ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2022-23 อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า มีผลงานในพรีเมียร์ ลีก ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถจบอันดับรองแชมป์ และคว้าตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17
ซึ่งการกลับมาสู่เวที UCL ครั้งนี้ อาร์เซน่อล ผ่านรอบแบ่งกลุ่มที่ประกอบด้วย พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, เซบีย่า และ ล็องส์ มาได้แบบไม่ยากเย็น เก็บชัยไปถึง 4 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้แค่เกมเดียว ก่อนจะสามารถเอาชนะ ปอร์โต้ ด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษในรอบ 16 ทีมและผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
และเมื่อผลการจับสลากรอบ 8 ทึมสุดท้ายออกมาปรากฏว่าเป็นการจับคู่ที่แฟนบอล "ปืนใหญ่" จำนวนไม่น้อยรอคอย เพราะ อาร์เซน่อล ต้องมาพบกับ บาเยิร์น มิวนิค คู่รักคู่แค้นที่เคยมอบสกอร์ 2-10 ให้เมื่อปี 2017 แถมเป็นผู้ยัดเยียดสถิติตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย UCL 7 ครั้งติดต่อกันให้ อาร์เซน่อล อีกด้วย
อาร์เซน่อล เคยพ่ายแพ้ด้วยสกอร์เช่นนั้นได้อย่างไร และการเจอกันครั้งนี้ อาร์เซน่อล จะเสร็จ บาเยิร์น อีกหรือไม่ ร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันกับ Main Stand
[2016-17 ยากจะสู้]
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าขุมกำลังของอาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2016-17 ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ สามารถเลือกใช้งานได้นั้นมีชื่อชั้นที่ด้อยกว่าของ บาเยิร์น มิวนิค พอสมควร โดยแข้งที่เป็นเหมือนเป็นตัวชูโรงของทีมชุดนั้น คือ อเล็กซิส ซานเชส, เมซุต โอซิล, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ กรานิต ชาก้า ที่เพิ่งย้ายมา ประกอบกับนักเตะที่ไม่ได้เป็นเบอร์ต้น ๆ ในตำแหน่งนั้น ๆ อย่าง ชโคดราน มุสตาฟี่, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เฮคตอร์ เบเยริน ฯลฯ
แตกต่างจากทางทีมดังแห่งบาวาเรีย ภายใต้การคุมบังเหียนของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ทุกตำแหน่งเรียกได้ว่าแข็งโป๊ก ไล่ตั้งแต่ มานูเอล นอยเออร์ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู แผงหลังมี ฟิลิป ลาห์ม คอยคุมเกม, ตรงกลางสนามมี ชาบี อลอนโซ่ อาร์ตูโร่ วิดัล และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า, ปีกซ้าย ฟรองค์ ริเบรี่, ปีกขวา อาร์เยน ร็อบเบน ส่วนตัวจบสกอร์คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่กำลังคมกริบ
ซึ่งก่อนเกมที่ อาร์เซน่อล จะพบกับ บาเยิร์น ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อฤดูกาล 2016-17 ผลงานในลีกของพวกเขาก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่ได้มีสถานะแย่งแชมป์เหมือนฤดูกาล 2015-16 ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค นำห่างอันดับที่สองในบุนเดสลีกาอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก แบบไม่เห็นฝุ่น
และเกมแรกเลกปรากฏว่า บาเยิร์น มิวนิค สามารถเอาชนะ อาร์เซน่อล ในบ้านได้ก่อนตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยได้ประตูขึ้นนำจาก อาร์เยน ร็อบเบน ก่อนที่ อเล็กซิส ซานเชส จะยิงประตูตีเสมอในครึ่งแรก แต่สุดท้าย "ปืนใหญ่" ต้านไม่ไหวโดน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ โธมัส มุลเลอร์ ช่วยกันยิงเพิ่มอีก 4 ลูก และจบเกมด้วยชัยชนะของ บาเยิร์น มิวนิค 5-1
11 ตัวจริงของอาร์เซนอล ในเลกแรก : ระบบ 4-2-3-1 ดาวิด ออสปินา (ผู้รักษาประตู), คีแรน กิ๊บส์, โลรองต์ กอสเซียลนี, ชโคดราน มุสตาฟี่, เฮคตอร์ เบเยริน, กรานิต ชาก้า, ฟร็องซิส โกเกอแล็ง, เมซุต โอซิล, อเล็กซ์ อิโวบี้, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, อเล็กซิส ซานเชซ
หลังจากนั้นสื่อหลายสำนักรวมถึงแฟนบอลต่างก็จับจ้องว่า อาร์แซน เวนเกอร์ จะแก้เกมในเลกที่สองที่จะเล่นในบ้านอย่างไร ซึ่งตำนานกุนซือชาวฝรั่งเศส ได้ทำการเปลี่ยนแผนจาก 4-2-3-1 เป็น 4-3-3 พร้อมส่งลูกศิษย์ก้นกุฏิลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง อาทิ อาร์รอน แรมซีย์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ ธีโอ วัลคอตต์
เกมวันนั้นที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายเริ่มต้นได้ดีกว่า ธีโอ วอลคอตต์ ยิงประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 20 ของเกม อย่างไรก็ตามฝันร้ายที่แท้จริงของ "ปืนใหญ่" รออยู่ในช่วงครึ่งหลัง เพราะนาทีที่ 53 โลรองต์ กอสเซียลนี ดันมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนจะโดนตีเสมอจากจุดโทษของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และอีก 4 ประตูจากการยิงรวมกันของ อาร์เยน ร็อบเบน, ดักลาส คอสต้า และ อาร์ตูโร่ วิดัล
11 ตัวจริงของอาร์เซนอล ในเลกสอง : ระบบ 4-3-3 ดาวิด ออสปินา (ผู้รักษาประตู),นาโช มอนเรอัล, โลรองต์ กอสเซียลนี, ชโคดราน มุสตาฟี่, เฮคตอร์ เบเยริน, กรานิต ชาก้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, อาร์รอน แรมซีย์, ธีโอ วัลคอตต์ , อเล็กซิส ซานเชซ, โอลิวิเยร์ ชิรูด์
นั่นเท่ากับว่า บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมที่เขี่ย อาร์เซน่อล ตกรอบ 16 ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ฤดูกาล 2004-05 เป็นต้นมา (ฤดูกาล 2004-05, 2012-13, 2013-14 และ 2016-17) และจากการพบกันทั้งสิ้น 12 เกม อาร์เซน่อล ชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้เพียง 3 เกม เสมอ 2 และแพ้ไปถึง 7 เกม จึงไม่แปลกเลยที่แฟนบอล "ปืนใหญ่" จะตั้งตารอวันล้างแค้น
[2024 ไม่มีกลัว]
และดูเหมือนในฤดูกาล 2023-24 จะถึงเวลาคิดบัญชีแค้นของ อาร์เซน่อล เนื่องจากขุมกำลังและผลงานช่วงที่ผ่านมาของพวกเขาดีกว่า "เสือใต้" พอสมควร ครองจ่าฝูงของ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ หลังผ่านไป 28 เกม ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค รั้งอันดับที่สองของบุนเดสลีกาเยอรมัน ตามหลัง เลเวอร์คูเซ่น จ่าฝูงถึง 10 คะแนน
ซ้ำ ณ ตอนนี้ ขุมกำลังของทั้งสองทีมก็ไม่ได้ห่างชั้นกันมานัก และที่สำคัญคือ อาร์เซน่อล ขึ้นชื่อเรื่องความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในห้องแต่งตัว ผิดกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่เพิ่งมีข่าวคราวประเด็นปัญหา โธมัส ทูเคิ่ล ไม่ลงรอยนักเตะภายในทีมจนต้องมีการประกาศแยกทางเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลออกมาล่วงหน้า ยังไม่รวมถึงการที่ อาร์เซน่อล ได้รับสถานะเป็นทีมเต็งแชมป์ UCL 2023-24 อับดับที่ 2 นำหน้า บาเยิร์น ที่อยู่อันดับ 4 (อ้างอิงจาก Squawka)
ทั้งนี้ ไม่อาจทราบได้ว่า อาร์เซน่อล จะเอาชนะ บาเยิร์ มิวนิค และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2023-24 ได้หรือไม่ แต่ถ้าหากอิงจากปัจจัยต่าง ๆ ในปัจจุบันเชื่อเลยว่า “ปืนใหญ่” ของ มิเกล อาร์เตต้า จะไม่ใช่ขนมหวานสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างแน่นอน…แล้วแฟน ๆ มีความเห็นต่อการกลับมาพบกับของ อาร์เซน่อล และ บาเยิร์น ในค่ำคืน UCL อย่างไรบ้าง