กิลล์ เซย์เอลล์ เคยถึงกับพูดไว้ว่า "ฉันต้องแกล้งเป็นเด็กผู้ชาย" เพราะในอดีต นั่นคือทางเดียวที่เธอจะได้เล่นฟุตบอล ไม่มีทีมฟุตบอลหญิงให้เธอได้ร่วมเล่น เธอจึงตัดผมสั้น และเรียกตัวเองว่า "บิลลี่" เพื่อโอกาสในการลงสนามเล่นฟุตบอลที่เธอรักกับเด็กผู้ชาย ในยุคที่ฟุตบอลหญิงยังถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) สั่งห้าม
ย้อนกลับไปในปี 1960 ฟุตบอลหญิงในอังกฤษยังถือเป็นสิ่งต้องห้าม FA ออกกฎแบนฟุตบอลหญิงตั้งแต่ปี 1921 และคำสั่งนั้นมีผลนานเกือบ 50 ปี ทำให้สนามแข่งขันระดับอาชีพ หรือสนามของสโมสรที่อยู่ภายใต้การดูแลของ FA ไม่สามารถใช้สำหรับการแข่งขันฟุตบอลหญิงได้แม้แต่สนามเดียว
แต่เซย์เอลล์ไม่เคยปล่อยให้กฎเกณฑ์เหล่านั้นหยุดความฝันของเธอได้ เธอเติบโตมากับพี่ชาย 4 คน และเธอเล่นฟุตบอลกับพวกเขาตามสวนสาธารณะ ก่อนจะถูกแมวมองพบตัวในการแข่งขันฟุตบอลการกุศล
และได้รับโอกาสที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เธอได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ ที่ได้สิทธิ์ไปแข่งขัน Copa 71 ฟุตบอลโลกหญิงซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก
การแข่งขันครั้งนั้นนับเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น มีแฟนบอลเข้าไปชมการแข่งขันมากกว่า 100,000 คนในสนามอัซเตก้า สเตเดียม ซึ่งใหญ่กว่าสนามเวมบลีย์ในยุคนั้น นับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าฟุตบอลหญิงได้รับความสนใจไม่น้อยไปกว่าฟุตบอลชาย
ตัดภาพไปที่เซย์เอลล์ ในวัย 14 ปี เธอไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินมาก่อน แต่เมื่อเครื่องบินลงจอด กลับพบว่าทุกอย่างเกินกว่าที่จินตนาการได้ สนามบินเต็มไปด้วยปาปารัสซี่ เสียงตะโกนเรียกชื่อดังกึกก้อง เหมือนว่าทุกคนกำลังรอการมาถึงของทีมจากอังกฤษ
การแข่งขันครั้งนี้มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 6 ทีม ได้แก่ เม็กซิโก อาร์เจนตินา อังกฤษ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส และอิตาลี โดยทีมชาติเดนมาร์กคว้าแชมป์หลังจากเอาชนะเจ้าภาพเม็กซิโกในรอบชิงชนะเลิศ
เมื่อเธอกลับถึงอังกฤษ ไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีปาปารัสซี่ ไม่มีสื่อใดต้อนรับพวกเธอเหมือนตอนที่พวกเธอเดินทางไป ทุกอย่างเงียบงัน ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเม็กซิโกไม่มีความหมาย อาจเป็นเพราะการเเข่งขันนี้ทีมชาติอังกฤษหญิงนั้นไม่สามารถชนะใครในการไปเเข่งได้เลย
ซ้ำร้ายกว่านั้น ตัวแทนของชาติกับถูกมองว่าเป็นผู้ละเมิดกฎ และถูกลงโทษต่าง ๆ เช่น เซย์เอลล์ถูกแบนจากการแข่งขันเป็นเวลา 3 เดือน ผู้จัดการทีม แฮร์รี่ แบตต์ ถูกแบนตลอดชีวิต เเละนักเตะหญิงชุดนั้นไม่มีใครกล้าพูดถึง Copa 71 อีกเลย เปรียบเสมือนเเผลที่ไม่มีใครอยากเปิด
ในช่วงเวลานั้น เซย์เอลล์และเพื่อนร่วมทีมรู้สึกอับอายอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่แม้จะเผชิญกับความผิดหวัง เธอก็ไม่เคยเลิกเล่นฟุตบอล
ต่อมา กิลล์ เซย์เอลล์ กลายเป็นหนึ่งใน ผู้ก่อตั้งทีมฟุตบอลหญิงของอาร์เซน่อล และยังคงเล่นฟุตบอลที่เธอรักต่อไป แม้ว่าทีมในตอนนั้นจะต้องใส่ชุดแข่งเก่าของทีมชายที่ถูกส่งต่อมาอีกทีก็ตาม
เเต่ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ สิ่งที่เธอทำค่อย ๆ เริ่มส่งผลต่อวงการฟุตบอลหญิงเเละตัวของ กิลล์ เซย์เอลล์ ในฤดูกาลปี 1987-88 เธอได้รับรางวัล นักเตะหญิงยอดเยี่ยมของอาร์เซน่อล
แต่นี่ไม่ใช่เพียงแค่รางวัลส่วนตัวเท่านั้น แต่มันคือก้าวสำคัญของวงการฟุตบอลหญิงในเวลานั้นเลยก็ว่าได้แม้จะใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษกว่าฟุตบอลหญิงจะได้รับการยอมรับก็ตาม
กระทั่งปี 2022 ทีมชาติอังกฤษหญิงคว้าแชมป์ UEFA Women’s Euro 2022 ท่ามกลางแฟนบอลล้นเวมบลีย์ โดยมีสมาชิกทีม Copa 71 ที่เคยถูกลืมในอดีต ร่วมเป็นสักขีพยานของบทสรุปที่สวยงาม ซึ่งต่างจากยุคที่เเสนเจ็บปวดของพวกเธอโดยสิ้นเชิง
เดวิด เจมส์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษกล่าวว่า "ความพยายามและความเสียสละของนักเตะหญิงยุคก่อน เป็นรากฐานที่นำพาวงการฟุตบอลหญิงมาถึงจุดนี้"
เรื่องราวนี้ทำให้ในเวลาต่อมาได้ถูกบันทึกผ่านปลายพู่กันผ่านภาพวาดของ เดวิด เจมส์ ในซีรีส์ Extraordinary Portraits ของ BBC ที่สะท้อนเรื่องราวของ กิลล์ เซย์เอลล์ ที่เธอเองได้รับการยกย่องในวงการฟุตบอลหญิงของอังกฤษในฐานะ "Lost Lioness" หรือ "สิงโตสาวที่ถูกลืม"
เจมส์กล่าวว่า "เธอเป็นนักฟุตบอลหญิงผู้บุกเบิก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงการฟุตบอลหญิง เธอต้องผ่านการเสียสละมากมายในยุคที่ฟุตบอลหญิงยังไม่ได้รับการสนับสนุน"
การวาดภาพในครั้งนี้ไม่ได้เพียงเเต่เป็นการวาดเพียงแค่ใบหน้าของเธอ แต่ยังใส่รายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพของเธอลงไปในภาพ เช่น โปสเตอร์ของ Copa 71 และถ้วยรางวัลรองเท้าทองคำ
"ผมเปลี่ยนภาพวาดนี้หลายครั้งมาก เพราะกังวลว่าเธอและครอบครัวจะคิดอย่างไร"แต่เมื่อเซย์เอลล์ได้เห็นผลงาน เธอรู้สึก "ทึ่ง" และกล่าวว่า
"มันถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
จากเด็กหญิงที่ต้องปลอมตัวเป็นเด็กชายเพื่อเล่นฟุตบอล สู่สัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อสิทธิของนักฟุตบอลหญิงทุกคน กิลล์ เซย์เอลล์ และเพื่อนร่วมทีมของเธอ อาจไม่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอย่างเท่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่พวกเธอทำ จะไม่มีวันถูกลืมไปจากวงการฟุตบอล