ธรรมเนียมของการแข่งขัน เอฟเอคัพ อังกฤษ ที่แฟนบอลคุ้นเคยกันดี นั่นคือหากเสมอกัน จะต้องมีการแข่งนัดรีเพลย์ หรือแข่งใหม่ ที่บ้านของทีมที่เป็นทีมเยือนจากการจับสลาก
อย่างไรก็ตาม ระยะหลังมีการยกเลิกเกมรีเพลย์ในรอบลึก ๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศ รอบรองชนะเลิศ รอบก่อนรอบชนะเลิศ จนมาถึงรอบห้า หรือ 16 ทีมสุดท้าย เท่ากับว่า ณ ปัจจุบัน มีการแข่งขันเกมนัดแข่งใหม่จนถึงแค่รอบสี่ หรือ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น
และไอเดียล่าสุดของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ดูเหมือนจะยิ่งเปลี่ยนแปลงภาพจำของเอฟเอคัพมากขึ้น เพราะมีการเสนอไอเดีย ยกเลิกเกมแข่งใหม่ในรอบสี่ หรือ 32 ทีมสุดท้าย รวมถึงรอบสาม หรือ 64 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบแรกที่ทีมจากพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของอังกฤษลงแข่ง ตั้งแต่ฤดูกาล 2024/25 เป็นต้นไป
แน่นอนว่าไอเดียนี้ มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือทีมในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะทีมที่มีโปรแกรมต้องแข่งฟุตบอลสโมสรยุโรป ที่ในฤดูกาล 2024/25 จะมีการปรับรูปแบบใหม่ ทั้งสามถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก, คอนเฟอเรนซ์ลีก จะแข่งขันแบบลีกเดียว 36 ทีม ไม่มีแบ่งกลุ่ม โดยทุกทีมจะถูกสุ่มโปรแกรม เล่นเกมเหย้า 4 นัด เกมเยือน 4 นัด รวม 8 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ทำให้โปรแกรมแข่งขันเพิ่มขึ้น 2 เกม จากระบบเดิมที่มีการแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม พบกันหมดเหย้าเยือนในกลุ่ม รวม 6 เกม ก่อนเข้าสู่รอบน็อกเอาต์
แต่ขณะเดียวกัน ทีมที่จะเสียผลประโยชน์ คือทีมจากลีกรอง ที่มูลค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดน้อยกว่าพรีเมียร์ลีกแบบฟ้ากับเหว เพราะหากเกมนัดรีเพลย์ถูกยกเลิก เท่ากับว่าพวกเขาจะหมดโอกาสหารายได้จากเกมนัดแข่งใหม่ จากกฎของเอฟเอที่กำหนดให้ทีมเจ้าบ้านต้องแบ่งรายได้จากบัตรเข้าชมการแข่งขันครึ่งหนึ่งให้ทีมเยือนไป
ปัญหาเรื่องการยกเลิกเกมนัดแข่งใหม่ของเอฟเอคัพ ถือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่ระหว่าง พรีเมียร์ลีก กับ อีเอฟแอล หรือฟุตบอลลีกอังกฤษ ที่ดูแลการแข่งขัน แชมเปี้ยนชิพ, ลีกวัน, ลีกทู รวมถึง อีเอฟแอลคัพ หรือ คาราบาวคัพ ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาการเจรจาส่วนแบ่งรายได้จากพรีเมียร์ลีกสู่อีแอฟแอล
ที่มา :
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-13196881/FA-Cup-replays-SCRAPPED-clubs-Premier-League-EFl.html