ไม่น่าเชื่อว่านับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2022 ที่แข่งไปแล้ว 2 วัน กลับพบว่าทีมแชมป์ทวีปทุกทีมลงสนามกันครบแถมพร้อมใจกันแพ้หมดแบบไม่ได้นัดหมาย
โดยเริ่มจากวันเปิดสนาม 20 พฤศจิกายน กาตาร์ ทีมเจ้าภาพและทีมแชมป์ เอเชียน คัพ ทีมล่าสุดเมื่อปี 2019 เปิดบ้านแพ้ เอกวาดอร์ ไปอย่างหมดสภาพ 0-2 โดนเจิมเป็นทีมแรก อย่างไรก็ดี พวกเขายังมีโอกาสแก้ตัวอีกสองเกมในรอบแบ่งกลุ่มที่เหลือ นอกจากนี้ ในช่วงกลางปีหน้า (2023) กาตาร์ ก็จะได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เอเชียน คัพ ให้พวกเขาได้ป้องกันแชมป์อีกสมัย
วันต่อมา (21 พฤศจิกายน) เซเนกัล เจ้าของแชมป์ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ทีมล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2021 ไม่นานมานี้ มาลุยฟุตบอลโลกในฉบับไร้เงา ซาดิโอ มาเน่ แข้งตัวแบกของชาติลงสนามนัดแรกพบกับ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเกมนี้พวกเขาสู้ได้อย่างสนุกสูสีและดูเหมือนจะแบ่งแต้มกับแข้ง "อัศวินสีส้ม" ได้แล้ว แต่ทว่าช่วงท้ายเกมพวกเขากลับโดนยิงทีเดียว 2 ประตูรวดในนาที 83 และ 90+9 แพ้ไปแบบมันเจ็บช้ำมันเจ็บใจ
และล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ (22 พฤศจิกายน) ก็ถึงคิวขึ้นเขียงของ "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนตินา เมื่อพวกเขาประเดิมสนามนัดแรกของกลุ่ม C แบบหักปากกาเซียนทั่วโลกด้วยการถูก ซาอุดิ อาระเบีย ยิงแซงช่วงต้นครึ่งหลังชนะ 2-1 โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแม้ว่าผู้เล่นของ อาร์เจนตินา จะเหนือชั้นกว่าหลายขุมก็ตามแถมพกดีกรีแชมป์ทวีปอเมริกาใต้อย่าง โคปา อเมริกา มาสด ๆ ร้อน ๆ แต่ก็ดันทะลึ่งแพ้ไปหน้าตาเฉย
เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว กาตาร์ อาจดูโคม่าสุดเพราะพวกเขาต้องตัดแต้มกันเองกับ เซเนกัล เพื่อนร่วมกลุ่ม A เช่นกัน แถมนัดสุดท้ายก็ต้องไปเจอกับของแข็งอย่าง เนเธอร์แลนด์ ซึ่งโอกาสจะตกรอบชนิดไร้คะแนนของเจ้าภาพบอกได้เลยว่าสูงเอามาก ๆ ส่วนทางด้าน อาร์เจนตินา หลังจากนี้ไปพวกเขาต้องเหนื่อยหนักเพราะทีมที่รออยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือคู่อริตลอดกาลร่วมกับบราซิลอย่าง เม็กซิโก ก่อนจะปิดท้ายพบ โปแลนด์ ที่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ รอถล่มตาข่าย
ส่วนทางแชมป์ทวีปยุโรปทีมล่าสุดอย่าง อิตาลี นั้นพวกเขาไม่ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกในครั้งนี้ทำให้เหล่าขุนพล "อัซซูรี" ไม่ต้องแพ้นัดเปิดฟุตบอลโลก แต่ทว่าเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พวกเขาลงสนามโปรแกรมอุ่นเครื่องแพ้ ออสเตรีย ไป 1-2 เรียกได้ว่าก็แพ้เหมือนกันแม้จะเป็นเกมอุ่นเครื่องก็ตาม
