รอบปีที่ผ่านมา วงการกีฬามีการถกเถียงเรื่อง 'ความเท่าเทียมทางเพศ' กันอย่างหนัก และเคสล่าสุดคือเรื่องของ เอมิลี่ บริดเจส นักปั่นชาวอังกฤษวัย 21 ปี ที่ถูกสหพันธ์จักรยานนานาชาติ และ สหพันธ์จักรยานอังกฤษ ห้ามลงแข่งขันในประเภทหญิง ทั้งที่เธอทำเรื่องขอ และยอมปรับฮอร์โมนตามกฎระเบียบแล้ว
ในมุมมองของคนส่วนใหญ่ คัดค้านการนำนักกีฬาข้ามเพศหญิง ไปแข่งในประเภทหญิง เพราะมองว่าสรีระได้เปรียบ แต่ เอมิลี่ หรือ แม้แต่ ลีอา โธมัส นักว่ายน้ำข้ามเพศหญิง ก็พยายามอธิบายว่า ในช่วงที่ปรับลดฮอร์โมนเพศชาย 1 ปีนั้น พวกเธอสูญเสียกล้ามเนื้อไปมาก และพวกเธอก็รักในการที่จะเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ได้ต่างจากคนที่เป็นเพศหญิงโดยกำเนิดแต่อย่างใด
เรื่องนี้ดูเหมือนยากที่จะหาทางออก แม้แต่นักกีฬาดัง อย่าง ไมเคิ่ล เฟลปส์ ยังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และหากพูดไปแล้ว ก็จะทำให้เกิดผลกระทบทั้งกับตัวเองและวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม นิโคล คุก อดีตนักปั่นเหรียญทองโอลิมปิกชาวเวลส์ วัย 38 ปี ที่รีไทร์ไปเมื่อปี 2013 กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมา
"ฉันไม่ใช่คนมีชื่อเสียงแบบ เจเค โรวลิ่ง และฉันก็เลิกเล่นกีฬาไปแล้ว แต่ทำไมล่ะ? ในเมื่อคุณจะเป็นใคร คุณก็พูดได้ ฉันเข้าใจเรื่องของความเท่าเทียม ก็เพราะความเท่าเทียม กีฬาประเภทหญิงถึงต้องแยกออกจากชาย เพราะรูปร่างผู้ชายได้เปรียบกว่า และมันมีข้อมูลอยู่แล้วว่า คนที่ได้รับฮอร์โมนร่างกายจะแตกต่างจากคนที่ไม่ใช้ฮอร์โมนเลยมาทั้งชีวิตยังไง และถ้าให้ว่ากันถึงความเท่าเทียมจริงๆ การแข่งขันมวยก็ยังมีแบ่งรุ่นน้ำหนัก หน่วยงานกีฬาต่างๆ ก็ควรจะเพิ่มประเภทการแข่งขันสำหรับคนข้ามเพศเช่นกัน ไม่อย่างนั้น คุณก็จะเป็นมวยรุ่นใหญ่ ที่ลงต่อยกับรุ่นเล็ก และชนะรวด แต่คุณภูมิใจหรือ?"
นิโคล ลงท้ายอีกว่า หากวงการกีฬา ปล่อยให้คนข้ามเพศหญิง ลงแข่งขันกับผู้หญิงต่อไป ก็เหมือนไปดับฝันเด็กหญิงหลายๆคน พวกเธออาจจะรู้สึกว่าแข่งยังไงก็แพ้ ตั้งแต่ยังไม่ทันก้าว เพราะรูปร่างเสียเปรียบกว่า ฉะนั้น การแบ่งแยกที่ชัดเจน เพื่อความเท่าเทียม อาจทำให้เรื่องนี้พบทางออกเร็ว และ ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
ที่มา :
https://www.dailymail.co.uk/news/article-10680099/Olympic-gold-medallist-NICOLE-COOKE-hero-trans-woman-bravely-speaks-out.html