News

รุกจนลืมหลัง เกมรุกสไตล์ แอนจ์ ที่เป็นเหมือนดาบสองคมของ สเปอร์ส

การมาของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ในฐานะผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ ท็อตแน่ม แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั้นนับเป็น ปัญหาหลักของทีมในตอนนี้

 

แอนจ์ มาพร้อมกับ “เกมรุกดุดัน” และ “การเพรสซิ่งสูง” กลายเป็นเอกลักษณ์ของ สเปอร์ส ที่ทำให้แฟนบอล กลับมาเชียร์ทีมรักได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง ทว่ารูปแบบการเล่นเช่นนี้ มาพร้อมกับสิ่งที่ต้องยอมแลกมหาศาล ทั้งในแง่พลังงานของนักเตะ และปัญหาอาการบาดเจ็บที่ถาโถมไม่หยุด 

สไตล์ของ แอนจ์ มีแกนหลักอยู่ที่การโจมตีที่รวดเร็ว และการครองเกมแบบไม่ปล่อยโอกาสให้คู่แข่งหายใจ ทีมจะเน้นการเพรสซิ่งในแดนบนเพื่อแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด และเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกในเวลาไม่กี่วินาที

การบุกแบบนี้ช่วยให้ สเปอร์ส ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในช่วงต้นฤดูกาล 2023-24 ในช่วงแรกที่แอนจ์ เข้ามาคุมทีม พวกเขาสร้างโอกาสในการทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แฟนบอลชื่นชมในจังหวะการเล่นที่ไหลลื่น

อย่างไรก็ตามความเข้มข้นของเกมที่ต้องอาศัยการวิ่งตลอดเวลา กลับกลายเป็นจุดอ่อนในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อทีมต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าของนักเตะ

ปัญหาอาการบาดเจ็บในทีมสเปอร์ส ไม่ได้เกิดจากโชคร้ายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลพวงจากรูปแบบการเล่นที่ต้องการความเข้มข้นสูง การวิ่งสปรินต์เพื่อเพรสซิ่ง หรือการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อของนักเตะ มีโอกาสฉีกขาดหรืออักเสบได้ง่ายขึ้น

โดยในซีซั่นนี้ทีมของ แอนจ์ ได้วิ่งรวมระยะทาง 2,470.4 กิโลเมตร นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นทีมที่วิ่งสปรินต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยสปรินต์ไปทั้งหมด 3,915 ครั้ง เฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 178 ครั้งต่อเกม (จากทั้งหมด 22 เกมที่ลงเล่น)

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มิกกี้ ฟาน เดอ เฟน และ คริสเตียน โรเมโร่ สองเซ็นเตอร์แบ็ค ที่ต้องแบกรับภาระ ทั้งเกมรับ และการขึ้นเกมรุก อย่างต่อเนื่อง ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะที่ต้องวิ่งเต็มสปีด หรือเปลี่ยนทิศทางทันทีในสถานการณ์คับขัน นอกจากนี้ อีฟส์ บิสซูม่า และ ปาเป้ ซาร์ ก็เป็นอีกสองรายที่ได้รับผลกระทบจากความเหนื่อยล้าสะสม

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นคือ ขนาดทีมที่เล็ก และตัวเลือกสำรองที่จำกัด ปอสเตโคกลู ไม่มีตัวหมุนเวียนที่เหมาะสมเพียงพอ ซึ่งหมายความว่านักเตะตัวหลักต้องเล่นต่อเนื่องโดยไม่ได้มีโอกาสให้พักฟื้น

การแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้ จำเป็นต้องมีทั้งการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในระยะสั้น และการวางแผนที่ยั่งยืนในระยะยาว แอนจ์ จำเป็นต้องพิจารณาลดความเข้มข้นของการเพรสซิ่งในบางช่วงเวลา การเน้นการครองบอลให้มากขึ้น อาจช่วยลดความเหนื่อยล้าของนักเตะ อีกทั้งยังช่วยรักษาจังหวะเกมให้สมดุลมากขึ้น

แม้ว่า สเปอร์ส จะเผชิญกับปัญหาขนาดทีมที่เล็ก แต่การหมุนเวียนนักเตะสำรอง ในเกมที่มีความกดดันน้อยกว่า หรือให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาเล่นบ้างในบางเกม อาจช่วยลดภาระของตัวหลักได้ การเพิ่มตัวเลือกใหม่ในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงมกราคมจะเป็นอีกกุญแจสำคัญ
ทีมแพทย์และผู้ฝึกสอนฟิตเนส ควรมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในช่วงเวลานี้ การจัดโปรแกรมฝึกซ้อมที่เหมาะสม รวมถึงการให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักเตะ จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ

แม้สไตล์การเล่นแบบ “Total Football” จะเป็นสิ่งที่ แอนจ์ ยึดมั่น แต่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนแผนการเล่นระหว่างเกม และจัดการความเสี่ยง อาจเป็นสิ่งที่จะกำหนดความสำเร็จในระยะยาว

เกมรุกของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู คือดาบสองคมที่เปลี่ยนโฉมหน้าของ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ให้มีความน่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาอาการบาดเจ็บที่ตามมาแสดงให้เห็นว่า ทีมยังขาดสมดุลระหว่างความดุดันและความยืดหยุ่น

คำถามสำคัญคือ แอนจ์ ปอสเตโคกลู พร้อมหรือไม่ที่จะปรับตัวเพื่อรักษาอนาคตของทีม? และท็อตแน่ม จะสามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้

อย่างไร? ฤดูกาลนี้อาจเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของทั้งตัวผู้จัดการทีมและสโมสร ว่าพวกเขาพร้อมจะก้าวขึ้นเป็นทีมชั้นนำอย่างแท้จริงหรือไม่ในวันที่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นใจ

Author

ทรงวุฒิ อุ่นบริบูรณ์

ผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายและหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของรถยนต์จากโมเดล