ฟุตบอล ยูฟา เนชันส์ ลีก เป็นการแข่งขันกลุ่มที่ 3 ของ ลีก เอ ระหว่าง ทีมชาติอิตาลี เปิดสนาม ซาน ซีโร พบ ทีมชาติอังกฤษ
โรแบร์โต มันชินี นายใหญ่ทัพอัซซูรี ส่งแกนหลักชุดแชมป์ยูโร 2020 อย่าง ลีโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์จินโญ และ นิโคโล บาเรลลา ลงคุมเกม โดยวางสองดาวรุ่งอย่าง จานลูกา สคามัคคา กับ จาโคโม ราสปาโดรี ยืนล่าตาข่ายในแดนหน้า
ฝั่ง แกเร็ธ เซาธ์เกท กุนซือทีมสิงโตคำราม จัดทัพมาในระบบ 3-5-2 แฮร์รี แม็กไกวร์ คุมแนวรับร่วมกับ เอริค ไดเออร์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ แล้วขยับ บูกาโย ซากา ลงมายืนเป็นวิงแบ็คฝั่งซ้าย ส่วนสามแนวรุกเป็นหน้าที่ของ ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเดน และแฮร์รี เคน
เกมในครึ่งแรก ทั้งสองทีมสู้กันได้สูสี และพอหาจังหวะจบสกอร์กันได้บ้าง แต่นายด่านของทั้งสองทีมอย่าง จานลุยจิ ดอนนารุม กับ นิค โปป ยังป้องกันไว้ได้ จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง แม้ทีมชาติอังกฤษจะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่กลับเป็นอัซซูรีที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 68 จากจังหวะที่ ลีโอนาร์โด โบนุชชี วางบอลยาวให้ จาโคโม ราสปาโดรี เอาบอลลง ก่อนหาช่องสับด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาไกลไปอย่างสวยงาม
เวลาที่เหลือ ทัพสิงโตคำรามพยายามโหมบุกเพื่อทวงประตูคืน แต่ก็ไม่เป็นผล จบเกม ทีมชาติอิตาลี เปิดบ้านชนะ ทีมชาติอังกฤษ 1-0 ยังได้ลุ้นผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ โดยต้องไปวัดกับ ฮังการี จ่าฝูงของกลุ่ม ที่บุกไปชนะ เยอรมัน 1-0 ในนัดสุดท้าย
ขณะที่ทีมชาติอังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกท ตกชั้นสู่ ลีก บี ของ ยูฟา เนชันส์ ลีก แน่นอนแล้ว หลังทำสถิติไม่ใชนะใครตลอด 5 เกม เก็บได้เพียง 2 คะแนน โดยเกมสุดท้าย พวกเขาจะเปิดบ้านดวลกับ ทีมชาติเยอรมัน ในวันที่ 27 กันยายน