ภาพยนตร์กีฬามวยระดับตำนานอย่าง "ROCKY" ที่นำแสดงโดย ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน แอ็คชั่นสตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกลายเป็นตำนานของวงการภาพยนตร์โลก ทว่าการประกาศสร้างหนังภาคแยกเรื่องใหม่ก็ทำให้เจ้าของบทบาท "ร็อคกี้" เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง
เป็นที่รู้กันว่านอกจากหนัง ROCKY ทั้ง 6 ภาค สตอลโลน และ เออร์วิน วิงคเลอร์ โปรดิวเซอร์ ได้ร่วมกันสร้างหนังภาคแยกเรื่อง "Creed" ซึ่งเป็นเรื่องราวของ อโดนิส ครีด ลูกชายของ อพอลโล ครีด คู่ปรับตัวฉกาจของ ร็อคกี้ ซึ่งทำออกมาทั้งหมด 2 ภาค และได้รับการต้อนรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี
กระทั่งเมื่อ เออร์วิน วิงคเลอร์ ประกาศทำภาคแยกอีกเรื่องคือ "Drago" ซึ่งเป็นเรื่องของ อีวาน ดราโก้ นักชกชาวโซเวียต-รัสเซีย อีกหนึ่งคู่ปรับคนสำคัญของ ร็อกกี้ แถมได้ ดอล์ฟ ลันเกรนด์ เจ้าของบท อีวาน ดราโก้ กลับมาแสดงด้วย ทำให้ สตอลโลน ที่รู้ข่าวทีหลังรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก จนถึงกับจวก วิงคเลอร์ อย่างรุนแรงออกสื่อ
สตอลโลน ระบายความรู้สึกถึงเรื่องนี้ว่า "เรื่องใจสลายที่ผมเพิ่งรู้ก็คือ อีกครั้งที่ เออร์วิน วิงคเลอร์ ผู้อำนวยการสร้างจอมน่าสังเวช อายุ 94 ปี และเด็กกินเศษเนื้อผู้ไร้ประโยชน์ของเขา ชาร์ลสกับเดวิด หยิบตัวละครที่ยอดเยี่ยมอีกตัวหนึ่งที่ผมสร้างขึ้นมาทำเป็นหนังโดยที่ไม่บอกผม"
"อยากขอโทษแฟนๆ ผมไม่เคยอยากให้ตัวละครของร็อคกี้ ถูกพวกปรสิตเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยนอกจากความเคารพที่มีต่อดอล์ฟ ทว่าเขาไม่เคยบอกผมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังตัวละครที่ผมสร้างขึ้นเพื่อเขา เพื่อนแท้นี่มีค่ายิ่งกว่าทองคำซะอีก!"
ไม่เพียงแต่เรื่อง Drago กระทั่งหนังภาค 3 ของ Creed ที่มีกำหนดฉายในปี 2023 สตอลโลน ก็ขอถอนตัวจากบทเทรนเนอร์ร็อคกี้ไปแล้ว และนั่นทำให้เจ้าตัวจะไม่มีเครดิตหรือมีส่วนร่วมใดๆ กับหนัง Creed ภาค 3 อีกต่อไป
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนคาดว่า สตอลโลน ไม่พอใจที่เขาไม่ได้มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของแฟรนไชส์หนัง Rocky ทุกเรื่องตั้งแต่ 6 ภาคแรก ยันภาคสปินออฟ ซึ่งเมื่อเดือนกรกฏาคม เขาก็เพิ่งออกมาเรียกร้องให้แฟนๆ ช่วยกันส่งเสียงให้ MGM เจ้าของลิขสิทธิ์หนัง Rocky พิจารณาให้เขาเป็นเจ้าของร่วมในแฟรนไชส์นี้ เพราะถือเป็นหนังที่สร้างขึ้นจากบทที่เขาเขียนและกำกับเองตั้งแต่ต้น
ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อปี 2019 สตอลโลน เปิดเผยว่าเขาไม่ได้รับการถือสิทธิ์ให้เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ Rocky ที่ทำเงินรวมกันทุกภาคทั่วโลกกว่า 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 61,250 ล้านบาท) เพราะมีปัญหาเรื่องการเจรจาสิทธิ์กับทาง MGM ตั้งแต่สมัยทำ Rocky ภาค 2-3 ประกอบกับช่วงนั้นเขามีโปรเจกต์อื่นที่ติดพันอยู่ ทำให้ สตอลโลน ไม่ได้จริงจังกับการเรียกร้องสิทธิของตัวเองมากนัก แม้ว่าเขาจะยังคงได้ส่วนแบ่งจากหนังภาคต่อในแฟรนไชส์ตามสิทธิที่ควรได้รับ แต่ สตอลโลน ก็ยังคิดว่าเขาควรมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมในแฟรนไชส์หนังนักมวยที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยมากกว่า
ที่มา :
https://www.ign.com/articles/sylvester-stallone-rocky-drago-parasites-response?
https://www.thewrap.com/why-doesnt-sylvester-stallone-have-rocky-ownership/