความเป็นญี่ปุ่น ผ่านกองหน้าแบบ “เจแปนสไตล์” | Main Stand

เมื่อพูดถึงเกมการแข่งขันฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันระดับไหนเป้าหมายที่ฝ่ายชนะจะต้องทำให้สำเร็จนั่นคือ “การทำประตู” ให้มากกว่าอีกฝ่าย ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ฝ่ายที่ชนะจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือคุณภาพของนักเตะในสนาม โดยเฉพาะหากมองถึงการทำประตู นักเตะในตำแหน่งกองหน้า คือคนที่ถูกคาดหวังมากที่สุดในการรับผิดชอบหน้าที่นี้

 


นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเตะในตำแหน่งกองหน้าส่วนใหญ่ถูกยกย่องให้เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในทีม เพราะพวกเขาต่างต้องรับบทบาทในการเป็นผู้ไล่ล่าและสังหารประตู ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อีกทั้งยังมอบความกดดันมหาศาลแก่นักเตะเหล่านี้ระหว่างเกมการแข่งขัน

สำหรับคุณสมบัติโดยทั่วไปของการเป็นยอดกองหน้า นอกจากความสามารถในการจบสกอร์อันเฉียบคมแล้ว สรีระที่สูงใหญ่น่าเกรงขาม ทัศนคติความเห็นแก่ตัว หรืออีโก้ในการทำประตู ล้วนเป็นสิ่งที่กองหน้าระดับโลกนั้นพึงมี

อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นกับเหล่ากองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นในปัจจุบัน เนื่องจากกองหน้าของพวกเขามีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเองและแตกต่างจากสูตรสำเร็จของกองหน้าที่ทั่วโลกให้การยอมรับอย่างสิ้นเชิง

กองหน้าในอุดมคติของทีมชาติญี่ปุ่นเป็นอย่างไร และมันสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของคนในชาติมากน้อยเพียงใด ร่วมหาคำตอบไปกับเรา Main Stand

 

เบื้องหลังสไตรเกอร์แบบญี่ปุ่น

สไตล์กองหน้าที่ทีมชาติญี่ปุ่นนิยมเลือกใช้นั้นมีพื้นเพมาจากแผนการเล่นและปัจจัยบางอย่างที่ติดตัวพวกเขามาตั้งแต่อดีต สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลให้กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นถูกผลิตออกมาในรูปแบบเฉพาะตัว

สำหรับแผนหรือสไตล์การเล่นประจำของทีมชาติญี่ปุ่น พวกเขาคือทีมที่เล่นฟุตบอลกันโดยใช้ระบบการต่อบอลและเพรสซิ่งที่เปี่ยมไปด้วยทีมเวิร์ก ทุกคนในทีมตั้งแต่กองหลังยันกองหน้าต้องร่วมเล่นเป็นระบบไปพร้อม ๆ กันโดยไม่มีคนที่ทำตัวโดดเด่นกว่าใคร ซึ่งการเล่นในลักษณะเช่นนี้เหมือนจะดูดี แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นกองหน้าของพวกเขาอย่างใหญ่หลวง

การเล่นที่ไม่ได้มอบอิสระแก่กองหน้าแต่เป็นการมอบหน้าที่หลักในการวิ่งเพรสซิ่งแดนบนเพื่อคอยฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของกองหลังคู่แข่ง ทำให้กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นสูญเสียสัญชาตญาณของความเป็นสไตรเกอร์ไปยามที่พวกเขาลงเล่นในนามทีมชาติ

เคียวโกะ ฟุรุฮาชิ คือหนี่งในตัวอย่างที่ชัดเจน เขาคือกองหน้าชาวญี่ปุ่นที่โชว์ฟอร์มทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับสโมสรอย่าง เซลติก ในลีกสูงสุดสกอตแลนด์ แต่กลับไม่สามารถนำฟอร์มดังกล่าวมาใช้กับทีมชาติได้ โดยเขาได้โอกาสลงเล่นกับทีมชาติไป 16 นัด ยิงไป 3 ประตู พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยน่าประทับใจ จนเป็นเหตุให้ดาวยิงรายนี้หลุดออกจากรายชื่อผู้เล่นทีมชาติญี่ปุ่นที่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

เพราะสไตล์การเล่นของทีมชาติญี่ปุ่นที่เน้นการเล่นเป็นระบบมากจนแทบไม่มีใครในสนามกล้าที่จะเสี่ยงเล่นแบบคิดนอกกรอบ อย่างเช่นการตัดสินใจที่จะทำประตูด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นกองหน้ามักชอบทำกันนั้นก็ไม่ค่อยจะพบเห็นได้นักในกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น

นอกจากแผนหรือสไตล์การเล่นแล้ว เรื่องสรีระทางด้านร่างกายที่เหล่ากองหน้าญี่ปุ่นได้พันธุกรรมมาจากบรรพบุรุษเองก็มีผลทำให้พวกเขาต้องหันมาเล่นแบบวิ่งสู้ฟัดแทนที่จะเล่นแบบที่กองหน้าทั่วไปเล่นกัน นั่นคือการยืนรอเพื่อนทำเกมขึ้นมาแล้วรอทำประตูเป็นหลัก

เนื่องจากส่วนสูงโดยเฉลี่ยของผู้ชายญี่ปุ่นคือ 171.5 เซนติเมตร ซึ่งไม่ได้สูงมากนักหากเทียบกับกองหน้าจากชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะกองหน้าในทวีปยุโรปที่สูงกว่าพวกเขาแบบไม่เห็นฝุ่น

ข้อแตกต่างนี้ทำให้กองหน้าญี่ปุ่นต้องนำหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบเวลาลงเล่นกับทีมชาติ นั่นคือการวิ่งไล่เพรสซิ่งกดดันกองหลังคู่แข่งมาเป็นจุดเด่นในการเล่นให้กับทีมชาติ เพื่อกลบจุดด้อยของตัวเองในเรื่องส่วนสูงที่จะทำให้พวกเขาเล่นลูกกลางอากาศหรือเข้าปะทะกับกองหลังคู่แข่งได้ยากลำบาก

จากสไตล์การเล่นของกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นเช่นนี้จึงพัฒนากลายมาเป็นประเภทของกองหน้าที่เริ่มนิยมใช้กันในฟุตบอลสมัยใหม่ นั่นคือ “Pressing Forword” หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “กองหน้าตัวรับ” 

โดยหน้าที่หลักของกองหน้าประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับสไตล์การเล่นของกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น นั่นคือการคอยวิ่งกดดันกองหลังหรือกองกลางตัวรับที่กำลังครองบอลอยู่ให้เกิดความผิดพลาดแล้วไล่เก็บบอลที่กระฉอกออกมา ส่วนเรื่องการทำประตูสำหรับกองหน้าประเภทนี้จะถูกลดความสำคัญลงไป

ตัวอย่างนักเตะผู้มักสวมบทบาทเล่นเป็นกองหน้าแบบ Pressing Forword ที่เห็นภาพชัดเจนคือ เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ที่เรามักจะจำเขาได้ในฐานะของกองหน้าที่วิ่งไม่มีหมดสมัยที่เขายังหนุ่มยังแน่น ตามแบบฉบับของกองหน้าประเภทนี้

กองหน้าตัวรับเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นหลังการเข้าสู่โลกฟุตบอลสมัยใหม่ที่ผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าจะต้องทำได้มากกว่าแค่การทำประตู ซึ่งมันทำให้กองหน้าประเภทโป้งปิดบัญชี (Poacher) เริ่มจางหายไปบ้าง ทีมชาติญี่ปุ่นก็ยึดถือแนวทางการใช้กองหน้าแบบ Pressing Forword ซึ่งเป็นกองหน้าประเภทที่พร้อมวิ่งเพื่อสร้างประโยชน์ต่าง ๆ ให้ทีมอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบของเทรนด์การเล่นฟุตบอลที่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร

เหตุผลที่ทำให้กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นเต็มไปด้วยนักเตะประเภทกองหน้าตัวรับนั้นมาจากแผนการเล่นของพวกเขาผสมเข้ากับสรีระทางด้านร่างกายก็จริง แต่ปัจจัยใหญ่ที่สุดที่ทำให้กองหน้าตัวรับเหล่านี้ไร้ซึ่งความเฉียบขาดในการจบสกอร์จนกลายเป็นปัญหาการขาดแคลนกองหน้าคม ๆ ของทีมชาติญี่ปุ่นที่ยังคงเรื้อรังมาถึงทุกวันนี้คือความคิดอย่างหนึ่งที่แฝงอยู่ในกองหน้าของพวกเขา

 

ภาพสะท้อนตัวตนแท้จริง

นักเตะทีมชาติญี่ปุ่นต่างถูกฝังความคิดอย่างหนึ่งระหว่างที่พวกเขาลงไปเล่นในสนาม ซึ่งเป็นความคิดของคนหมู่มากในสังคมญี่ปุ่น นั่นคือการสร้างตัวตนผ่านบทบาทและคุณค่าที่แต่ละคนมีต่อสังคม และมันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กองหน้าแบบโป้งปิดบัญชีไม่ได้รับความนิยมในทีมชาติญี่ปุ่น เพราะการมีส่วนร่วมกับทีมที่น้อยของกองหน้าประเภทนี้ได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าต่อทีมที่น้อยตาม ดังนั้นกองหน้าประเภทนี้จึงหาได้ยากในนักเตะญี่ปุ่น

และถ้ามองจุดเริ่มต้นการเริ่มเล่นฟุตบอลของนักเตะทีมชาติญี่ปุ่นชุดปัจจุบันหลาย ๆ คนจะพบว่าพวกเขาเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองกลางเป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยผลกระทบจากความเฟื่องฟูของมังงะที่ชื่อ “กัปตันสึบาสะ” ที่ทำเอานักเตะแดนปลาดิบหลายคนเลือกที่จะเล่นตำแหน่งกองกลางตามพระเอกของเรื่อง รวมถึงการมีส่วนร่วมกับเกมที่เยอะของกองกลางก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

มายะ โยชิดะ กองหลังทีมชาติญี่ปุ่น ชุดฟุตบอลโลก 2022 ก็เริ่มเล่นฟุตบอลจากการเป็นกองกลางมาก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งกองหลังในเวลาต่อมา หรือ ชูโตะ มาชิโนะ กองหน้าที่ถูกเรียกติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดไปฟุตบอลโลก 2022 แบบไม่คาดถึง ก็เริ่มเล่นฟุตบอลจากตำแหน่งกองกลาง

แล้วถ้านักเตะญี่ปุ่นอยากจะเล่นตำแหน่งกองหน้า การเล่นเป็นกองหน้าตัวรับจะเป็นตัวเลือกที่ดีสุดสำหรับพวกเขา เพราะกองหน้าแบบนี้จะส่งผลให้นักเตะมีบทบาทกับทีมมากขึ้น หรือก็คือการสามารถสร้างตัวตนในทีม

แต่หากพวกเขาเลือกที่จะเล่นกองหน้าประเภทที่จะเอาแต่ทำประตูหรือมีความต้องการจะเล่นอย่างมีอิสระ พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ เป็นนักเตะที่ทีมไม่ต้องการ จนสุดท้ายก็ถูกบีบออกจากทีม และปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

ญี่ปุ่นมีสุภาษิตหนึ่งที่ว่า “ตะปูที่ยื่นออกมาจะถูกตอกกลับเข้าไป” เปรียบเสมือนกับกองหน้าญี่ปุ่นบางคนที่คิดนอกกรอบ อยากจะทำประตู อยากจะโดดเด่นไม่เหมือนใคร กองหน้าเหล่านั้นจะถูกจัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทางเหมือนคนอื่น ๆ และถ้าจัดระเบียบไม่ได้ก็จะถูกขับไสไล่ส่งออกไป 

ด้วยสิ่งที่เรียกว่าการถูกกลั่นแกล้งหรือถูก “บูลลี่” จากคนในทีม ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อในเรื่องของการกลั่นแกล้งกันของคนภายในองค์กร โดยเฉพาะการกลั่นแกล้งทางจิตใจที่ถือเป็นวิธีที่นิยมมากของคนญี่ปุ่น โดยการเมินเฉยต่อคน ๆ นั้นจนเปรียบเสมือนธาตุอากาศ ทำให้ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งรู้สึกถึงความไร้ค่าและสูญเสียตัวตนของตัวเอง

ดังนั้นการที่กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลือกที่จะเล่นไปตามระบบแบบแผนของทีมมากกว่าที่จะออกจากเซฟโซนด้วยการเล่นในแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่ใช่เพราะพวกเขามีความเป็นระเบียบหรือเต็มใจทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม แต่เป็นเพราะความหวาดกลัวที่จะทำตัวแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ

แต่ใช่ว่าตะปูทุกตัวจะยอมถูกตอกกลับให้เข้าที่ เพราะอีกสุภาษิตหนึ่งของญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสวนกลับความเชื่อเดิม ๆ ของพวกเขาที่ว่า “ตะปูที่ยื่นออกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะถูกตอกกลับเข้าไป แต่ตะปูที่ยื่นออกมาสุดโต่งจะไม่โดนตอก”

เปรียบได้กับกองหน้าที่มีความคิดอยากจะทำประตูแต่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ การถูกมองว่าแตกต่างก็จะถูกค้อนตอกกลับเข้าไป แต่ถ้ามีความกล้าพอที่จะสู้กับคำวิจารณ์หรือคำสบประมาท กองหน้าคนนั้นจะกลายเป็นตะปูที่ยื่นออกมาอย่างสง่าผ่าเผยไร้ซึ่งการตอกกลับจากหัวค้อน

สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ที่มาพร้อมกับการให้ทุกคนกล้าที่จะเป็นตัวเองมากขึ้น จากความต้องการสร้างแนวทางที่แตกต่างไปจากเดิม แม้ต้องเจอกับแรงกระแทกนับครั้งไม่ถ้วนจากหัวค้อนก็ตาม

 

กองหน้าเพื่อการเปลี่ยนแปลง

อะไรที่มันไม่ดีก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไข กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นก็เช่นกัน

ปัญหาการขาดแคลนกองหน้าตัวจบสกอร์คม ๆ ของทีมชาติญี่ปุ่นเป็นปัญหาที่แฟนบอลพวกเขาต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อย่างในฟุตบอลโลก 2022 ที่แฟนบอลต่างก็ส่ายหัวกับการที่ญี่ปุ่นยังคงใช้นักเตะตำแหน่งกองหน้าที่พวกเขาไม่สามารถคาดหวังได้เลยว่าจะต่อกรกับกองหลังคู่แข่งได้

ทาคุมะ อาซาโนะ, ไดเซน มาเอดะ, อายาเสะ อุเอดะ คือสามกองหน้าที่ได้ไปฟุตบอลโลกครั้งที่จะถึงนี้ และ 8 ประตูคือจำนวนครั้งที่พวกเขาช่วยกันพาบอลเข้าไปสู่ตาข่ายคู่แข่ง นี่แสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดในการจบสกอร์อันน้อยนิดของพวกเขายามต้องลงเล่นให้กับทีมชาติ

มาร์คัส ตูลิโอ ทานากะ อดีตกองหลังทีมชาติญี่ปุ่น ชุดฟุตบอลโลก 2010 ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับการเลือกผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าไปฟุตบอลโลก 2022 ของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ว่าเป็นการเลือกแต่ผู้เล่นกองหน้าที่ไร้พิษสงและไม่สามารถยืนข่มขวัญคู่แข่งในสนามได้

“ทั้งสามคนนี้ (อาซาโนะ, มาเอดะ และ อุเอดะ) ไม่มีใครที่ดีพอ เรา (ทีมชาติญี่ปุ่น) ไม่สามารถทำประตูได้จากนักเตะเหล่านี้ !!!” ตูลิโอ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หลังทีมชาติญี่ปุ่นประกาศรายชื่อนักเตะ 26 คนสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ในช่องยูทูปของตัวเอง

“ผมหยุดที่จะบ่นเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกตัวผู้เล่นของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ไม่ได้จริง ๆ กองหน้าสามคนนี้ดูไม่ได้มีกลิ่นของความน่ากลัวเลย”

“ขอโทษจริง ๆ เอา อาซาโนะ, มาเอดะ, อุเอดะ มารวมกัน ยังขู่ใครเขาไม่ได้เลย ผมว่าผมทำประตูได้มากกว่าพวกเขาเหล่านี้อีก หน้าที่สำคัญของกองหน้าไม่ใช่แค่คอยวิ่งเพรสซิ่งแต่ต้องข่มขวัญกองหลังคู่แข่ง และทำประตูได้ด้วย สู้เอา (ไดจิ) คามาดะ หรือ (ทาคุมิ) มินามิโนะ ที่เล่นกองกลางมาเล่นเป็นกองหน้ายังดีซะกว่า”

ตูลิโอยังได้เสริมอีกว่า ญี่ปุ่นในตอนนี้จำเป็นจะต้องมีกองหน้าประเภทที่มีความเห็นแก่ตัวและกล้าที่ลองเสี่ยงทำประตูเองบ้าง โดยยกตัวอย่าง ยูยะ โอซาโกะ กองหน้าเบอร์ 9 ที่หลายคนคาดหวังที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจากการซัดไป 25 ประตู กับการลงเล่นทีมชาติ 57 นัด แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ไปฟุตบอลโลกครั้งนี้แน่นอนแล้ว หลังได้ยืนยันชัดเจนว่าจะขอเป็นแฟนบอลคอยอยู่เชียร์ทีมชาติแข่งฟุตบอลโลก 2022 อยู่ที่บ้าน

อาจจะพอพึ่งกับความหวังใหม่ได้บ้างกับ ชูโตะ มาชิโนะ ที่ดูมีความเป็นกองหน้าจบสกอร์คม ๆ ด้วยการยิงไปแล้ว 3 ประตูจากการลงเล่นกับทีมชาติไปแค่ 4 นัด พร้อมกับสรีระร่างกายที่ดีด้วยความสูง 185 เซนติเมตรที่เหมาะสำหรับการเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า แถมเขายังมีความเร็วและสามารถจบสกอร์ได้ด้วยเท้าที่ถนัดทั้งสองข้าง

อีกทั้งทัศนคติของกองหน้ารายนี้ก็คู่ควรจะมาเป็นความหวังในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นกับกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นในอนาคต โดยเขาได้บอกถึงเป้าหมายของตัวเองในฟุตบอลโลก 2022 กับสำนักข่าว NHK เป็นประโยคสั้น ๆ ว่า “ผมอยากจะทำประตู”

อย่างไรก็ตามกับการแข่งขันฟุตบอลระดับนี้ เจ้าตัวยังถือว่ามีประสบการณ์กับทีมชาติน้อยเกินไป

แต่แฟนบอลก็อดที่จะคิดไม่ได้อยู่ดีว่าการมาของกองหน้ารายนี้ในทีมชาติจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นมากน้อยเพียงใด หากเขาสามารถทำประตูในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้

 

แหล่งที่มา

https://number.bunshun.jp/articles/-/853923
https://www.soccer-king.jp/news/japan/japan_other/20180926/838131.html
https://www.footballchannel.jp/2022/09/20/post476116/
http://www.j-campus.com/kotowaza/view.php?id=300
https://www.youtube.com/watch?v=ZT5zrH_V6dM
https://www.j-cast.com/2022/11/07449729.html
https://mainichi.jp/articles/20221105/k00/00m/050/286000c 
https://www3.nhk.or.jp/sports/news/k10013885731000/

Author

อิสรา อิ่มเจริญ

ชายผู้สนใจญี่ปุ่นเพียงเพราะได้ดูฟุตบอลเจลีก โปรดปรานข้าวไข่เจียวเป็นที่สุด

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น