News

WWE กำลังเอา "เลือด" และ "คำหยาบ" กลับมาอีกครั้งในยุคปัจจุบัน?

ศึกมวยปล้ำ WWE RAW ตอนล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา แฟนมวยปล้ำทั่วโลกต่างฮือฮาเมื่อพวกเขาได้เห็น Cody Rhodes พระเอกคนปัจจุบันของสมาคม หลั่งเลือดออกทีวี และ The Rock สบถถ้อยคำระดับ F-word แบบไม่สนใจว่าจะมีเด็กและเยาวชนดูอยู่หรือไม่?

 


ช่วงท้ายของรายการ RAW อุดมไปด้วยความดุเดือดเมื่อ The Rock ที่กลายเป็น "อธรรมขวัญใจประชาชน" ลาก Cody Rhodes ไปกระทืบที่ลานจอดรถ เหวี่ยงไปกระแทกกับรถบัสจนหัวแตกเลือดอาบ ก่อนจะด่าด้วยคำหยาบแบบสาดเสียเทเสียทำนองว่า "นี่ไงล่ะ นี่คือสิ่งที่มึงต้องเจอเมื่อเข้ามาเ-ือกกับเรื่องของ The Rock" แถมยังเอาเลือดของ Cody Rhodes มาละเลงที่เข็มขัดอีกต่างหาก

สิ่งที่เกิดขึ้นใน RAW ตอนล่าสุดทำให้แฟนมวยปล้ำยุค 90 ชื่นชอบและพูดถึงอย่างมาก พลางทำให้แฟนมวยปล้ำเด็กๆ รุ่นใหม่ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อ WWE ตั้งใจเอา "เลือด" มาละเลงออกทีวีแบบจะๆ ครั้งแรกในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงโชว์รายการทีวี จากเรต TV-14 มาเป็นเรต PG เมื่อปี 2008 ซึ่งไม่ให้นักมวยปล้ำเสียเลือดออกทีวีอีกต่อไป (ไม่นับการผิดคิวที่นักมวยปล้ำเสียเลือดแบบไม่ตั้งใจ WWE จะเซ็นเซอร์เป็นภาพขาวดำทันที)

ย้อนกลับไปในช่วง Attitude Era จนถึงยุค Ruthless Aggression (1997-2008) ถือเป็นช่วงเวลาที่แฟนมวยปล้ำ WWE ชื่นชอบอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์ชื่อดังขวัญใจคนดู ลีลาการปล้ำที่ดุเดือดเร้าใจใส่ท่าได้แบบไม่มีกั๊ก แต่ยังเต็มไปด้วยความรุนแรงทั้งภาพ เสียง และการใช้ภาษา นักมวยปล้ำพูดคำหยาบออกทีวีได้ ให้นักมวยปล้ำหญิงเปลื้องผ้า โชว์วาบหวิว ตบตีกระชากชุดชั้นในบนเวทีแบบถูกใจชายแท้ (หนึ่งในความอื้อฉาวคือฉาก sex ฉลองแชมป์โลกของ Edge กับ Lita บนเวที) และนักมวยปล้ำที่สู้กันจนเลือดอาบ แดงเถือกเต็มหน้าแทบทุกสัปดาห์

ช่วงนั้น มวยปล้ำของ WWE ออกอากาศทางทีวีในเรต TV-14 ที่ระบุว่า "ไม่เหมาะสมกับเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และผู้ปกครองควรให้คำแนะนำอย่างสูงสุด" นั่นเลยทำให้เราได้เห็นนักมวยปล้ำชื่อดังอย่าง The Rock, Mankind, Stone Cold Steve Austin, Shawn Michaels, John Cena, Randy Orton ฯลฯ พูดคำหยาบ ชูนิ้วกลาง สู้กันจนเลือดออก หัวแตก โดนเข็มหมุดทิ่มหลัง โดนไม้เบสบอลพันลวดหนามตีหน้า เจอทุ่มใส่โต๊ะติดไฟ เลือดอาบให้เห็นกันแทบจะทุกเดือน บางคนลงทุนใช้ใบมีดโกนกรีดเนื้อตัวเองให้เลือดออกในแมตช์ธรรมดาๆ เพื่อเสริมสร้างอรรถรส ความตื่นเต้น และความสะใจให้กับแฟนมวยปล้ำที่ดูอยู่

ภาพที่นักมวยปล้ำสู้จนเลือดอาบ พ่นคำหยาบใส่กัน รวมถึงการโชว์หวิวของนักมวยปล้ำหญิงในสมาคม กลายเป็นสิ่งที่ติดตาแฟนมวยปล้ำยุคเก่าเป็นอย่างดีจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่วันหนึ่งก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ WWE คิดว่าพวกเขาไม่ควรนำเสนอภาพความรุนแรงที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนอีกต่อไป

เหตุการณ์นั้นก็คือศึกใหญ่ The Great American Bash ในปี 2008 แมตช์การปล้ำระหว่าง Shawn Michaels กับ Chris Jericho สองซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง โดยจังหวะหนึ่ง Shawn Michaels แอบใช้ใบมีดโกนกรีดที่คิ้วเพื่อให้ตัวเองเลือดออก สร้างความตื่นเต้นให้กับคนดู แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะแฟนๆ HBK มักเห็นเขาเลือดออกเป็นประจำ แต่ในศึกนี้เขาพลาดทำตัวเองเลือดออกมากเกินไป ทำให้เขาต้องสู้กับ Y2J แบบเลือดโชกหน้า เลือดเปื้อนพื้นเวทีเต็มไปหมด เล่นเอาคนดูเสียวไส้และเป็นห่วง HBK ไปตามๆ กัน

แล้วเมื่อถึงวันที่ 22 กรกฏาคม 2008 ในงานประชุมหลังโชว์ Vince Mcmahon ประธานของ WWE เวลานั้น เอาภาพที่ HBK เลือดอาบมาดูย้อนหลัง ทำให้เขาตัดสินใจว่า WWE จะไม่ทำโชว์เรต TV-14 ออกทีวีอีกต่อไปแล้ว และเปลี่ยนมาเป็นเรต PG ซึ่งเป็นเรตที่อยู่ในข่าย "ผู้ปกครองควรให้คำชี้แนะ" ลดความรุนแรงลงเพื่อให้เด็กดูได้

ผลที่ตามมาก็คือ WWE ทำโชว์ที่เป็นมิตรกับคนดูวงกว้างมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบเวลาพูดโปรโมบนเวที ไม่มีช็อตให้นักมวยปล้ำหญิงเปลื้องผ้าโชว์หวิว รวมถึงเปลี่ยนชื่อท่าไม้ตายของนักมวยปล้ำที่ใช้คำไม่สุภาพ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือท่าไม้ตายของ John Cena ซึ่งเดิมทีใช้ชื่อว่า FU แต่พอเปลี่ยนเข้าเรต PG ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Attitude Adjustment (AA) หรือชื่อที่คนไทยเรียกว่า "ท่าปรับทัศนคติ" และที่สำคัญสุดคือ "ไม่มีการใช้เลือด" ในแมตช์การปล้ำอีกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ WWE ได้แฟนมวยปล้ำหน้าใหม่เพิ่มขึ้นแบบอักโข โดยเฉพาะเด็กๆ และเยาวชนที่คุณพ่อ-คุณแม่ อนุญาตให้เปิดทีวีดูมวยปล้ำของ WWE ด้วยความสบายใจ เพราะปล้ำกันแบบไร้พิษภัย ไม่มีเลือด ไม่พูดคำหยาบพร่ำเพรื่อ ไม่มีซีนวาบหวิวปลุกใจเสือป่า สังเกตุจากการที่มีพ่อแม่ผู้ปกครอง พาเด็กๆ มาเกาะขอบเวทีดูมวยปล้ำของ WWE เยอะขึ้นมากกว่าในอดีต แถมลูกๆ ยังอ้อนให้พ่อ-แม่ซื้อของที่ระลึกหน้าสนามกลับบ้าน ได้เงินเข้ากระเป๋าสมาคมเพิ่มอีกต่างหาก

ส่วนแฟนมวยปล้ำยุคดั้งเดิมก็พากันออกอาการเซ็ง เรียกร้องให้ WWE เอา “เลือด” กลับมาใช้บนเวที แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก แค่นักมวยปล้ำมีเลือดกำเดาออกหรือปากแตกระหว่างแมตช์แบบไม่ได้ตั้งใจ ก็รีบเซ็นเซอร์เป็นภาพขาวดำทันที

การทำโชว์ในรูปแบบ "เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ค่ายมวยปล้ำแฮปปี้ สุขีสุขสันต์" ของ WWE ทำให้แฟนมวยปล้ำยุคเก่าที่ตามกันมาตั้งแต่ช่วง Attitude Era เบื่อหน่าย เลิกติดตามเพราะมันไม่ตอบโจทย์ความสนุกของพวกเขา ไม่ก็หันไปดูค่ายอื่นที่เขายังให้นักมวยปล้ำหลั่งเลือดเละเทะตามปกติ โดยเฉพาะ AEW กับ NJPW ที่เสิร์ฟความรุนแรง ความตื่นเต้นเร้าใจ และให้นักมวยปล้ำสู้กันจนเลือดอาบบ่อยครั้งเช่น Jon Moxley ที่การันตีว่าแฟนๆ จะได้เห็นเขาหัวแตก เลือดโชกทุกแมตช์ที่เขาปล้ำ หรือ Darby Allin ที่ลงทุนกระโดดบันไดจากบันไดเหล็ก ลงมากระแทกกระจกข้างล่างเวทีจนโดนกระจกบาดเต็มหลัง เลือดอาบ ต้องพาไปเย็บหลายร้อยเข็ม

WWE ทำโชว์ในแบบ PG เอาใจแฟนวงกว้างมานานหลายปี ทว่าเมื่อ WWE เข้าสู่ยุคใหม่ตั้งแต่ปี 2022 หรือยุคที่ Triple H (HHH) ดาวร้ายตลอดกาลของสมาคม เข้ามานั่งเก้าอี้ครีเอทีฟ ดูแลโชว์มวยปล้ำของ WWE แทนที่ Vince Mcmahon ซึ่งมีคดีล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิงในบริษัทติดตัวจนต้องวางมือจากสมาคมของตัวเอง โชว์มวยปล้ำของ WWE ก็เริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอย เอาใจแฟนมวยปล้ำผู้ใหญ่เยอะขึ้น เนื้อเรื่องก็เริ่มมีความสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง (แต่ก็ไร้เหตุผลบ้างในบางครั้ง) พวกเขาจึงเริ่มได้แฟนมวยปล้ำยุคเก่ากลับมาติดตามดูบ้างในช่วงหลัง

แล้วในที่สุด ศึก RAW วันที่ 25 มีนาคม 2024 สิ่งที่แฟนมวยปล้ำยุคเก่าเรียกร้องมาตลอดได้กลายเป็นจริงเมื่อพวกเขาให้ Cody Rhodes โดน The Rock กระทืบในช่วงท้ายรายการจนเลือดอาบหน้า เห็นเลือดสีแดงฉานแบบจะๆ ไม่มีเซ็นเซอร์ และปล่อยให้ The Rock สบถคำหยาบ ฟักกลิ้งออกทีวีอย่างเมามันจนทีมงานดูดเสียงกันเป็นมือระวิง

หรือช่วงที่ CM Punk, Seth Rollins และ Drew Mcintyre ด่ากันบนเวที ก็ปล่อยให้ใช้คำหยาบจน Drew พูดเบรคแบบแซวๆ ว่า "นี่มันเรต PG นะพี่น้อง!"

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้มีการร่ำลือว่า WWE อาจกลับมาทำโชว์แบบ TV-14 ในอดีต เพิ่มความดุเดือดไปสู่ศึกใหญ่ WrestleMania วันที่ 6-7 เมษายน 2024 ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานจาก Andrew Zarian พิธีกรรายการมวยปล้ำ Mat Men บอกว่า WWE มีความคิดที่จะเปลี่ยนโชว์ของพวกเขาจากเรต PG มาเป็น TV-14 เอาใจแฟนผู้ใหญ่ตั้งแต่ปี 2022 แม้ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่สิ่งที่เห็นใน RAW ตอนล่าสุดก็ทำให้ทุกคนเห็นว่า WWE เริ่มเคลื่อนไหวในสิ่งที่พวกเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงแล้ว

อันที่จริง WWE เริ่มบอกใบ้เรื่องนี้ตั้งแต่ศึก RAW วันที่ 18 มีนาคม 2024 เมื่ออยู่ดีๆ Cody Rhodes ที่ถูกวางภาพลักษณ์ให้เป็น “ธรรมะเบบี้เฟซ” ของสมาคม และมีแฟนคลับเด็กๆ ติดตามเป็นจำนวนมาก จับไมค์ด่า The Rock บนเวที ด้วยคำหยาบคายว่า “ไอ้หัวหน้าใหญ่โคตรชั่วช้า” หรือ “ไอ้คนเ-ี๊ยวเล็ก” และหยามว่าเป็น “เมียน้อยของ Roman Reigns (แชมป์โลกคนปัจจุบัน)” ซึ่งถือว่าขัดกับบุคลิกของ The American Nightmare เป็นอย่างมาก จนทำให้คนที่ดูสดทั้งในสนามและทางทีวีตกใจไม่น้อย

อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือช่วงโปรโมระหว่าง CM Punk, Seth Rollins กับ Drew Mcintyre ใน RAW ตอนที่ผ่านมา CM Punk ได้พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “ปากผมยังแจ๋วอยู่นะ ถึงเราจะยังไม่ได้เข้า Netflix ก็เถอะ แต่เมื่อถึงเดือนเมษายน (ศึก WrestleMania) เดี๋ยวรู้เลยว่าผมจะพูดอะไรได้บ้าง"

คำพูดของชายผู้มีฉายา Best in the World ทำให้แฟนมวยปล้ำคาดเดาว่า WWE อาจหันไปทำโชว์แบบ TV-14 เอาใจผู้ใหญ่ ละเลงเลือด หรือพูดคำหยาบแบบจัดเต็ม เมื่อรายการต่างๆ ของพวกเขากำลังจะได้ออกอากาศทาง Netflix สตรีมมิ่งชื่อดังระดับโลก ที่ลงทุนควักเงินไป 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 177,850 ล้านบาท) ซื้อลิขสิทธิ์โชว์มวยปล้ำของ WWE มาฉายในแพลตฟอร์มของตัวเองทั้งโชว์รายสัปดาห์และศึกใหญ่ Premium Live Event ที่จะเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการในปี 2025 เป็นต้นไป

ความเปลี่ยนแปลงอันน่าสนใจในศึก RAW ที่ผ่านมา เปรียบดั่งสัญญาณบ่งบอกว่า WWE เตรียมเดินแผนกู้ “ศรัทธา” จากแฟนมวยปล้ำยุคเก่าที่โหยหาวันเวลาอันน่าจดจำของ WWE ที่เต็มไปด้วยเลือด คำหยาบ และความรุนแรงในอดีตกลับคืนมา

และเมื่อถึงวันที่ WWE ได้ฉายทาง Netflix โดยไม่มีกำแพงของ "เซ็นเซอร์" มาคอยตีกรอบ HHH และทีมครีเอทีฟอีกแล้วในปี 2025 ก็น่าสนใจทีเดียวพวกเขาจะทำโชว์มวยปล้ำแบบจัดหนัก จัดเต็มกันได้ถึงขนาดไหน!

แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นไปเพียงแค่ “เช็คกระแส” จากคนดู หรือเปลี่ยนแบบถาวรในอนาคต ต้องลองติดตามดูกันแบบระยะยาว

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ