วันที่ 13 มกราคม 2024 ไต้หวันมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผลปรากฏว่าไล่ชิงเต๋อ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งหนนี้
โดยการนับผลคะแนนอย่างเป็นทางการที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 99.97% จากจำนวนหน่วยเลือกตั้ง 17,795 แห่ง ทั่วไต้หวัน ออกมาว่า ไล่ชิงเต๋อ หรือวิลเลี่ยม ไล่ จากพรรครัฐบาลปัจจุบันของไช่อิงเหวิน ได้รับคะแนนเสียงที่ 5,584,920 หรือคิดเป็นร้อยละ 40.05 เอาชนะคู่แข่งอย่างโหวโหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ซึ่งได้อันดับ 2 ด้วยคะแนนเสียง 4,669,130 คิดเป็นร้อยละ 33.49 ส่วนอันดับ 3 เป็นของเคอเหวินเจ๋อ จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ได้คะแนนเสียง 3,689,251 หรือร้อยละ 26.46
นอกจากนโยบายเรื่องการต่างประเทศ โดยเฉพาะกับจุดยืนที่มีต่อจีนแผ่นดินใหญ่ ไปจนถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่พูดถึงในวงกว้างแล้ว อีกหนึ่งนโยบายที่น่าสนใจของไล่ชิงเต๋อ ก็คือนโยบายด้านกีฬา
วงการกีฬาในยุคสมัยปัจจุบันของไต้หวันได้รับการพัฒนาและจับตามองอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างความสำเร็จของนักกีฬาไต้หวัน (ในนามไชนีสไทเป) ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ผลปรากฏว่าไต้หวันกวาดเหรียญรางวัลรวมกันถึง 12 เหรียญ โดยแบ่งเป็นเหรียญทองถึง 2 เหรียญด้วยกัน
ขณะที่ทัวร์นาเมนต์กีฬาแห่งเอเชียอย่างเอเชี่ยน เกมส์ 2022 ที่นครหางโจว ไต้หวันจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 6 โดยจำนวน 67 เหรียญรางวัลที่ได้รับ พวกเขากวาดเหรียญทองได้ถึง 19 เหรียญ
จากรายงานของสื่อภาคภาษาอังกฤษไต้หวันอย่าง Focus Taiwan ระบุว่า ว่าที่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ได้เสนอนโยบายด้านกีฬาของไต้หวันที่น่าสนใจในหลาย ๆ แง่มุม ครอบคลุมทั้งการเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรม ไปจนถึงการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านกีฬา
ไล่มาตั้งแต่ความตั้งใจที่จะเพิ่มงบประมาณด้านการกีฬา จากปัจจุบันที่จัดสรรผ่านนโยบายและโครงการต่าง ๆ ที่ 13,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 14,600 ล้านบาท) ขึ้นมาเป็นอย่างน้อย 20,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 22,450 ล้านบาท) รวมถึงแผนการจัดตั้ง "กระทรวงพัฒนากีฬา (sports development ministry)" ขึ้นใหม่ เพื่อเป้าหมายในการขยายตัวของอุตสาหกรรมกีฬาเกาะไต้หวัน
เช่นเดียวกับการผลักดันนโยบายเพื่อส่งเสริม "กีฬาประจำชาติ" ให้ประชาชนเข้าถึงอย่างกว้างขวาง ตลอดจนแนวคิดการเพิ่มเงินทุนสำหรับนักกีฬาอาชีพ เพื่อเพิ่มโอกาสและศักยภาพให้นักกีฬาไต้หวันคว้าความสำเร็จในรายการแข่งขันระดับนานาชาติมากขึ้น
การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่วิลเลี่ยม ไล่ ไม่ได้มองข้าม เขาตั้งใจผลักดันและขยายนโยบายของตัวเองในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีไต้หวัน ในระหว่างปี 2017-2019 กับการจัดสรรเงินทุนประมาณ 6.4 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 7 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนนักกีฬาตั้งแต่เป็นเยาวชนไปจนถึงระดับสูงอายุ
ฟุตบอล ก็เป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของไต้หวันตั้งใจจะยกระดับให้ไกลกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผลักดันให้เกิดสโมสรฟุตบอลอาชีพมากขึ้น เช่นเดียวกับสนับสนุนการค้นหานักเตะที่มีพรสวรรค์มาสู่สารบบลูกหนังของไต้หวันมากกว่าที่เป็น
นอกจากนี้ ไล่ชิงเต๋อ ยังแสดงความตั้งใจผลักดันให้ไต้หวันพร้อมรับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาในระดับนานาชาติมากขึ้น นั่นจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของนักกีฬาไต้หวันไปด้วยอีกทาง