ไม่มีใครอยากได้ยินคำว่า “มะเร็ง” จากปากหมอ โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือ…ตัวเราเอง ยิ่งถ้าที่บ้านเคยมีประวัติป่วยโรคนี้มาก่อน ก็ยิ่งทำให้คำว่า “เผื่อไว้” กลายเป็นเรื่องที่ควรจริงจัง
ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งไม่ใช่เล่น ๆ ตั้งแต่ค่าตรวจ ค่าฉายแสง คีโม ยาเฉพาะทาง หรือแม้แต่ค่าพักฟื้นในโรงพยาบาล บางคนมีประกันสุขภาพทั่วไป แต่ดันไม่ครอบคลุมโรคร้ายแรง บางคนจ่ายเงินเองจนหมดเงินเก็บแทบทั้งชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับประกันโรคมะเร็งมากขึ้น เพราะมันไม่ใช่แค่การวางแผนเพื่ออนาคต แต่คือการวางเกราะป้องกันให้ตัวเองและครอบครัวในวันที่ไม่คาดคิด
ทำไมต้อง “แยก” ประกันโรคมะเร็งออกมาต่างหาก ?
แม้หลายคนจะมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแผนประกันส่วนใหญ่มีข้อจำกัดเรื่องความคุ้มครองโรคมะเร็ง เช่น ต้องตรวจพบว่าเป็นระยะลุกลามเท่านั้นถึงจะได้เงิน หรือจ่ายเฉพาะค่ารักษาบางรายการ
ประกันโรคมะเร็งจึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ คือคุ้มครองตั้งแต่ตรวจเจอในระยะเริ่มต้น บางแผนจ่ายเงินก้อนทันทีโดยไม่ต้องสำรองจ่าย และไม่จำกัดว่าจะรักษาที่ไหน ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการดูแลตัวเองได้ดีกว่าเดิม
ประกันโรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะถ้ามี “พันธุกรรม”
ถ้ามีคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติสายตรง คุณมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ และอย่าคิดว่าอายุยังน้อยแล้วจะไม่เป็น ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อายุไม่ถึง 40 ปีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ปากมดลูก ลำไส้ และตับ
การมีประกันโรคมะเร็งตั้งแต่ยังแข็งแรงคือการล็อกเบี้ยในราคาที่ถูกที่สุด เพราะถ้าคุณรอจนเริ่มมีอาการหรือตรวจเจอแล้ว บริษัทประกันส่วนใหญ่จะไม่รับ หรือรับแต่เบี้ยสูงจนน่าตกใจ
ประกันโรคมะเร็งคือการ “ซื้อความสบายใจ” ให้ทั้งครอบครัว
ลองนึกภาพวันที่หมอบอกคุณว่า “เป็นมะเร็ง” แล้วคุณไม่ต้องรีบขายรถ รีบถอนเงินเก็บ หรือหาทางกู้เงินจากใคร เพราะคุณมีประกันรองรับอยู่แล้ว มันไม่ใช่แค่ช่วยจ่ายค่ารักษา แต่ยังช่วยให้คุณมีเวลาตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องเงิน
บางแผนประกันโรคมะเร็งยังให้ความคุ้มครองต่อเนื่องแม้จะรักษาหายไปแล้ว หรือกลับมาเป็นซ้ำ และในบางแบบยังมีผลตอบแทนถ้าไม่เคยเคลมอีกด้วย
เราวางแผนชีวิตกันหลายเรื่อง ทั้งรถ บ้าน ท่องเที่ยว แต่กลับละเลยสุขภาพ ซึ่งเป็นต้นทุนพื้นฐานที่สุดของการใช้ชีวิต การมีประกันโรคมะเร็งจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความกลัว แต่คือเรื่องของการรับผิดชอบต่อตัวเองและคนที่เรารัก
และถ้าวันหนึ่งต้องเจอกับเหตุการณ์นั้นจริง ๆ อย่างน้อยที่สุด คุณก็พร้อม…โดยไม่ต้อง “รอให้มันเกิดก่อน” แล้วค่อยหาทางแก้ทีหลัง