NIKE แบรนด์กีฬาชั้นนำของโลก ประกาศขอยุติการนำหนังจิงโจ้ มาใช้เป็นวัสดุสำหรับผลิตภัณฑ์ของพวกเขา โดยเฉพาะรองเท้าสตั๊ด โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการหลังสิ้นปี 2023
ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐโอเรกอน ได้ออกกฏหมายใหม่ที่ระบุว่าห้ามมีการผลิตหรือวางจำหน่ายสินค้าที่ทำจากหนังจิงโจ้ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของจิงโจ้ที่ตายแล้ว โดยผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับเงิน 6,250 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 212,500 บาท) หรือทั้งจำทั้งปรับ
ฟลอยด์ โปรแซนสกี สมาชิกวุฒิสภาของโอเรกอน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เคลื่อนไหวต่อต้านการนำหนังจิงโจ้มาผลิตสินค้า และเป็นผู้ร่วมผลักดันข้อกฏหมายที่ 764 ระบุห้ามทำการซื้อขาย โอน แลกเปลี่ยนชิ้นส่วนของซากจิงโจ้ที่ตายแล้วเพื่อการค้า เผยว่า "เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดีที่สัตว์ป่าพื้นเมืองหลายล้านตัวในออสเรเลียถูกฆ่าเพื่อรองเท้าสตั๊ดระดับไฮเอนด์ แล้วส่งให้นักฟุตบอลชั้นยอดสวมใส่มัน"
ที่ผ่านมา NIKE ถูกร้องเรียนโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่เรียกร้องเพื่อสิทธิของสัตว์ป่า หลังมีการล่าสัตว์เพื่อเอาหนังของมันมาทำสินค้าในหลายแบรนด์ ซึ่งของ NIKE ก็ถูกร้องเรียนจากการเอาหนังจิงโจ้ที่ตายแล้ว มาผลิตรองเท้าสตั๊ดตระกูล Tiempo อันเลื่องชื่อและขายดิบขายดีในหมู่นักฟุตบอลทั่วโลก
ด้านของ The Washington Post เคยรายงานว่า ออสเตรเลีย ได้ทำการส่งสินค้าที่ได้จากซากจิงโจ้ที่ตายแล้ว ส่งออกไปที่สหรัฐอเมริกา มูลค่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,040 ล้านบาท) ในทุกปี และแน่นอนว่าหนึ่งในสถานที่ๆ พ่อค้าจิงโจ้ส่งไปก็คือ บริษัท NIKE ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐโอเรกอน
ส่วนทาง NIKE หลังแถลงว่าจะเลิกใช้หนังจิงโจ้มาผลิตรองเท้าสตั๊ดและสินค้าต่างๆ แล้ว พวกเขาก็ยืนยันว่ารองเท้าสตั๊ดตระกูล Tiempo หลังจากนี้จะถูกผลิตโดยวัสดุอัปเปอร์สังเคราะห์ที่ทางบริษัทคิดค้นขึ้นมา และมีประสิทธิภาพดีกว่าหนังจิงโจ้ออกวางจำหน่ายภายในปีหน้า
ไม่ใช่แค่ NIKE แต่ยังมี PUMA แบรนด์กีฬาชื่อดังอีกยี่ห้อจากเยอรมนี ประกาศล่วงหน้าก่อนแล้วว่าพวกเขาจะเลิกใช้หนังจิงโจ้มาทำสินค้าของพวกเขาแล้ว