ROCKY ภาพยนตร์มวยระดับตำนานของคนดูทั่วโลก เกิดขึ้นหลังจากที่ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ซึ่งกำลังดิ้นรนหาเลี้ยงชีพในงานนักแสดง มีโอกาสไปชมมวยคู่ระหว่าง มูฮัมหมัด อาลี ราชากำปั้นเฮฟวี่เวต กับ ชัค เว็บเนอร์ คู่ชกชื่อชั้นด้อยกว่าเมื่อปี 1975
แม้ไฟต์นั้น อาลี จะชนะน็อค TKO ไปตามคาดหมายในยกสุดท้าย ยกที่ 15 แต่ เว็บเนอร์ ที่แสดงสปิริตสู้กับแชมป์โลกแบบไม่มีถอยและยื้อไปจนถึงยกสุดท้ายก็ทำให้ สตอลโลน ประทับใจอย่างมาก ก่อนเกิดแรงบันดาลใจที่ทำให้เขากลับบ้านรีบไปเขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับมวยที่ชื่อ ROCKY
สตอลโลน เล่าว่าเขาใช้เวลาเขียนบทหนัง ROCKY ภาคแรกเพียงแค่ 3 วัน รวมถึงใช้เวลาขัดเกลาเพื่อให้บทสมบูรณ์แบบภายในเวลาดังกล่าว "ฟังดูเหมือนอวดดี แต่ผมใช้เวลา 3 วันในการเขียนบท ซึ่ง 90% ที่เขียนไปมันแย่มาก แต่ไอเดียผมมันอยู่ตรงนั้น ผมเลยต้องเขียนใหม่ถึง 25 ครั้งและทำต่อไป"
หลังได้บทหนังที่สมบูรณ์แล้ว ROCKY ก็ได้ฤกษ์เปิดกล่องถ่ายทำ แม้จะมีงบประมาณจำกัดเพราะทีมผู้สร้างอย่าง United Artists ให้งบประมาณจำกัดจำเขี่ยเพียง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 35 ล้านบาท) ก่อนโดนหั่นงบลงมาอีกภายหลัง และให้เวลาถ่ายทำเพียง 28 วัน อย่างไรก็ตาม สตอลโลน และ จอห์น จี.อาวิดเซน ผู้กำกับ ก็ร่วมมือร่วมใจกันทำหนังจนเสร็จสิ้นและออกฉายทั่วสหรัฐฯ ในวันที่ 3 ธันวาคม 1976
สุดท้าย หนังที่เขียนบทแค่ 3 วัน และถ่ายทำแค่ 28 วัน ที่เล่าเรื่องนักมวยโนเนมที่หาญกล้าขึ้นไปสู้กับ อพอลโล ครีด ยอดนักมวยชื่อดังในเรื่อง ก็ประสบความสำเร็จถล่มทลาย ทำรายได้ทั่วโลกราว 225 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) เปลี่ยนสถานะให้ สตอลโลน กลายเป็นดาวจรัสแสงในฮอลลีวูด ประสบความสำเร็จมีงานแสดงดีๆ มากมายและทำให้ ร็อคกี กลายเป็นไอคอนในโลกภาพยนตร์ตลอดกาล จนมีภาคต่อถึง 6 ภาค และภาคแยกอีก 2 ภาคอย่าง Creed ที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน
ไม่ใช่แค่นั้น ROCKY ยังประกาศศักดาคว้ารางวัลออสการ์ ปี 1976 ถึง 3 สาขา ประกอบด้วยภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยม จากการเข้าชิงทั้งหมด 10 สาขา โดยที่ สตอลโลน ได้ชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย แต่แพ้ให้กับ ปีเตอร์ ฟินช์ นักแสดงจากเรื่อง Network
อ้างอิง :
https://www.cheatsheet.com/entertainment/sylvester-stallone-wrote-the-rocky-script-in-only-3-days.html/
https://www.the-numbers.com/movie/Rocky#tab=summary