นับตั้งแต่มีการมอบรางวัล โกปา โทรฟี ครั้งแรกในบัลลง ดอร์ ปี 2018 มีแข้งดาวรุ่งจาก บาร์เซโลน่า ได้รางวัลนี้ไปแล้ว 3 คนคือ เปดรี (2021), กาบี (2022) และ ลามีน ยามาล (2024) โดยสองคนหลังถือเป็นผลผลิตจาก "ลา มาเซีย" อะคาเดมี่ปั้นเด็กระดับโลกของ "เจ้าบุญทุ่ม"
เวลาพูดถึงโรงเรียนลูกหนัง ลา มาเซีย แฟนบอลมักนึกถึง ลิโอเนล เมสซี่, อันเดรียส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ, การ์เลส ปูโยล เป็นส่วนใหญ่ เพราะพวกเขาเหล่านี้คือ "นักเรียนดีเด่น" ที่ประสบความสำเร็จในวงการลูกหนังมากที่สุดในโลก และมีผลงานเป็นที่ยอมรับจนเป็นตำนาน ทว่าที่จริงแล้ว ลา มาเซีย ยังคงมุ่งหน้าสร้างนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีป้อนสู่ทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า หรือส่งออกไปยังทีมอื่นอย่างไม่ขาดสาย ก่อนเป็นคิวของ กาบี กับ ยามาล ที่แจ้งเกิดไปทั่วโลกในเวลานี้
ลา มาเซีย ก่อตั้งด้วยวัตถุประสงค์ที่เหมือนกับอะคาเดมี่ฟุตบอลทั่วโลกก็คือ เซ็นสัญญานักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์ มีแววขัดเกลาให้เก่งขึ้นได้ ก่อนนำมาพัฒนาและเจียระไนด้วยทีมงานลูกหนังเปี่ยมประสบการณ์ของเจ้าบุญทุ่ม แต่สิ่งที่ทำให้ ลา มาเซีย โดดเด่นกว่าที่อื่นก็คือการที่พวกเขาผลิตนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีได้อย่างมากมายในทุกๆ ปี ก่อนผลักดันสู่ทีมชุดใหญ่ และประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ไปกับแข้งรุ่นพี่ในทีมชุดหลัก
จอร์ดี้ รูร่า อดีต ผอ.ของ ลา มาเซีย ปี 2014-2021 เล่าว่าเยาวชนที่เป็นสเป๊คหลักของอะคาเดมี่คือ นักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ มีเทคนิคการเล่นที่โดดเด่น เข้าใจการเล่นเป็นทีม รูปร่างไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเด็กเหล่านี้ก็จะตัวใหญ่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นผู้รักษาประตูก็ต้องสูงสัก 6 ฟุตเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้เข้ากับโลกของฟุตบอลสมัยใหม่
เมื่อเจอเด็กที่ใช่จากบรรดาเด็กอายุ 6-11 ปี ที่มาทดสอบฝีเท้า ทีมงาน ลา มาเซีย ต้องรีบไปจีบให้เร็วที่สุด พูดคุยกับครอบครัวของเด็กๆ เพื่อชวนมาอยู่ด้วยกัน ป้องกันไม่ให้โดนทีมใหญ่แบบ เรอัล มาดริด หรือ บียาร์เรอัล มาแย่งตัวไป
ออเรลี อัลติมิร่า อดีต ผอ. ลา มาเซีย อีกท่านยังบอกว่า ต่อให้คนของ ลา มาเซีย มาจีบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กและผู้ปกครองทุกคนจะตัดสินใจได้ง่าย เพราะอะคาเดมี่ของทีมอื่นยุคนี้ก็พัฒนาขึ้นมาก บวกกับข้อเสนอที่แน่นอนว่าต้องมีออฟชั่นที่ดีกว่าข้อเสนอของ บาร์ซ่า ให้พิจารณา
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของ ลา มาเซีย ก็คือประวัติการปั้นดาวรุ่งที่สวยงาม มีผลงานพิสูจน์ได้จากรุ่นพี่ที่ออกไปประสบความสำเร็จทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ บวกกับสตาฟฟ์โค้ชทุกคนใส่ใจใกล้ชิดเด็กๆ ในอะคาเดมี่เป็นอย่างดี ไม่ปล่อยปละละเลย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับครอบครัว ผู้ปกครองเห็นแล้วก็ไว้วางใจให้ลูกหลานมาฝึกฟุตบอลที่ ลา มาเซีย ทุกยุคทุกสมัย
อัลติมิร่า เล่าต่อว่าบรรดาดาวรุ่งของ ลา มาเซีย ยุคนี้นอกจากจะมีฝีเท้าโดดเด่นเป็นหลักแล้ว อีกหนึ่งจุดแข็งที่เด็กๆ เหล่านี้ต้องมีก็คือ "จิตใจที่แข็งแกร่ง" และรับมือกับความกดดันได้ดีตั้งแต่เด็ก โลกฟุตบอลคือการแข่งขัน คนที่ผ่านการทดสอบคือคนที่จะได้โอกาสไปต่อ และต้องพัฒนาต่อไปจนกว่าจะได้เล่นชุดใหญ่ ส่วนคนที่ยังไม่ผ่านก็ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่าน หรือยอมแพ้ต่อเส้นทางนี้ ซึ่งสตาฟฟ์ทุกคนไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
"ต่อให้คุณเล่นให้กับทีมเยาวชนของ บาร์เซโลน่า คุณก็ต้องชนะ" รูร่า กล่าว และยืนยันว่าต่อให้เด็กๆ จะเก่งในสนามแค่ไหน แต่ถ้าจิตใจคุณไม่แข็งแกร่งพอ ขาดแรงมุ่งมั่นที่จะยกระดับตัวเองเพื่อไปสู่ชัยชนะ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
ตัดภาพไปที่ บาร์เซโลน่า ชุดใหญ่ในฤดูกาล 2024/25 มีนักเตะเยาวชนจาก ลา มาเซีย ติดทีมชุดใหญ่มากถึง 12 คน พวกเขาเหล่านี้ลงเล่นร่วมกับนักเตะมากประสบการณ์อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, เฟรงกี เดอ ยอง, ราฟินญ่า ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ตอนนี้ ทีมของ ฮันซี่ ฟลิก ผงาดอยู่บนหัวตาราง ลา ลีกา สเปน ผลงานเอกอุล่าสุดก็คือถลุง บาเยิร์น มิวนิค 4-1 และถล่มศัตรูคู่อาฆาต เรอัล มาดริด ขาดลอย 4-0 ในศึก เอล กลาซีโก้
ทั้งหมดนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า นักเตะที่ได้รับการอบรมบ่มทักษะจากสถาบัน "ลา มาเซีย" ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพไม่เสื่อมคลายในทุกยุคทุกสมัย และเชื่อได้ว่านอกจาก ลามีน ยามาล กับ กาบี ที่แจ้งเกิดอย่างสง่างามไปแล้ว จะมีนักเตะดาวรุ่งจาก ลา มาเซีย อีกจำนวนมากที่เตรียมต่อคิวขึ้นมาสร้างผลงานบนฟลอร์หญ้า คว้าแชมป์ และกวาดรางวัลลูกหนังการันตีความยอดเยี่ยมให้สาวก "อาซูลกราน่า" ได้ชื่นชมกันอีกแบบไม่ขาดสาย