การย้ายสนามของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จาก สนามไวท์ ฮาร์ท เลน มรดกและสัญลักษณ์ของแฟนบอลตั้งแต่ปี 1899 สู่สนามสุดโมเดิร์นอย่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส สเตเดี้ยม ในปี 2019 ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของสโมสรที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยาน ทั้งเรื่องในสนามและนอกสนาม
ซึ่งนั่นก็ล้วนมาจากความตั้งใจของหัวเรืออย่าง แดเนียล เลวี CEO ของ "ไก่เดือยทอง" เพราะเขาได้นำการเปลี่ยนแปลงมากมายเข้ามาและมุ่งหวังที่จะขยายความจุรวมถึงปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้มัน ทันสมัยมากขึ้น เพื่อทำให้สโมสรสามารถแข่งขันทางธุรกิจกับสโมสรอื่น ๆ ได้ในโลกฟุตบอลที่มีการแข่งขันสูงอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งสนามแห่งใหม่นี้ของพวกเขาไม่ใช่แค่จะช่วยเพิ่มรายได้อย่างมหาศาล แต่ยังทำให้สโมสร ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กลายเป็นศูนย์กลางของความบันเทิงที่หลากหลายในย่านลอนดอนเหนือ เนื่องจากความสามารถในการจัดการแข่งขันกีฬาต่างๆ หรือ คอนเสิร์ตตลอดทั้งปี และนั่นทำให้สโมสรของพวกเขาอยู่ในจุดที่พร้อมจะแข่งขันกับสโมสรชั้นนำอื่นๆทั่วยุโรป
ย้อนกลับไปในช่วงสร้างสนามการทำงานของ แดเนียล เลวี นั้นเข้มข้นเอามาก ๆ เพราะทุก ๆวันอังคาร เขาจะเดินทางไปพบปะกับทีมงานที่สร้างสนาม และก็จะเดินตรวจตราความเรียบร้อยรอบสนามไปด้วยกัน เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยต่าง ๆ รวมถึงอัปเดตความคืบหน้าของงานในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย
ในแง่ของการทำเงินให้กับสโมสร…ทั้ง แดเนียล เลวี และ ไซม่อน แบมเบอร์ นั้นคือตัวละครคนสำคัญที่ทำให้สโมสรได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
ไซม่อน แบมเบอร์ คือผู้ที่เปิดช่องทางการหารายได้ให้กับสโมสร และมองเห็นโอกาสต่างๆ ที่ สนามใหม่ ของพวกเขาจะมีกำลังมากพอที่จะรับได้ อย่างเช่น การเป็นสนามอเมริกันฟุตบอล, การจัดคอนเสิร์ต, การแข่งรักบี้ และอื่นๆ…ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ สิ่งที่ แดนเนียล เลวี ต้องการมาตลอด
ซึ่งถ้าเราพูดถึงเรื่องของตัว สนาม เองนั้น…อะไรบ้างละ? ที่มัน โดดเด่นและไม่เหมือนใคร?
อย่างแรกนั่นก็คือ การกลับมาเปิดใหม่ของผับที่ชื่อว่า คอนเนอร์ พิน หรือสถานที่ที่เคยเป็นออฟฟิศขายตั๋วของ สเปอร์ส ตั้งแต่ปี 2010-2020 ซึ่งพวกเขาตัดสินใจพาร์ทเนอร์กับบริษัท บีเวอร์ทาวน์ บรูเออร์รี่ และได้มีการขาย คราฟเบียร์ ในตัวสนามเป็นที่แรกของเกาะอังกฤษ…ถึงแม้จะไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่นั้นคือสิ่งที่ตอบโจทย์ CEO ของทัพไก่เดือยทอง เพราะเขาไม่ต้องการเหมือนใคร
ด้านในตัวสนามพวกเขาได้ตั้งเป้าให้ความจุรวมถึงพื้นที่ของสนามพวกเขานั้นมีขนาดเท่ากับ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เพื่อที่จะรองรับการแข่งขันอื่นๆ และภายใต้ของสนามเองนั้นก็ได้มีหญ้าประเภทอื่นๆ ที่สโมสรพร้อมจะเปลี่ยนให้เป็นสนามสำหรับกีฬาอื่นๆ ในเวลาแค่ 25 นาที เท่านั้น
และพวกเขายังมีจอยักษ์ใหญ่ภายในตัวสนามมากถึง 4 ตัว ซึ่งมันมีขนาดใหญ่มากกว่าโซนกรอบเขตโทษสองอันติดกันเสียอีก ยังไม่รวมถึงจออีก 2 ตัวในฝั่งที่นั่งทิศใต้ และทีวีทั่วไปจำนวน 1,800 ตัว ที่ติดตั้งอยู่ในโซนต่างๆ ทั่วสนาม ส่งผลให้ สเปอร์ส ถูกนับว่าเป็น สนามกีฬาที่มีจอใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก
สำหรับผู้เล่นนั้นพวกเขาได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อย่างเช่น ความหลากหลายของครัวอาหาร, เล้าจ์นั่งพักในวันก่อนแข่ง, เล้าจ์สำหรับครอบครัว, สถานที่สำหรับเด็กเล็ก, วารีบำบัด และ พื้นที่ในการวอร์มร่างกาย มากไปกว่านั้น ในห้องแต่งตัวของพวกเขานั้น มีล็อคเกอร์อยู่ 23 ตัว พร้อมกับที่ชาร์จแบตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในตัว
ส่วนสำหรับสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าว พวกเขาจะได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมาก เพราะทางสโมสรได้มีคาเฟ่ที่ชื่อว่า เอ็ม มีเดีย คาเฟ่ หรือสถานที่นั่งพักสำหรับสื่อข่าวต่างๆ ที่สามารถรับได้สูงถึง 200 กว่าที่นั่ง และพื้นที่สำหรับสื่อในตัวสนามเองนั้นก็มีมากถึง 118 ที่นั่ง เพรียบพร้อมในการอัปเดตต่างๆของพวกเขา และในห้องแถลงข่าวเองนั้น พวกเขาแถบจะไม่ต้องกังวลอะไรในเรื่องความพร้อม เพราะทุกที่นั่งนั้น มีทั้ง ฟรีอินเตอร์เน็ตและที่ชาร์จต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
แล้ว แฟนบอลสเปอร์ส พวกเขาได้อะไรบ้าง? ในตัวสนามเองนั้น การวางแผนทางเดินและชั้นต่างนั้นๆ แถบจะเชื่อมและเดินได้ทั้งหมด อย่างเช่น ชั้น 1-4 ที่เปิดให้แฟนบอลทั่วไปสามารถเข้าชมได้
ยิ่งถ้าคุณเป็นแฟนบอลจากฝั่งตรงข้าม คุณจะได้พบกับที่นั่ง 3,000 ที่ ที่เตรียมไว้ให้คุณเชียร์ทีมรักของคุณ ขณะที่ในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่ม ทางสนามได้มีถึง 61 ร้าน ทั่วสนามที่มาพร้อมกับระบบที่ไม่ต้องใช้เงินสดอย่างเช่น ร้าน โกล์ไลน์ บาร์ หรือที่รู้กันว่าคือบาร์ที่ยาวที่สุดในประเทศอังกฤษและเป็น สนามแรกของโลก ที่มีโรงงานขนาดเล็กและทำการขาย คราฟเบียร์ ภายในสนาม
อย่างที่กล่าวว่าทุกรายละเอียดต้องเป๊ะ…ในเรื่องของการเข้าถึงต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่สโมสรให้ความสำคัญ พวกเขาได้จัดเตรียม ที่พักรถเข็น 65 ที่ในแต่ละชั้น, 514 ที่สำหรับที่นั่งที่ต้องใช้รถเข็น, หรือ ห้องน้ำเคลื่อนที่ต่างๆ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ นั่นแสดงให้เห็นถึงการเอาใจใส่ของสโมสรที่พร้อมจะรับมือและอำนวยความสะดวกให้กับแฟนๆทุกๆคนของพวกเขา ซึ่ง แดเนียล เลวี ได้กล่าวไว้ว่า
“ ดีไซน์ที่ใหม่และความกว้างขวางที่เรามีนั้น จะนำประสบการณ์อันล้ำค่าต่างๆมาให้กับแฟนๆ และมันจะเป็นประโยชน์มากมายต่อสังคมของเรา เพราะเราได้สร้าง ศูนย์รวม สำหรับกีฬาระดับโลกและความบังเทิงมากมาย ในถิ่นฐาน ท็อตแนม ของเรา”
ทุกอย่างที่เราเห็นในวันนี้ คือการวางแผนงานระยะยาวของ CEO อย่าง แดเนียล เลวี ตั้งแต่ช่วงแรกของการสร้างสนาม ที่ทำให้สโมสรสามารถคว้ารายได้มหาศาลที่ไม่ใช่มาจากแค่ฟุตบอล ตั้งแต่ช่วงแรก ปัจจุบัน และในอนาคต จนทำให้ สนามของสโสมร นั้นเป็นสถานที่ท่ีหมายปองของการจัดอีเวนต์ต่างๆ อย่างเช่น คอนเสิร์ต ของ บียอนเซ่, กันส์ แอนด์ โรสเซส หรือ เลดี้ กาก้า ในปีที่ผ่านมา
และในช่วง พฤษภาคม ทางสนามเองก็เตรียมจะจัดแข่ง กีฬารักบี้ในรายการ อินเวสเทค แชมป์เปี้ยน คัพ และ อีซีพีอาร์ ชาเลนจ์ คัพ ไฟนอล และต่อมา ในช่วง กรกฏาคม ก็จะมีการจัดคอนเสิร์ตเช่นกัน กับการมาของศิลปินระดับโลก ทราวิส สก็อตต์ ที่เตรียมจะโชว์ใน สนามกีฬาที่ดีที่สุดในโลก
มูรินโญ่ เคยพูดถึงรังเหย้าใหม่ของ สเปอร์ ไว้ว่า “ผมว่าคุณถ่อมตัวไปหน่อยนะ ตอนที่คุณพูดแค่ว่านี่คือ ‘สนามที่สวย‘ คุณต้องพูดว่า ‘นี่คือสนามที่ดีที่สุดในโลกสิ’ นั่นคือความจริงนะ”
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ตามรายงานของ Deloitte … ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ คือ สโมสรที่รวยที่สุดใน ลอนดอน พวกเขาสามารถแซงหน้าอีกสองสโมสรคู่อริอย่าง เชลซี และ อาร์เซน่อล ไปได้แล้ว และ พวกเขาสามารถทำรายได้จากการขาย ตั๋วแข่ง, น้ำ-อาหาร และ สินค้าต่างๆของสโมสร เป็นจำนวน 4.8 ล้านปอนด์ ทำให้ สเปอร์ส เป็น อันดับที่หนึ่ง จากอังกฤษและอยู่ใน อันดับที่สาม ของยุโรป จากรายได้ในวันแข่งที่พวกเขาทำได้
และผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดหลังจากการสร้าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส สเตเดี้ยม คือตัวเลขรายรับที่เพิ่มขึ้น โดยรายงานทางการเงินของ สเปอร์ส ฤดูกาล 2022-23 เผยว่าพวกเขาสร้างรายได้มากถึง 631 ล้านยูโร แบ่งเป็นรายได้จาก แมตช์เดย์ 135 ล้านยูโร, ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด 235 ล้านยูโร และการค้าทางธุรกิจ 261 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14