Muay Thai

โยชิฮิโระ ซาโตะ : นักชกคนเดียวในโลกที่ทำ "บัวขาว" น็อกแบบหลับกลางอากาศ | Main Stand

ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS ถือเป็นรายการมวยยุคใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากแม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน เพราะนี่คือรายการที่คนอยากดูมากที่สุด แม้กระทั่งคนที่ไม่ดูมวยก็ยังอดใจไม่เปิดดูไม่ได้ 

 

ล่าสุดมีการประกาศว่า บัวขาว บัญชาเมฆ สุดยอดนักมวยไทยจะต้องเจอกับ โยชิฮิโระ ซาโตะ นักชกวัย 41 ปีจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่เอกของรายการ 

ชื่อของซาโตะอาจจะดูไม่ได้บิ๊กเนมอะไรมาก ทว่านี่คือศึกที่มีประวัติ เพราะเขาคนนี้คือคนเดียวในญี่ปุ่นที่สามารถน็อกบัวขาวได้ในศึก K-1 เมื่อ 14 ปีที่แล้ว

เขาเป็นใคร มาจากไหน เอาบัวขาวลงได้อย่างไร ? ติดตามได้ที่นี่ 

 

ศึกไทย vs ญี่ปุ่น

คิกบอกซิ่ง (Kickboxing) เป็นกีฬาที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายยุค 1950s ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นรูปแบบการต่อสู้ที่ผสมผสานระหว่าง คาราเต้ (Karate) กับ มวยไทย (Muay Thai) โดยแรกเริ่มมีการเสนอให้ตั้งชื่อว่า คาราเต้ บอกซิ่ง (Karate-Boxing) แต่ต่อมา โอซุมะ โนงูชิ ได้คิดคำนิยามกีฬานี้ว่า "คิกบอกซิ่ง"

จากนั้นไม่นานคิกบอกซิ่งถูกนำมาเผยแพร่ยังประเทศไทยโดยโนงูชิ จนเกิดการชกคิกบอกซิ่งครั้งแรกในโลก ระหว่างนักมวยไทยกับนักมวยญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1967 ที่เวทีมวยลุมพินี และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักมวยไทยและนักมวยญี่ปุ่นเริ่มมีความเป็นอริต่อกัน

เนื่องจากในศึกครั้งนั้นได้รับความสนใจจากแฟนมวยจำนวนมาก แต่ฝั่งไทยประเมินศิลปะการต่อสู้ใหม่จากญี่ปุ่นไว้ค่อนข้างต่ำ จึงเลือกส่งนักชก 3 คนที่เป็นเกรดรองลงชก จึงทำให้นักชก "คิกบอกซิ่ง" ของญี่ปุ่น สามารถเอาชนะนักมวยไทยได้ 2 ไฟต์ คือคู่ระหว่าง อาคิโอะ ฟูจิฮาระ ชนะ เห่าไฟ ลูกคลองตัน, และ ตั้ง แซ่เล้ง ที่ผันตัวมาเป็นเทรนเนอร์ ก็แพ้ให้กับ ทาดาชิ นากามูระ ... โดยนักชกไทยคนเดียวที่ชนะญี่ปุ่นได้คือ ราวี เดชาชัย เท่านั้น 

คนไทยรู้สึกขุ่นเคืองพอสมควร เพราะเราต่างคิดว่าเรื่องหมัดมวยเราไม่แพ้ใคร ยิ่งเป็นมวยที่เตะได้ยิ่งน่าจะเข้าทางนักชกไทยมากกว่า ดังนั้นการแพ้ศึกปี 1967 จึงถือเป็นการทำให้คนไทยไม่ชอบกีฬาคิกบ็อกซิ่ง และเกิดความเชื่อที่ว่าญี่ปุ่นได้ใช้เล่ห์กลสารพัดเพื่อทำให้ชื่อเสียงของคิกบอกซิ่งเป็นที่รู้จักในฐานะกีฬาการต่อสู้ที่ดีสุดในโลก ... ว่าง่าย ๆ ก็คือการหยามมวยไทยก็คงไม่ผิดนัก 

หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวลือว่าโนงูชิที่นำคิกบ็อกซิ่งมาชกกับนักมวยไทยโดน จอมพลถนอม กิตติขจร เนรเทศออกจากประเทศภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนาของประเทศ

เรื่องราวผ่านมาหลายปี แต่คิกบอกซิ่งก็ยังไม่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากเหตุผลหลาย ๆ อย่าง ทั้งกฎและกติกาเฉพาะของคิกบอกซิ่งที่ปรับเปลี่ยนแตกต่างกันในยามที่ไปแข่งในแต่ละประเทศ โดยเรื่องของความแตกต่างระหว่างมวยไทยและคิกบอกซิ่งเคยบอกเล่าผ่าน เบนจามิน ซินบีมวยไทย ผู้เคยผ่านการชกมวยไทย, MMA, บราซิเลียน ยูยิตสู รวมถึงการต่อสู้แบบตะวันตก ไว้ว่า 

"หลายคนเข้าใจว่าคิกบอกซิ่งคือมวยไทยที่ไม่มีเข่าและศอก แต่ความจริงทั้งสองกีฬามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้จะมีการข้ามสายไปต่อยกันเสมอ แต่พวกเขาก็ไม่เหมือนกัน"

"คิกบอกซิ่งใช้อาวุธได้ 4 จุด (2 หมัด 2 เท้า) ส่วนมวยไทยใช้ได้ 8 (2 หมัด 2 เท้า 2 เข่า 2 ศอก) และสามารถกอดกันเพื่อสร้างจังหวะวงในได้ แตกต่างกับคิกบอกซิ่งที่ส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้กอดกัน บางโปรโมชั่นถึงขั้นแยกนักมวยทันทีเมื่อมีการกอด"

ความแตกต่างของกติกาและการเปลี่ยนแปลงกฎได้ตามฝ่ายจัดทำให้นักมวยไทยไม่ประสบความสำเร็จมากนักในวงการนี้ โดยเฉพาะการแข่งขันคิกบอกซิ่งที่ญี่ปุ่นนักชกของเจ้าภาพกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น จนกระทั่งมีนักมวยไทยคนหนึ่งเขามาสร้างแรงกระเพื่อมให้วงการนี้แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ... เขาคือ "บัวขาว ป. ประมุข" (ชื่อ ณ เวลานั้น) 

 

แข้งพิฆาตแห่ง K-1 

บัวขาว ป. ประมุข นักชกจากจังหวัดสุรินทร์ คือสุดยอดนักมวยไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลังจากวันที่เขาได้ขึ้นชกชิงแชมป์มวยรอบโตโยต้า เขาถูกทาบทามจากเอเยนต์ชาวญี่ปุ่นเพื่อไปชกในการต่อสู้รายการที่ชื่อว่า K-1 ที่เป็นรายการต่อสู้ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 1994 

K-1 คือกีฬาต่อสู้ที่นำศิลปะการต่อสู้แขนงต่าง ๆ มาสู้กัน เช่น มวยไทย คาราเต้ คิกบอกซิ่ง กังฟู เทควันโด มวยสากล และอื่น ๆ โดยใช้กติกาเดียวกัน นั่นคือห้ามศอกและโน้มคอตีเข่า ซึ่งบัวขาวได้ไปชกในเวที K-1 ครั้งแรกในปี 2004 ... และจากนั้นวงการ K-1 ก็ไม่มีใครไม่รู้จักเขาอีกต่อไป บัวขาวคว้าเเชมป์รายการ K-1 World MAX 2004 World Tournamen หลังเอาชนะ มาซาโตะ โคบายาชิ ในรอบชิงชนะเลิศ 

บัวขาวโด่งดังจากศึก K-1 จากการปราบนักมวยญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น 35 ไฟต์ภายในเวลา 4 ปี เขาแพ้เพียง 3 ครั้งเท่านั้นแต่ก็ไม่มีความพ่ายแพ้ใดที่เกิดจากการโดนน็อกเอาต์เลยมีแต่การแพ้คะแนนเท่านั้น สถิติดังกล่าวยืนยันว่าบัวขาวนั้นไร้เทียมทานจริง ๆ และฝั่งญี่ปุ่นก็พยายามส่งนักสู้แถวหน้าของพวกเขามาล้มบัวขาวอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยไม่ใครน็อกบัวขาวได้เลย จนกระทั่งในปี 2008  นักสู้ชาวญี่ปุุ่นที่เคยแพ้บัวขาวเมื่อ 1 ปีก่อนที่ชื่อว่า โยชิฮิโระ ซาโตะ จะขอชกแก้มือกับบัวขาวอีกครั้งในศึก K-1 World MAX 2008 และไม่มีใครคาดว่าไฟต์นี้จะเป็นไฟต์แรกที่บัวขาวถูกน็อกโดยนักชกญี่ปุ่นคนนี้ 

โยชิฮิโระ ซาโตะ เป็นนักชกคิกบอกซิ่งมืออาชีพที่ชกมาตั้งแต่ปี 2002 และเดินทางไปแข่งในหลาย ๆ เวที รวมถึงศึกที่เวทีลุมพีนีในปี 2004  ด้วย โดยครั้งนั้น ซาโตะ แพ้ให้กับ ช้างเผือก ช. ศรีประเสริฐ แบบน็อกเอาต์ในยกที่ 4 

ก่อนที่หลังจากซาโตะเข้าสู่วงการ K-1 ในปี 2005 หรือหลังจากบัวขาวเพียง 1 ปี โดยซาโตะถือเป็นนักชกที่น่าจับตามองเพราะแพ้เพียงไฟต์เดียวเท่านั้นก่อนขึ้นชกกับบัวขาว นั่นคือการแพ้ให้กับ เวอร์จิล คาลาโกดา นักชกจากแอฟริกาใต้ ในปี 2005 นอกจากนี้เขายังเคยเอาชนะอีก 1 ยอดมวยชาวไทยอย่าง ก้าวไกล แก่นนรสิงห์ ในปีเดียวกันอีกด้วย .. ว่าง่าย ๆ ก็คือหลังจากเข้าสู่ K-1 ซาโตะยังไม่เคยเสียท่าให้นักมวยไทยเลยแม้แต่หนเดียว 

แม้จะไม่เคยแพ้นักชกไทยใน K-1 แต่บรรดาเซียนก็มองตรงกันว่าด้วยลีลา สไตล์ และหน่วยก้าน อย่างไรเสียบัวขาวก็น่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก แต่ใครเลยจะรู้ว่าที่สุดเเล้วซาโตะคนนี้แหละที่กลายเป็นนักมวยคนเดียวที่สามารถชนะน็อกบัวขาวในประวัติศาสตร์การชกมากกว่า 300 ไฟต์ของบัวขาวได้ชนิดที่ทำเอาบัวขาว "หลับกลางอากาศ" ในไฟต์นี้ 

 

แค้น 14 ปี ที่รอวันสาง

เมื่อเสียงระฆังของศึก K-1 World MAX 2008 ดังขึ้น บัวขาวเป็นฝ่ายเดินเข้าหาซาโตะก่อนตลอด 2 ยกแรก อาวุธประจำตัวของบัวขาวถูกนำออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวางแข้ง การถีบ แม้กระทั่งการชก ... บัวขาวทำได้ตามมาตรฐานของตัวเอง ทว่าซาโตะเป็นนักชกญี่ปุ่นที่ตัวใหญ่ ร่างกายแข็งแรง และโดดเด่นเรื่องความทนเหมือนกับแรด ดังนั้นเขาจึงเก็บอาการไว้ได้ตลอดในช่วง 2 ยกแรก 

จนกระทั่งมาถึงยกที่ 3 บัวขาวออกมาจากมุมของตัวเองแล้วเปิดโหมดเซียนเข้าเกียร์ 5 อาวุธที่เคยใช้ใน 2 ยกแรก ถูกปรับสปีดและเพิ่มน้ำหนักให้เร็วและรุนแรงขึ้น แต่ความทนของซาโตะก็สุดยอดจนควรได้รับคำชม เพราะเขายังไม่เสียนับให้บัวขาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ในช่วงจังหวะที่บัวขาวแสดงออกผ่านภาษากายว่า "ยกนี้เอาแน่" แต่การพลิกล็อกครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น ซาโตะปัดป้องและยืนรับหมัดและแข้งของบัวขาวอยู่สักพัก 

ในช่วง 1 นาที 20 วินาทีก่อนหมดยกที่ 3 บัวขาวก็เริ่มออกอาการอ่อนแรงให้เห็นจากการโหมปล่อยอาวุธหนักแบบรัว ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ซาโตะปล่อยหมัดฮุกขวาเข้าที่ทัดดอกไม้ของบัวขาวเต็ม ๆ

ยอดนักชกชาวไทยนิ่งไปราว 2 วินาที จากนั้นสิ่งที่ไม่เคยเกิดกับเขาก็เกิดขึ้น บัวขาวหลับกลางอากาศลงไปนอนหมดสติให้กรรมการนับ 10 ... มือปราบนักชกญี่ปุ่นได้เสียท่าให้กับนักชกเจ้าถิ่นเสียเเล้ว 

ย้อนกลับไป ณ เวลานั้น การพ่ายแพ้ของบัวขาวที่มีต่อซาโตะถูกวิจารณ์กันไปหลายทิศทาง บ้างก็เป็นไปในแง่ลบ โดยเท่าที่ค้นข้อมูลในเว็บไซต์ Reddit มีคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า "โปรโมเตอร์ชาวญี่ปุ่นที่ต้องการนักชกชาวญี่ปุ่นสองคนสำหรับรอบชิงชนะเลิศ" บ้างก็บอกว่า "มียากูซ่าแห่งวงการมวยล็อกผลการแข่งขัน" ส่วนการวิเคราะห์แบบจริงจังอยู่บนปูมหลังแห่งความเป็นจริงก็มีหลายความเห็นวิเคราะห์ว่า "บัวขาว เดิมหน้าเต็มสูบจนหมดแรง และเมื่อคนเราหมดแรงอะไรก็เกิดขึ้นได้" บ้างก็บอกว่า "ดูจากการออกอาวุธของบัวขาว เขาก็แค่โชคร้ายเท่านั้น หากไม่โดนชกที่ทัดดอกไม้และไฟต์ยังดำเนินต่อไป อย่างไรเสียบัวขาวก็จะชนะแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะชนะคะแนนหรือชนะน็อกเท่านั้น"

นั่นคือความเห็นจากแฟน ๆ ความจริงก็คือความจริง บัวขาวโดนน็อกครั้งแรกในอาชีพนักมวยของเขา และนั่นยังคงเป็นปมหลังฝังใจยาวนานมาจนถึงตอนนี้ แม้เขาจะได้เจอกับซาโตะอีกครั้งในอีก 5 ปีต่อมาและเอาชนะได้ แต่ชัยชนะครั้งนั้นก็ไม่ใช่การน็อกเอาต์ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะใช้คำว่า "ล้างแค้น" ได้ไม่เต็มปากนัก 

หลังจากเวลาผ่านไป 14 ปี ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS และหนนี้จะไม่มีการตัดสินแบบครึ่ง ๆ กลาง หลังไฟต์นี้จบสิ่งที่จะเกิดขึ้นมีเพียงสองอย่างเท่านั้น นั่นคือบัวขาวจะโดนน็อกเป็นไฟต์ที่ 2 ในอาชีพของเขา หรือการล้างตาด้วยการน็อกซาโตะคืนได้สำเร็จ 

เพราะศึกระหว่าง ซาโตะ กับ บัวขาว ครั้งนี้ เป็นการแข่งขันแบบ Exhibition Kickboxing Match หรือการต่อสู้สาธิตที่ไม่มีการตัดสินแพ้-ชนะอย่างเป็นทางการ แต่กติกาของแมตช์นี้อนุญาตให้น็อกคู่ต่อสู้ได้  ... น็อกเท่านั้นที่จะทำให้ไฟต์นี้จบลง และด้วยกติกาเช่นนี้เองที่จะทำให้คนในวงการต่อสู้หรือแฟนมวยไม่อยากพลาด 

มวยไทยเตะเก่ง : แต่ทำไมถึงไม่ค่อยมีแชมป์โลกคิกบอกซิ่งชาวไทย?

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.reddit.com/r/MuayThai/comments/39p8ik/buakaw_getting_knocked_out_by_yoshihiro_sato/
https://en.wikipedia.org/wiki/Yoshihiro_Sato
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/09/A8331542/A8331542.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Buakaw_Banchamek
https://www.youtube.com/watch?v=tTtdHh5Et5A

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น