News

เซ็ตพีซปืนใหญ่ กับเทคนิคการป้องกันและการปั่นป่วนที่ประยุกต์มาจาก NFL

ในฤดูกาลนี้ไม่มีทีมไหนที่ทำประตูจากลูกตั้งเตะได้มากเท่ากับ อาร์เซน่อล และพวกเขาก็อยู่ในอันดับที่สอง สำหรับการเสียประตูจากลูกตั้งเตะที่น้อยที่สุดในลีก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่ “ทัพปืนใหญ่” สามารถทำผลงานออกมาได้ขนาดนี้ พวกเขาสามารถทำประตูจากลูกตั้งเตะไปได้ถึง 22 ประตู ซึ่ง 16 ลูก จาก 22 นั้น ล้วนมาจากการเปิดเตะมุมทั้งนั้น และนี่คือจุดสำคัญที่ทำให้ทัพปืนใหญ่ทำผลงานแซงหน้าสโมสรอื่นๆในลีก

 


เรื่องราวได้เริ่มต้นในช่วงปี 2016 - 2018 ตอนที่นายหัวของทัพปืนใหญ่รู้สึกชื่นชอบและสนใจในการเปลี่ยนแปลงของสโมสรเบรนท์ฟอร์ด ที่พวกเขาพยายามจะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นและมุ่งเน้น การเตะลูกตั้งเตะ เป็นพิเศษ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความตั้งใจนี้ก็คือ นิโคลัส โจเวอร์ ชื่อของเขานั้น ได้ถูกเสนอให้กับทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากคำแนะนำของผู้ช่วยโค้ชต่างๆ และก็รวมไปถึง มิเกล อาร์เตต้า และในปี 2021 พวกเขาได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งให้กับทัพปืนใหญ่ และผลงานในสนามก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่า ทำไม อาร์เตต้า ถึงต้องการโค้ชลูกตั้งเตะรายนี้เข้ามาในทีม

นิโคลัส โจเวอร์ มีลักษณะและนิสัยที่คล้ายกับ อาร์เตต้า มากๆ เขามี ความเข้มงวด มุ่งมั่น และ เคารพ ต่อผู้เล่นมากๆ เขาจะมุ่งเน้นไปที่รายละเอียดต่างๆในการซ้อม และทุกการซ้อมนั้น มันจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที เพราะเขามองว่า การซ้อมที่สั้นและกระชับจะทำให้นักเตะสนใจมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่า

หนึ่งในเทคนิคที่พวกเขาได้ทำการซ้อมนั้น คือ การบล็อกแบบ NFL (การคุมพื้นที่และการเคลื่อนที่ของผู้เล่นต่างๆ และทำให้ เพื่อนร่วมทีม มีพื้นที่ในการเล่นมากที่สุด) หรือที่เข้าใจกันง่ายๆว่า การปั่นป่วนในกรอบเขตโทษ ซึ่งมันคือเป้าหมายที่ นิโคลัส โจเวอร์ ต้องการให้แข้งปืนใหญ่ทำให้ได้ และ สิ่งที่เขาตั้งใจอยากจะเห็น ก็ได้เกิดขึ้นในนัดที่พวกเขาได้รับชัยชนะจากการพบกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และจบด้วยสกอร์ 3-2 ซึ่งหนึ่งประตูที่มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์

ในจังหวะเตะมุมนั้นเอง เบน ไวท์ กองหลังของทัพปืนใหญ่ ได้เริ่มจากการไปป่วนผู้รักษาประตูอย่าง กูเยลโม วิคาริโอ โดยที่เขาจะพยายามจะดึง ถุงมือออก เพื่อที่จะทำให้ผู้รักษาประตูรายนี้ เสียสมาธิ หรืออีกหนึ่งจังหวะที่น่าสนใจคือ ตอนที่เขาพยายามใช้หลังของเขาพิงไปที่ผู้รักษาประตูรายเดิม เพื่อที่จะยับยั้งการขยับตัว และทำให้จังหวะนั้นมีสิ่งรบกวนมากมายในกรอบเขตโทษ

อีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน คือ แมตช์ที่พวกเขาต้องพบกับสโมสร เชลซี และก็เป็นในส่วนของ จังหวะเตะมุม ที่สร้างความแตกต่างให้กับทัพปืนใหญ่ได้อีกครั้ง ในจังหวะนั้นเอง มันเริ่มจากการที่ วิลเลียม ซาลิบา ถูกมอบหมายให้ ปิดตัวประกบ ของทาง เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ในตำแหน่ง ตรงกลางของกรอบเขตโทษ และ ทาง เบน ไวท์ เอง ที่ต้องรับหน้าที่ประกบตัวของ มาร์ค กูกูเรญา

และมันก็ได้ผลอีกครั้ง เพราะ เทคนิคการบล็อกกิ้งสไตล์อเมริกันฟุตบอล แบบนี้ สามารทำให้ เบน ไวท์ มีจังหวะสลัดตัวประกบและทำให้เขาเบิกประตูให้กับทัพปืนใหญ่ได้แบบสบายๆ ซึ่งทางเจ้าตัวก็ได้พูดถึงจังหวะนี้ว่า

“สิ่งพวกนี้ มันถูกเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ทั้งตำแหน่งการยืน การวางเท้า หรือแม้แต่ การวางศอก ของผม มันไม่เป็นไรหรอก ผมแค่ต้องยืนแบบนั้น และ รอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

และอีกหนึ่งแทคติกที่หลายสื่อจับสังเกตก็คือ การจับถุงเท้า ของ มาร์ติน โอเดการ์ด ก่อนที่เขาจะทำการเปิดเตะมุม ซึ่งมันสามารถบอกได้ว่า พวกเขาจะเปิดไปที่ เสาใกล้ หรือ เสาไกล

ตัวอย่างพวกนี้ คือ ผลลัพธ์ ของการเอาจริงเอาจังของ มิเกล อาร์เตต้า และ หน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายของ นิโคลัส โจเวอร์ ที่ต้องการให้สโมสรของพวกเขานั้นสามารถ เอาชนะคู่แข่งและได้เปรียบในทุกวินาทีของการแข่งขัน ให้ได้ … เราสามารถเห็นได้จากการที่พวกเขาตั้งใจเอาป้ายไปแปะในห้องแต่งตัวที่เขียนไว้ว่า BASICS ซึ่งมันย่อมากจาก BOXES, ATTACK, SHAPE, INTENSITY, COMPETE, AND SET-PIECES หรือที่แปลว่า “สี่เหลี่ยมต่างๆ การรุก การยืน ความเข้มข้น การแข่งขัน และ ลูกตั้งเตะ”

Author

รณกฤต ตุลยะปรีชา

วัยรุ่นคู้บอน

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ