เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ณ สนาม ปาร์ค เดอ แปรงส์ รังเหย้าของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีแฟนบอลเปแอชเช จำนวนไม่น้อย มายืนอยู่รอบสนามพร้อมจุดพลุแฟร์สีแดงฉาน หลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สตาร์ชาวฝรั่งเศส ประกาศอำลาต้นสังกัดที่เขารับใช้มาเป็นเวลากว่า 7 ปี
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จะลงเล่นเกม ลีก เอิง ฝรั่งเศส นัดสุดท้ายให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในเกมที่พวกเขาต้องเปิดบ้านรับการมาของ ตูลูส วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2024 และอาจลงเล่นฟุตบอลถ้วย คุปป์ เดอ ฟรองซ์ นัดชิงชนะเลิศกับ โอลิมปิก ลียง วันที่ 25 พฤษภาคม เพื่อช่วยทีมคว้าถ้วยรางวัลเป็นการส่งท้าย
ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า เรอัล มาริด คือสถานีต่อไปของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพราะ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เทียวไล้เทียวขื่อพยายามตามจีบซูเปอร์สตาร์เลือดน้ำหอมรายนี้มาหลายตลาดแล้ว บวกกับมีรายงานออกมาว่าเจ้าตัวเริ่มมองหาที่พักอาศัยในกรุงมาดริด เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายคนกังวลใจคือถ้าหาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้สวมยูนิฟอร์ม "โลส บลังโกส" มันจะส่งผลกระทบต่อ วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกตัวจี๊ดชาวบราซิล หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวออกมาว่า เรอัล มาดริด พร้อมจะขาย วินิซิอุส จูเนียร์ เพื่อเปิดทางให้ เอ็มบัปเป้ แถมตำแหน่งการเล่นยังทับกันอีกด้วย
Main Stand จะพาทุกคนวิเคราะห์ไปพร้อมกันว่าการมาของ เอ็มบัปเป้ จะทำให้แสงของ วินิซิอุส จูเนียร์ ดรอปลงจริงหรือไม่
ในฤดูกาล 2023-24 คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้แผนการเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ โดยให้ วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดริโก้ เป็นกองหน้าคู่ แต่จะฉีกออกข้างทั้งซ้ายและขวาเป็นส่วนมากเสมือนเป็นตัวริมเส้น แล้วให้ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่รับบทบาทผู้เล่นเบอร์ 10 คอยวิ่งสอดหรือหาจังหวะขึ้นมาทำประตู
นั่นหมายความว่าตำแหน่งการเล่นของ วินิซิอุส จูเนียร์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มีการทับซ้อนกันอยู่พอสมควร แต่แฟน ๆ เรอัล มาดริด ไม่ต้องกังวลใจไป เนื่องจากในซีซันนี้ หลุยส์ เอ็นเอ็นริเก้ นายใหญ่เปแอสเช ใช้งาน เอ็มบัปเป้ ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้ามากถึง 25 เกม แถมยังยิงได้ถึง 26 ประตู และ 6 แอสซิสต์ ซึ่งมันมากกว่าการที่เขาลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายที่ 18 เกม ทำได้ 17 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์
โดย อิวาน ฟูเอนเต้ ผู้เชี่ยวชาญลีก ลา ลีกา สเปน ของ transfermarkt ให้ทรรศนะถึงตำแหน่งการเล่นของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กับ เรอัล มาดริด ว่า "ที่ เรอัล มาดริด ผมคาดหวังว่า เอ็มบัปเป้ จะรับบทบาทเป็นกองหน้าตัวกลาง โดยปล่อยให้ วินิซิอุส จูเนียร์ เล่นทางปีกซ้าย ขณะที่ โรดริโก้ ก็โจมตีจากฝั่งปีกขวา"
"ความเร็วของทั้งสามคนเหมาะสมอย่างยิ่งกับแผนการ Counter attack ที่ เรอัล มาดริด ชอบใช้และมักทำได้ดี เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส และ โรดริโก้ จะสมบูรณ์แบบสำหรับระบบนี้"
ส่วน จู๊ด เบลลิงแฮม พระเอกของ "ราชันชุดขาว" ในซีซั่นนี้อาจต้องถอยลงมาเล่นในพื้นที่กลางสนามมากขึ้น อย่างไรก็ดีมันไม่ได้มีผลกระทบต่อเขามากนัก เพราะโค้ชสมัยเยาวชนตอนที่ จู๊ด เบลลิงแฮม ยังเป็นดาวรุ่งของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เคยยกย่องนักเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ว่า จู๊ด สามารถเล่นได้ดีทุกตำแหน่งในแผงกองกลาง ไม่ว่าจะเป็นกองกลางตัวรับ (หมายเลข 6), กองกลางบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (หมายเลข 8 ) รวมถึงหลังกองหน้า (หมายเลข 10) ที่ฤดูกาลนี้ทุกคนคงได้ประจักษ์กันไปแล้ว
ซึ่งคนที่ต้องคิดหนักคงหนีไม่พ้น คาร์โล อันเชล็อตติ ที่จะต้องวางแผนอย่างไรให้สตาร์คับทีมสามารถเล่นร่วมกันได้อย่างลงตัว โดยแผนการเล่นเมื่อ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มาถึงสามารถปรับเปลี่ยนได้ดังนี้
1."ดอน คาร์โล" เป็นผู้จัดการทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องความยืดหยุ่นในการวางแผนโดยอิงจากทรัพยากรนักเตะภายในทีม โดยตัวเลือกแรกที่มีเปอร์เซนต์ความเป็นไปได้มากที่สุด คือการที่เขาอาจเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-3-3 แบบที่เขาถนัดสมัย คาริม เบนเซม่า ยังอยู่กับทีม โดยให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นกองหน้าเป้า วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นปีกซ้าย ขณะที่ โรดริโก้ ประจำการริมเส้นฝั่งขวา แล้วถอย จู๊ด เบลลิงแฮม ลงมาขับเคลื่อนแดนกลางมากขึ้น
2.คาร์โล อันเชล็อตติ อาจไม่เปลี่ยนระบบการเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ ที่ใช้ในฤดูกาลนี้ และให้ จู๊ด เบลลิงแฮม ทำหน้าที่เบอร์ 10 เหมือนเดิม แต่ผลเสียจะไปตกอยู่กับ โรดรีโก้ หาก "ดอน คาร์โล" เลือกหน้าคู่เป็น วินิซิอุส จูเนียร์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้
3.แนวคิดสุดท้ายที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด คือการที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้ระบบ 4-3-3 และดัน จู๊ด เบลลิงแฮม มาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายแต่จะขยับเข้ามาช่วยพื้นที่ตรงกลางมากขึ้น ขณะที่ เอ็มบัปเป้ เป็นหน้าเป้า ส่วน วินิซิอุส จูเนียร์ อาจจะโดนโยกไปริมเส้นฝั่งขวา
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น แต่เชื่อเหลือเกินว่าการมาของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จะช่วยยกระดับ "ราชันชุดขาว" แน่นอน ... แค่นึกภาพ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์, จู๊ด เบลลิงแฮม รวมถึง โรดรีโก้ ประสานงานกันขโยกคู่แข่งก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบรอฤดูกาล 2024-25 เปิดฉากไม่ไหวแล้ว