“อาการมะเร็งปากมดลูกมีอะไรบ้าง ?”
มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงทั่วโลก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงไทย การตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังไม่ทราบถึงอาการเบื้องต้นของโรคนี้ หรือมองข้ามอาการเหล่านั้นไป จึงทำให้โรคดำเนินไปในระยะที่รักษายากขึ้น บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มะเร็งปากมดลูกคืออะไร ?
มะเร็งปากมดลูก คือ โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นที่เซลล์ของปากมดลูก ซึ่งเป็นส่วนปลายของมดลูกที่ต่อกับช่องคลอด โดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาการมะเร็งปากมดลูก มีอะไรบ้าง ?
ในระยะเริ่มต้น อาการมะเร็งปากมดลูกมักจะไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน แต่เมื่อโรคดำเนินไป อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- เลือดออกผิดปกติ
เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
เลือดออกหลังหมดประจำเดือน
เลือดออกระหว่างมีประจำเดือนมากผิดปกติ
มีเลือดออกปนกับตกขาว
- ตกขาวผิดปกติ
ตกขาวมีปริมาณมากขึ้น
ตกขาวมีสีผิดปกติ เช่น สีเหลืองเขียว หรือมีกลิ่นเหม็น
ตกขาวมีลักษณะเป็นก้อน
- ปวดท้องน้อย : อาจเป็นปวดแบบเรื้อรังหรือปวดแบบเฉียบพลัน
- เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- การติดเชื้อ HPV : เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
- เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- มีเพศสัมพันธ์กับหลายคน
- สูบบุหรี่
- มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การป้องกันและตรวจคัดกรอง
- ฉีดวัคซีนป้องกัน HPV : ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV และป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
- ตรวจ Pap smear : เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ได้ผลดีที่สุด
- ตรวจ HPV : ตรวจหาเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
- มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย : ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
เมื่อใดควรพบแพทย์
หากคุณมีอาการใด ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดทันที การตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น การรู้จักอาการมะเร็งปากมดลูกเบื้องต้นและการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงทุกคน อย่างไรก็ดี หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำหรือวินิจฉัยต่อไป