News

"รูเบน อโมริม" เผยรู้สึกเสียใจที่วิจารณ์ แมนฯ ยู ชุดนี้ว่าแย่ที่สุด รับที่พูดไปเพราะหงุดหงิดจนคุมไม่อยู่

หลังจบเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านต่อ ไบรท์ตัน 1-3 รูเบน อโมริม ได้พูดประโยคหนึ่งที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วอินเตอร์เน็ตว่า... "เราน่าจะเป็นทีมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

 

ประโยคดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่แฟนบอล รวมถึงคนในวงการฟุตบอลพอสมควร ทำนองพูดวิจารณ์ทีมตัวเองในทางเสียหาย และกลายเป็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งตามสื่อต่างๆ มากมาย

อย่างไรก็ตาม ก่อนนำทีมเจอ กลาสโกว เรนเจอร์ส ศึก ยูโรป้า ลีก วันที่ 23 มกราคม อโมริม ยอมรับว่าเขารู้สึกผิดที่พูดประโยคนั้นออกมา พร้อมบอกว่ามันคือคำวิจารณ์ที่มีต่อตัวเขาที่ทำผลงานได้ไม่ดีพอ มากกว่าวิจารณ์ลูกทีมตัวเอง

"ผมพูดถึงตัวเองมากกว่านักเตะ เพราะผมพูดว่าผมคือโค้ชที่นำทีมออกสตาร์ทด้วยการแพ้ถึง 7 เกม จาก 15 นัดแรก ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวผมมากกว่า"

"นักเตะชุดเดิมแต่ทำผลงานแย่ลงกับโค้ชคนใหม่ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมกังวลในอนนี้ ผมยังบอกด้วยว่าผมไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขาเท่าที่ควร และถ้าคุณสังเกตว่าทุกครั้งที่สื่อกดดันนักเตะของเราว่าไม่ดีพอ ผมก็ไม่เคยกล่าวโทษนักเตะของผมสักครั้ง"

"ผมเข้าใจว่าผมได้ให้พาดหัวข่าวกับพวกคุณไป และบางครั้งผมก็รู้สึกหงุดหงิด ผมไม่ควรพูดแบบนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว บางครั้งมันยากที่จะซ่่อนความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้ แต่สิ่งที่ดีก็คือผมพูดแบบเดิมในลักษณะที่ต่างออกไปในห้องแต่งตัวช่วง 5 นาทีก่อน"

"บางครั้งผมยังทำตัวเป็นเด็กและทำเรื่องผิดพลาด ผมไม่สัญญากับคุณหรอกนะว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ผมจะพยายามปรับปรุงตัวเอง"

ส่วนเกมเปิดบ้านเจอกับ เรนเจอร์ส กุนซือชาวโปรตุกีส ยอมรับว่าความพ่ายแพ้คาบ้านในหลายนัดทำให้เขาและลูกทีมรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ก็หวังว่าเกมนี้ เขาและลูกทีมจะช่วยกันทำผลงานให้ดีกว่าเดิม

"เรามีความกังวลกับการเล่นเกมในบ้านมากกว่านอกบ้าน เพราะเราแพ้ไปหลายเกมแล้ว ประมาณ 4 จาก 5 เกม มันเลยเป็นงานยากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราปรับปรุงตัวเองได้ ผมคิดว่าถ้าเราไม่เสียประตูแรกตั้งแต่ 4 นาที ผมจำได้ว่าตอนเสียประตูนาที 4, นาที 10 หรือนาที 15 พอมันเกิดขึ้นก็กลายเป็นเรื่องยากที่จะทำให้นักเตะสงบจิตใจได้ ดังนั้นเราต้องยิงลูกแรกให้ได้ ถ้าทำได้ ผมว่ามันจะต้องเปลี่ยนไป และเราจะเล่นเกมในบ้านได้ดีขึ้นตั้งแต่แรกเลย"

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย