จบไปแล้วกับศึกใหญ่มวยปล้ำ WWE รายการแรกของปี Royal Rumble 2024 เมื่อวันที่ 27 มกราคม ตามเวลาสหรัฐฯ โดยผู้ชนะฝ่ายชายก็คือ โคดี้ โรดส์ ก่อนเตรียมตัวมุ่งสู่การปิดจ๊อบคว้าแชมป์โลกให้ครอบครัวอีกครั้ง
แมตช์ไฮไลท์คือการปล้ำ 30 คน Royal Rumble ต่อหน้าคนดูที่สนาม ทรอปิคาน่า ฟิลด์ กว่า 48,000 คน แมตข์นี้หาผู้ชนะหนึ่งเดียวไปเป็นคู่เอกชิงแชมป์โลกในศึกใหญ่ WrestleMania ซึ่งผลปรากฏว่า โคดี้ โรดส์ ซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของ RAW เป็นผู้ชนะ 2 ปีติดต่อกัน
โคดี้ โรดส์ ขึ้นเวทีมาเป็นลำดับที่ 15 ก่อนยืนหยัดเป็นสองคนสุดท้ายบนเวทีกับ ซีเอ็ม พังค์ ผู้ท้าชิงคนสำคัญขวัญใจแฟนๆ ซึ่งหลังจากสู้กันอยู่นาน ในที่สุดก็เป็น "The American Nightmare" ที่เหวี่ยง ซีเอ็ม พังค์ ตกเวทีไปในที่สุด
ทั้งนี้ โคดี้ โรดส์ ถือเป็นนักมวยปล้ำคนที่ 4 ของ WWE ที่คว้าชัยชนะ Royal Rumble สองสมัยติดต่อกัน ถัดจาก ฮัล์ค โฮแกน (1990-1991) "HBK" ชอว์น ไมเคิลส์ (1995-1996) กับ สโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน (1997-1998) ซึ่งชัยชนะของ โคดี้ ทำให้เขาจะได้เป็นคู่เอกชิงแชมป์โลกใน WrestleMania 40 วันที่ 6-7 เมษายน นี้
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น โคดี้ โรดส์ จะมุ่งเป้าไปที่การท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลก Undisputed กับ โรมัน เรนส์ อีกครั้งใน WrestleMania ปีนี้ หลังจากเคยได้แชมป์ Royal Rumble ปีที่แล้ว และท้าชิงกับ โรมัน เรนส์ ใน WrestleMania 39 แต่อกหักพ่ายแพ้ไป ทำให้เขามุ่งมั่นจะกลับมาเอาคืนและ "Finish The Story" ให้ได้ แล้วหลังจบแมตช์ Royal Rumble เขาก็ชี้ไปที่ โรมัน เรนส์ แชมป์โลกที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ด้านบน ส่งสัญญาณว่าจะไปล้างแค้นแน่
ส่วนแมตช์ Royal Rumble 30 คนฝ่ายหญิง ผู้ชนะคือ เบย์ลี่ นักมวยปล้ำหญิงจากทีม Damage Ctrl ที่ขึ้นเวทีเป็นคนที่ 3 แล้วถีบ ลีฟ มอร์แกน ตกเวทีเป็นคนสุดท้าย โดยผลที่ออกมาคาดว่าเธอจะไปท้าชิงเข็มขัดแชมป์โลกหญิงกับ อิโย สกาย แชมป์โลกรุ่นน้องทีมเดียวกันใน WrestleMania 40
