News

คู่แล้วไม่เเคล้วกัน : เปิดเบื้องหลังภารกิจคว้าตัว "เอ็มบัปเป้" ครั้งสุดท้ายของ "เรอัล มาดริด" ก่อนปิดดีลสำเร็จ

ในที่สุด คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวฝรั่งเศส ก็ได้ย้ายมาร่วมทีมกับ เรอัล มาดริด ทีมในฝันของเขาสมใจ ซึ่งเชื่อได้เลยว่าการมาของ เอ็มบัปเป้ จะทำให้การแย่งแชมป์ฟุตบอลในยุโรป ลุกเป็นไฟยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 


แม้แฟนบอลทั่วโลกจะเดาออกว่า เอ็มบัปเป้ ต้องย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด แน่นอน แต่หากพิจารณาตามความจริง ดีลนี้เกือบจะไม่เกิดขึ้นแล้วถ้าหาก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานของ "ราชันชุดขาว" ล้มเลิกความตั้งใจที่จะดึงหัวหอกชาวฝรั่งเศสมาที่สโมสรแห่งนี้อีกครั้ง จากที่เคยอกหักพลาดไปเมื่อปี 2022

ย้อนไปเมื่อปี 2022 เรอัล มาดริด กำลังจะปิดดีลพา เอ็มบัปเป้ หนึ่งในกองหน้าที่ร้อนแรงที่สุดในโลกมาร่วมถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ชนิดที่ว่าเตรียมสั่งโรงงานสกรีนเสื้อ เอ็มบัปเป้ ในยูนิฟอร์มสีขาวแล้ว แต่เหตุการณ์พลิกผันเมื่อ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทำทุกวิถีทางเพื่อรั้ง เอ็มบัปเป้ เอาไว้ให้ได้ ถึงขั้นที่ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ยังลงมาช่วยเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ที่ปารีสต่อไป เมื่อเดือนมิถุนายน 2022

การล้มดีลครั้งนั้นทั้งที่ตกลงกันเรียบร้อยเหลือแค่เซ็นสัญญา สร้างความเจ็บปวดให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ และทีมงาน เรอัล มาดริด อย่างยิ่ง เอ็มบัปเป้ ต่อสัญญาใหม่กับ PSG ออกไปอีก 2 ปี รับค่าเหนื่อยก่อนหักภาษี และพ่วงโบนัสความภักดีไป 150 ล้านยูโร (ประมาณ 5,970 ล้านบาท) ค้าแข้งอยู่ที่ ปาร์ค เดอ แปรงส์ ต่อไปเหมือนเดิม

ทุกอย่างคงจบลงแค่นี้ แต่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาตัดสินใจฟื้นภารกิจนี้อีกครั้ง โดยในการประชุมบอร์ดบริหารเมื่อเดือนมกราคม ปี 2024 เขาแจ้งว่าจะเดินแผนดึงตัว เอ็มบัปเป้ อีกรอบในซัมเมอร์นี้ ตอนที่สัญญาของเจ้าตัวกับ PSG สิ้นสุดลง แน่นอนว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยคิดว่า เรอัล มาดริด เวลานี้ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเอา เอ็มบัปเป้ มาร่วมทีม เพราะสถานการณ์ทั้งในและนอกสนามของ เรอัล มาดริด กำลังอยู่ในทิศทางที่ดี ขุมกำลังก็แข็งแกร่งพออยู่แล้ว

ฝ่ายที่กังวลบอกว่า การมาของ เอ็มบัปเป้ อาจทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวที่ดีอยู่แล้วของนักเตะ เรอัล มาดริด เสียจากการที่เขามีข่าวฉาวขัดแย้งกับคนในที่ PSG แถมตัวรุกที่มีทั้ง วินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งกำลังฉายฟอร์มเปล่งปลั่ง กับ เอ็นดริค ที่กำลังจะย้ายมาก็โชว์ฟอร์มได้ดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมี เอ็มบัปเป้ แต่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ โน้มน้าวทุกคนที่จะเอา เอ็มบัปเป้ มาร่วมทีมให้ได้ โดยบอกว่าถ้าครั้งนี้ยังไม่สำเร็จก็จะล้มเลิกความตั้งใจ ไม่เอาแล้ว

โชคดีที่ เอ็มบัปเป้ ก็ยังมีใจให้กับ เรอัล มาดริด สโมสรในฝันของเขาอยู่ เขาเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 เมื่อสัญญาปัจจุบันกับ PSG เหลือแค่ 6 เดือน The Athletic รายงานว่า เปเรซ ติดต่อกับ เอ็มบัปเป้ ด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านมือขวาอย่าง โชเซ่ อังเคล ซานเชซ เหมือนเคย เพื่อทำให้แน่ใจว่าคราวนี้ เอ็มบัปเป้ จะมาอยู่ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อย่างแน่นอน แม้คนใกล้ชิดของ เอ็มบัปเป้ จะไม่เห็นด้วยและอยากให้อยู่กับ PSG ต่อไปมากกว่า

สิ่งที่ เปเรซ ให้คำมั่นกับ เอ็มบัปเป้ นอกเหนือจากค่าเหนื่อยมหาศาลแล้ว ยังสัญญาว่าจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ เอ็มบัปเป้ ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่างแท้จริงทั้งในด้านกีฬาและธุรกิจ รายงานบอกว่าเขาอาจจะได้ส่วนแบ่งเรื่องภาพลักษณ์ที่มากกว่าคนอื่นเล็กน้อย ซึ่งปกติแล้ว มาดริด จะคิดส่วนแบ่งภาพลักษณ์กับนักเตะในทีมอยู่ที่ 50-50 และบอกด้วยว่าเขามีโอกาสที่จะทำรายได้นอกสนามเพิ่มเติมขึ้นไปอีก หากสวมยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดของพวกเขา อันเป็นภาพลักษณ์ที่ทรงอิทธิพลไปทั่ววงการฟุตบอลระดับโลก

การคว้าตัว เอ็มบัปเป้ แบบไม่ต้องจ่ายให้ PSG แม้แต่แดงเดียว ทำให้ เรอัล มาดริด ทุ่มเงินค่าเหนื่อยให้กับดาวเตะเลือดเฟรนช์คนนี้ได้อย่างเต็มที่ จนเมื่อทุกอย่างลงตัว เอ็มบัปเป้ ก็เตรียมตัวแจ้งความประสงค์กับ PSG ที่จะไม่ต่อสัญญาและย้ายทีมออกไป ฟายซ่า ลามารี คุณแม่ของเอ็มบัปเป้ และเอเยนต์ของลูกชายพยายามกำชับทุกคนที่ใกล้ชิดให้ปิดข่าวนี้เงียบสนิท เพื่อให้ลูกชายได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับ PSG อย่างราบรื่นโดยไม่มีข่าวหลุดออกมา ก่อนที่จะมีการประกาศจากตัวเขาเอง ว่าจะย้ายทีมออกไปในวันที่ 11 พฤษภาคม 2024 ซึ่งกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในโลกฟุตบอล

ความสัมพันธ์ของ PSG กับ เอ็มบัปเป้ ช่วงท้ายก่อนการประกาศแย่ลงเรื่อยๆ เขาถูก หลุยส์ เอ็นริเก้ เปลี่ยนตัวออกระหว่างแข่งขันบ่อยครั้ง มีความขัดแย้งกับ นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ประธาน PSG เป็นระยะ ฝ่ายหลังถึงขั้นโกรธเคืองที่ว่าในการประกาศแยกทางกับ PSG เอ็มบัปเป้ ไม่มีการพูดถึงหรือขอบคุณเขาในวีดีโอเลย อย่างไรก็ตาม ทีมงานวงในของ PSG บอกไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งสองยังพูดคุยกันได้และเลือกที่จะแยกทางกันด้วยดี ร่วมงานกันจนถึงวันสุดท้ายตามแบบฉบับมืออาชีพ

แล้วเรื่องราวก็มาถึงตอนจบเมื่อในที่สุด เรอัล มาดริด ได้ตัว เอ็มบัปเป้ มาเป็นกองหน้าคนใหม่แบบสมใจ ตัวของ เอ็มบัปเป้ ก็ดีใจเช่นกันที่ในที่สุดก็ได้ร่วมงานกับสโมสรในฝันตั้งแต่เด็ก โดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ผู้เป็นไอดอลของเขา ส่งข้อความให้กำลังใจและบอกด้วยว่า "ได้เวลาที่ฉันต้องจับตาดูนายแล้ว ตื่นเต้นเลยที่จะได้เห็นนายจุดไฟให้สว่างขึ้นที่ เบร์นาเบว"

เอ็มบัปเป้ จะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ เรอัล มาดริด เป็นเวลา 5 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อยที่สื่อในสเปนคาดว่าจะได้อยู่ที่ 35 ล้านยูโร (ประมาณ 1,390 ล้านบาท) ต่อฤดูกาล โดยจะมีการเปิดตัวหลังจากที่ เอ็มบัปเป้ สิ้นสุดภารกิจกับทีมชาติฝรั่งเศส ในศึก EURO 2024 ที่เยอรมนี เดือนกรกฏาคมนี้

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ