สภาพอากาศ กลายเป็นปัจจัยพลิกผันสำคัญในการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ F1 สนามที่ 13 ของฤดูกาล 2025 ที่ สปา ฟรองโกชองส์ ประเทศเบลเยียม
สาเหตุเพราะมีฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้าของวันแข่งขันจริง ทำเอาการแข่งขัน F3 รอบฟีเจอร์เรซต้องยกเลิก ส่วน F2 ต้องจบการแข่งขันโดยให้รถตามหลังเซฟตี้คาร์ ขณะที่ F1 มีการยกเลิกการสตาร์ท พักการแข่งขันนานร่วม 1 ชั่วโมง ก่อนตัดสินใจแข่งเริ่มการแข่งขันโดยให้รถแข่งขับตามหลังเซฟตี้คาร์ 4 รอบ ก่อนปล่อยให้แข่งได้อย่างอิสระในรอบที่ 5 จากกำหนด 44 รอบ
เรื่องดังกล่าว ทำให้ มักซ์ เวอร์สแตพเพ่น แชมป์โลก 4 สมัยชาวดัตช์ของทีม Red Bull ไม่พอใจมาก สาเหตุหนึ่งเพราะทีม Red Bull ปรับเซตอัพรถตั้งแต่รอบควอลิฟายเพื่อเตรียมรับมือฝน แต่พอมีการดึงเวลาแข่งจนฝนหยุด แทรคเริ่มแห้ง กลายเป็นว่าเซตอัพที่เน้นดาวน์ฟอร์ซสูง ทำให้รถช้าลงจนสู้คู่แข่งไม่ได้
"เราได้ตัดสินใจเลือกเซตอัพของเราไปแล้ว และพวกเขาก็อนุญาตให้เราได้ขับก็ต่อเมื่อมันเกือบจะเป็นสภาพสนามสำหรับยางสลิกแล้ว ดังนั้นมันจึงน่าผิดหวังเล็กน้อย"
"ระหว่างโค้ง 1 ถึงโค้ง 5 มันมีน้ำอยู่ค่อนข้างเยอะก็จริง แต่ถ้าคุณวิ่งตามหลังเซฟตี้คาร์สักสองรอบ มันก็จะดีขึ้นเอง ส่วนที่เหลือของสนามมันก็พร้อมที่จะแข่งแล้ว ยิ่งคุณวิ่งมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีขึ้นมากเท่านั้น และถ้าหากคุณมองไม่เห็น ก็แค่ยกคันเร่งสิ เดี๋ยวคุณก็มองเห็นเอง"
"ถ้าจะเป็นแบบนี้ สู้บอกไปเลยดีกว่าว่า 'รอให้มันแห้งสนิทไปเลย แล้วเราค่อยมาเริ่มกันด้วยยางสลิก' เพราะสำหรับผมแล้ว นี่มันไม่ใช่การแข่งขันในสนามเปียกจริง ๆ หรอก"
ขณะที่ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัยชาวอังกฤษ ก็ไม่พอใจเช่นกันที่มีการดึงเชง
"เห็นได้ชัดว่าเราเริ่มต้นการแข่งขันช้าเกินไปหน่อย ผมอยากจะบอกอย่างนั้นนะ" แฮมิลตัน ผมตะโกนอยู่ตลอดเวลาเลยว่า 'มันพร้อมแข่งแล้ว ! มันพร้อมแข่งแล้ว !' แต่พวกเขาก็ยังคงวิ่งวนไปเรื่อย ๆ"
ทั้งสองคนเชื่อว่า ฝ่ายควบคุมการแข่งขันตัดสินใจประวิงเวลาในการแข่ง F1 ที่เบลเยียม เพราะพวกเขาถูกตำหนิไม่น้อยจากการแข่งขันสนามก่อนหน้าที่ ซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ ซึ่งสภาพอากาศแปรปรวนไม่แพ้กัน มีฝนตกหนัก แต่ยังให้มีการแข่งขันต่อเนื่อง ไม่โบกธงแดง ยุติการแข่งขันชั่วคราว แม้หลายคนบ่นว่าทัศนวิสัยไม่ดีก็ตาม
