นับตั้งแต่ที่ อันโตนี่ ปีกชาวแซมบ้า ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ เรอัล เบติส แบบยืมตัวเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้น ซัดไป 4 ประตู 4 แอสซิสต์ จาก 11 รวมทุกรายการ จนมีกระแสว่าทีมดังแห่งลา ลีกา สเปน เตรียมกระชากตัวเขามาสวมยูนิฟอร์มแบบถาวร
และหลังจากที่มีผลงานในสนามดีขึ้น อันโตนี่ ที่เติบโตขึ้นมาในสลัมอินเฟอร์นินโญ่ (แปลเป็นไทยว่า นรกน้อย) ชานเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงหนึ่งในเหตุผลที่ช่วยให้เขามองข้ามปัญหาต่าง ๆ และกลับมามีผลงานเปรี้ยงปร้างว่าเป็นเพราะได้สัมผัสรวมถึงเล่นฟุตบอลกับกลุ่มคนค้ายา จึงทำให้ได้รับบทเรียนชีวิตสำคัญ ๆ มากมาย
โดย อันโตนี่ เล่าให้ DAZN ฟังดังนี้ "เมื่อผมถูกถามถึงความกดดัน ผมจะตอบว่า 'กดดันอะไรหรอ?' เพราะผมเคยเผชิญกับแรงกดดันในสลัมตอนเด็กเมื่อผมไม่มีรองเท้าสวมใส่ ผมเคยเตะบอลกับพวกค้ายาและพวกคนไม่ดี นั่นต่างหากถึงเป็นแรงกดดันที่แท้จริง"
"ผมออกไปโรงเรียนในตอนเช้าทั้งที่ไม่ได้กินข้าวเป็นประจำ ดังนั้นเมื่อผมต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมมักจะนึกถึงความท้าทายที่ผมเคยผ่านมาในอดีตเสมอ"
นอกจากนี้ อันโตนี่ ยังเคยเปิดเผยถึงชีวิตในวัยเด็กผ่าน The Players' Tribune ว่าโหดร้ายมาก ๆ เนื่องจากขณะเดินไปโรงเรียนเขาเคยเจอร่างไร้วิญญาณนอนอยู่ข้างถนน
"เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ผมเดินไปโรงเรียน เมื่อผมอายุประมาณ 8 หรือ 9 ขวบ ผมพบชายคนหนึ่งนอนอยู่ในตรอก เขาไม่ยอมขยับตัวเลย เมื่อผมเข้าไปใกล้ ผมเลยรู้ว่าเขาเสียชีวิตแล้ว"
"ในสลัม คุณจะรู้สึกชาชินกับเรื่องพวกนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว และผมต้องไปโรงเรียน ผมจึงหลับตาแล้วกระโดดข้ามร่างพวกนั้น ผมไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อให้ฟังดูยากลำบาก แต่มันเป็นแค่ความจริงของผม"
"จริง ๆ แล้ว ผมมักจะพูดว่าตัวเองโชคดีมากเมื่อยังเป็นเด็ก เพราะแม้ว่าเราจะต่อสู้ดิ้นรนกันมามากมาย แต่ผมก็ยังได้รับของขวัญจากสวรรค์"
"ลูกฟุตบอลคือสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้เพื่อช่วยชีวิตผม เป็นความรักที่ผมได้รับตั้งแต่เกิด ในอินเฟอร์นินโญ่ เราไม่สนใจของเล่นสำหรับคริสต์มาส ลูกบอลที่กลิ้งไปมาเหมาะกับเรามากกว่า ผมปฏิเสธที่จะก้มหัวให้คนอื่น"
"ผมใช้ท่า Elastico ใส่พวกพ่อค้ายา แถมทำท่า Rainbow flick ใส่คนขับรถ ก่อนจะหลอกล่อต่อด้วยการลอดดากพวกขโมย ... ผมไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยจริง ๆ เมื่อมีลูกฟุตบอลอยู่ที่เท้า ผมไม่เคยกลัว"