นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ทำวิจัยเกี่ยวกับการใช้หัวเล่นฟุตบอลของชาย,หญิง ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
พร้อมทั้งหยิบยกงานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐอเมริกา ที่สำรวจจากเด็ก 8,000 คน แล้วพบว่า เด็กผู้หญิงที่เล่นฟุตบอลด้วยการโหม่ง มีความเสี่ยงที่จะกระทบกระเทือนรุนแรงกว่าเด็กผู้ชาย เพราะกระดูกและรอบคอบางกว่า
และมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าเรื่องของฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญ ยิ่งโดยเฉพาะที่ผู้หญิงเป็นประจำเดือนใน 2-3 วันแรก หรือ ช่วงหลังรอบเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะต่ำลง ความแข็งแรงของกระดูกก็จะลดลงด้วย
นักวิชาการย้ำอีกว่า แม้การโหม่ง จะไม่ได้ส่งผลให้บาดเจ็บทันที แต่การกระแทกสะสมก็ทำให้เกิดคอนคัสชั่นได้ และเมื่อเกิดกับผู้หญิง ก็มีสิทธิ์หนักกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า
อย่างไรก็ตามทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้เสนอแนวทางควบคุมการซ้อมโหม่ง ไม่เกิน 10 ครั้งต่อสัปดาห์ และ เคยเสนอกฎห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนระดับประถมโหม่งบอลเด็ดขาด แต่ก็มีนักวิชาการจากสหรัฐฯออกมาคัดค้าน พร้อมเสนอให้จำกัดการโหม่ง หรือ เปลี่ยนลูกบอลที่มีความดันน้อยลง ดีกว่า การแบน เพราะจะทำให้เด็กๆไม่มีเทคนิคด้านนี้ และ จะเป็นอันตรายมากกว่า
ส่วนการแนะแนวทางของนักวิชาของออสเตรเลีย ยังไม่มีองค์กรไหนออกมารับลูกแต่อย่างใด
ที่มา :
https://www.dailymail.co.uk/health/article-10157273/Should-heading-banned-womens-football-Study-claims-weaker-necks-men.html
https://www.independent.co.uk/news/health/concussion-brain-damage-header-football-white-matter-abnormality-dementia-a8471331.html