ฟุตบอลโลก 2022 มีการทดเวลาการแข่งขันเป็นเวลาที่นานมากๆ ด้วยสถิติดังนี้ (รวมระยะเวลา 2 ครึ่ง)
กาตาร์ - เอกวาดอร์ (10.18 นาที)
อังกฤษ - อิหร่าน (27.16 นาที)
เซเนกัล - เนเธอร์แลนด์ (12.49 นาที)
เวลส์ - สหรัฐอเมริกา (14.34 นาที)
จะเห็นว่าระยะเวลาในการทดเวลาการแข่งขันในครั้งนี้ มีระยะเวลาที่นานกว่า 10 นาทีทุกคู่ เมื่อเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ทั้ง 16 คู่แรกในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่มีคู่ไหนที่ทดเวลาเกิน 10 นาทีเลย (มากที่สุด คือ คอสตาริกา พบ เซอร์เบีย 9 นาที 36 วินาที)
หากไม่นับเกมคู่อังกฤษ กับ อิหร่านที่มีจังหวะผู้รักษาประตูอิหร่านบาดเจ็บเป็นเวลานาน ค่าเฉลี่ยการทดเวลานั้นก็จะอยู่ที่ 12 นาที 37 วินาที ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในเกมสี่นัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่มีค่าเฉลี่ยรวมแล้วเพียง 6 นาที 30 วินาทีเท่านั้น
หากจะหาคำตอบถึงการทดเวลาที่ยาวนานในครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปถึงบทสัมภาษณ์ของ แดนนี่ มัคเคลี่ และ คริสโตเฟอร์ บีธ สองผู้ตัดสินในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เคยให้คำตอบถึงเรื่องนี้หลังการประชุม ซึ่งพวกเขายืนยันว่า ผู้ตัดสินทุกคนสามารถขยายช่วงทดเวลาบาดเจ็บเพื่อช่วยเหลือทีมที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบได้
เนื่องจากฟีฟ่ามุ่งมั่นที่จะขยายระยะเวลาที่ลูกบอลอยู่ในการเล่น เพื่อให้การแข่งขันมีความบันเทิงในการรับชม
ด้านปิแอร์ลุยจิ คอลลินา คณะกรรมการผู้ตัดสินเปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า "ฟีฟ่าต้องการจะทดเวลาอย่างถูกต้องและแม่นยำที่สุด เมื่อเกมหยุดลง โดยเฉพาะเมื่อมี VAR เข้ามาแทรกแซงการตัดสิน, อาการบาดเจ็บ การเปลี่ยนตัว การลงโทษ และใบแดง ในขณะที่ Collina กล่าวว่าเขาต้องการปราบปรามผู้เล่นที่เสียเวลา"
“ฟุตบอลโลกรัสเซีย เราพยายามชดเชยเวลาที่เสียไประหว่างเกมให้แม่นยำมากขึ้น และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงเห็นเพิ่มเวลาไปอีก 6, 7 หรือ 8 นาที”
"ลองคิดดู ถ้าคุณยิงได้่ 3 ประตูในครึ่งแรก คุณอาจเสียเวลาทั้งหมด 4 หรือ 5 นาทีในการฉลองและนำบอลกลับมาเริ่มเขี่ยกันใหม่"
ดังนั้น นี่จึงอาจเป็นการตอบคำถามที่ชัดเจนว่า การเพิ่มเวลาในช่วงทดเวลาการแข่งขัน คือการพยายามของฟีฟ่าที่จะทำให้เวลาที่สูญเสียไปเที่ยงตรงและแม่นยำที่สุด
ที่มา :
https://theathletic.com/.../21/world-cup-injury-time-length/
https://www.bbc.com/sport/football/63710986