“ผมพยายามพรีเซนต์รถโมเดลที่ผมเก็บให้คนทั่วไปไม่มองว่ามันคือของเล่นสำหรับเด็ก อยากให้ทุกคนมองว่ามันคือของสะสม มันเป็นของที่เสริมสร้างจินตนาการของคนที่มีความชอบเกี่ยวกับรถแต่ไม่สามารถที่จะครอบครองรถจริงได้”
ภาพลักษณ์ของรถเหล็กอาจจะไม่ใช่แค่ของเล่นสำหรับเด็กเสมอไป แต่ยังถูกพัฒนามาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ และ เอก สัญชัย ธรรมศาสตร์สิทธิ์ หรือ เอก เฟอร์รารี่ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหลเสน่ห์ความสวยงามของรถเหล็กประเภทนี้ จนได้ก้าวเข้ามาสู่วงการนักสะสมเต็มตัว
รถทุกคันที่เขาได้มาสร้างความภาคภูมิใจให้กับเขา ไม่ใช่แค่การสะสม แต่นั่นคือความภาคภูมิใจที่เขาสามารถหารถเหล่านี้ มาครอบครองได้ด้วยตัวเขาเอง ทั้งหมดค่อย ๆ หล่อหลอมความเป็นตัวตนของเขาเข้าไปอยู่ในรถเหล็กทุกคันที่ได้มา
Main Stand ได้ร่วมพูดคุยและสัมภาษณ์เรื่องราวการเก็บสะสมรถเหล็กมาตลอด 20 ปี จากคนที่ไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์ จนก้าวเข้ามาเป็นนักสะสม และท้ายที่สุดกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดงานรถเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย SDC (Small Diecast Car) ที่เหล่านักสะสมได้รู้จักทั้งในไทยและต่างประเทศ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
ความหลงใหลจากคนไม่รู้เรื่องรถ
การเริ่มต้นเก็บสะสมรถเหล็ก (Diecast Car) ของนักสะสมหลาย ๆ คน อาจจะต้องเกิดจากแรงบันดาลใจในความชื่นชอบรถยนต์ รวมถึงการมีภาพจำในวัยเด็กเกี่ยวกับรถรุ่นนั้น ๆ เพื่อที่จะต่อยอดในเรื่องการสะสม
แต่เมื่อได้พูดคุยกับ เอก สัญชัย ธรรมศาสตร์สิทธิ์ ถึงเรื่องราวและจุดเริ่มต้นของการเก็บสะสม กำแพงความคิดเหล่านี้ก็ได้พังลงไป
“ผมไม่มีความรู้เรื่องรถเลย แล้วก็ไม่ได้ชอบรถขนาดนั้น แต่ชอบตรงที่ดีไซน์การออกแบบ ซึ่งผมจบกราฟิกดีไซน์จากออสเตรเลีย จึงชอบการออกแบบมากกว่าเรื่องของเครื่องยนต์”
การออกแบบของโมเดลรถมีความสวยงามไม่ต่างจากรถยนต์คันจริง ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็พยายามสร้างรายละเอียดให้ออกมาเหมือนกับรถยนต์คันจริงมากที่สุดอย่างเช่นแบรนด์ AUTOart และ BBR
หากมองลักษณะภายนอกแบบผิวเผินของทั้ง รถของเล่น (Toys) และ รถสะสม (Diecast Car) หลาย ๆ คนอาจมองว่านี่ก็คือรถเหมือนกันไม่ได้มีความแตกต่างอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วรถสองประเภทกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งการใช้งาน เสริมสร้างพัฒนาการหรือรายละเอียดของตัวรถ และที่สำคญคือเรื่องของราคา
“ในยุคนั้นรถโมเดลขนาด 1:18 ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเป็นรถทามิย่า ที่จะต้องมานั่งขัดพ่นสีและประกอบ ซึ่งเป็นรถที่คุณต้องสร้างขึ้นมา ผมรู้สึกว่าไม่ได้มีเวลามานั่งประกอบขนาดนั้น”
“จนกระทั่งกำลังจะไปออสเตรเลีย เครื่องบินมาจอดที่สิงคโปร์ ผมได้ไปเดินเล่นที่ ToysRUs (ร้านขายของเล่นชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา) แล้วเดินมาเจอกับโมเดลรถขนาด 1:18 ที่ประกอบมาจากโรงงาน มันสวยมากทั้งเปิดฝากระโปรงได้ เปิดประตูได้ ตั้งโชว์อยู่ เลยอยากได้ ก็ซื้อมา 4 คัน”
เอกเล่าย้อนถึงความทรงจำเมื่อ 20 ปีที่แล้วถึงจุดเริ่มต้นของการรู้จักรถโมเดล และเริ่มซื้อรถเหล่านี้มาไว้ในครอบครอง ซึ่งตอนนั้นเอกซื้อเพียงเพราะความสวยงามและสะดุดตาเท่านั้น อย่างไรก็ตามได้มีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เอกได้เข้าสู่วงการสะสมแบบเต็มตัว นั่นคือการมีครอบครัว
“ตอนนั้นเล่นเครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์ แต่พอมีครอบครัวมีลูกแล้ว เครื่องเสียงก็เปิดไม่ได้เพราะลูกเราต้องพักผ่อน เราก็เลยเลิกสะสม มีอยู่วันหนึ่งได้มาเดินเล่นที่จตุจักร แล้วมาเจอกับร้านนำเข้ารถโมเดลจากต่างประเทศ”
“ร้านนี้มีโมเดลรถเฟอร์รารี่เรียงตั้งโชว์เป็น 3 แถวอยู่หน้าร้าน ซึ่งตอนนั้นเราสะดุดในความสวยของรถรุ่นนี้ ก็เลยยืนดูอยู่สักพักจนเกิดแรงบันดาลใจให้ต้องเก็บสะสม”
“หลังจากซื้อรถโมเดลมา มีรุ่นน้องอยู่คนหนึ่งเขาสร้างเว็บไซต์เพื่อส่งอาจารย์เกี่ยวกับโมเดลรถ ผมก็ได้เข้าไปเล่น เราก็โพสต์รูปรถเฟอร์รารี่ที่เราชอบทุกวัน จนหลาย ๆ คนมีภาพจำและเรียกเราว่า เอก เฟอร์รารี่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
นอกจากเรื่องราวของการก้าวเข้ามาในวงการนักสะสมจากความบังเอิญ ที่เริ่มจากการเห็นความสวยงามของ เฟอร์รารี่ รถซูเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลี เอกยังได้เล่าย้อนถึงที่มาของชื่อ เอก เฟอร์รารี่ ที่ผู้คนในวงการส่วนใหญ่รู้จัก
ในขณะที่เอกพาเราเดินชมตู้สะสมรถเฟอร์รารี่ที่จอดโชว์อย่างสง่างาม เขาก็ได้เปิดตู้และหยิบรถหนึ่งคันออกมา นั่นคือ Ferrari F40 ซึ่งในความคิดที่ได้เห็นรถคันนี้ ราคาจะต้องอยู่ในระดับหลักพันหรือหลักหมื่นอย่างแน่นอน แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้น เพราะนี่คือรถบังคับที่เอกซื้อมาในราคา 750 บาท
“รถพวกนี้ไม่ว่าจะถูกหรือแพงแต่ถ้าเราโชว์ในที่ของมันหรือที่ที่ควรจะอยู่มันจะดูมีคุณค่าทันที ซึ่งรถที่ผมซื้อมาก็มีทั้งรถของเล่นเด็ก รถบังคับ ซึ่งถ้าวางเทียบกับคอลเล็กชั่นที่สะสมบางคนอาจจะมองไม่ทราบเลยว่านี่คือรถของเล่น บางทีรถคันละหลักหมื่นก็ไม่จำเป็นถ้ามันไม่ได้โชว์ความสวยงาม”
จากรถใหญ่สู่รถเล็ก
แม้ว่ารถโมเดลจะเป็นเพียงสินค้าที่นำมาจัดแสงและโชว์เพื่อความสวยงาม แต่หากไม่ได้รับการดูแลความสวยงามก็อาจจะอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งรถโมเดลขนาด 1:18 ในอดีตถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะ ก่อนที่จะมีการสร้างจากวัสดุเรซิ่น
ทั้งหมดจึงต้องได้รับการดูแลจากนักสะสมเป็นพิเศษ ทั้งการขัดเงา เคลือบแลคเกอร์ และเก็บให้พ้นจากที่อุณหภูมิสูง เพื่อป้องกันการชำรุดของสี ซึ่งตลอดระยะการเก็บสะสมรถขนาด 1:18 ของเอกที่นานกว่า 10 ปี รถเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการดูแลเท่าที่ควร ทำให้ปัญหาต่าง ๆ เริ่มเกิดขึ้นกับรถที่สะสมไว้
“พอเก็บไปเรื่อย ๆ มันเริ่มไม่มีพื้นที่ เริ่มเห็นรถมันพัง ทั้งสีแตกหรือสีปูด เลยคิดได้ว่าถ้าเก็บไปแล้วรถมันยิ่งพังจะเก็บไปทำไม เลยเลือกเก็บเฉพาะสเกล 1:18 บางรุ่นที่เราชอบ เหลือไว้แค่ ลัมโบร์กินี เฟอร์รารี่ และ ปอร์เช่”
“แต่มีอยู่วันหนึ่งรุ่นพี่ที่เก็บรถสเกลเล็ก (1:64) ได้ชวนไปมีตติ้งที่บ้านของเขา พอเข้าไปในบ้านก็ได้เห็นรถตั้งโชว์เยอะมาก ซึ่งในชีวิตเราไม่เคยเห็นรถเยอะขนาดนี้มาก่อน จนทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเก็บรถเล็ก เราก็พยายามหาเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเก็บ ไม่ว่าจะเป็นขนาด ราคา หรือการดูแลที่ง่าย จริง ๆ แล้วเหตุผลมันมีเยอะมาก”
น้ำเสียงของเอกที่บรรยายออกมานั้นสื่อถึงทั้งความตื่นเต้นและประทับใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น พาให้เราคล้อยตามไปถึงภาพบรรยากาศในวันวานเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าความรู้สึกของเขาในตอนนั้นคงไม่ต่างกับความรู้สึกของเราที่ได้รับชมรถสะสมของเอกในห้องต่าง ๆ ที่เก็บสะสมมาตลอด 20 ปี
“เหมือนเราเสพติดมากกว่า ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เก็บสะสมก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดการซื้อสะสมมาเรื่อย ๆ”
เราถามเอกเพิ่มเติมว่า เมื่อชื่นชอบความความสวยงามของรถยนต์ ทำไมถึงไม่ซื้อรถคันจริงไว้เลยล่ะ ?
“ผมมองว่ามันไม่เหมือนกัน เพราะว่ามีรถจริงคันเดียวกับมีรถ 1,000 คันความสุขมันไม่เหมือนกัน”
“ชีวิตนึงใครจะมีรถจริงได้ 1,000 คัน ต่อให้รวยจริงก็แค่ 3 คัน แต่ถ้าคุณสะสมรถเหล็ก คุณสามารถมีรถในฝันได้เป็นร้อยเป็นพันคัน ได้ทุกสี ได้ทุกขนาดที่คุณต้องการ แต่ถ้าเป็นรถที่อยากได้จริง ๆ ก็คือคันนี้ Ferrari 488 pista มันเป็นรถที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่ มีดูมีสะโพก มีครีบ คือมันสวยมาก” เอก กล่าว
การไปมีตติ้งเยี่ยมชมบ้านรุ่นพี่คนดังกล่าวทำให้เอกได้ปรับเปลี่ยนมุมมองของการเก็บสะสมรถและเห็นถึงข้อดีสำหรับรถขนาดเล็ก จึงหันมาเอาจริงเอาจังกับการสะสมรถประเภทนี้
ตั้งแต่หันมาเก็บสะสมรถเล็ก จำนวนของคอลเล็กชั่นรถก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเอกได้แยกประเภทของรถไว้ตามมุมห้องต่าง ๆ ทั้งรถอเมริกัน, รถคลาสสิก, รถแข่ง, รถจากคอลเล็กชั่นภาพยนตร์ Fast & Furious และอีกมากมายที่เราไม่สามารถอธิบายได้หมด
ทีมงานเดินชมคอลเล็กชั่นของเอกจนไปสะดุดตากับคอลเล็กชั่น MoonEyes สำนักแต่งรถชื่อดัง ที่ตั้งโชว์อย่างโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์สีเหลืองคู่กับมาสคอ์ต Rat Fink ตั้งโชว์อยู่ในตู้ ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นที่เอกชื่นชอบและใส่ใจกับการเก็บสะสมมากเป็นพิเศษ
เรื่องราวของการสะสมคอลเล็กชั่น MoonEyes ก็เป็นอีกหนึ่งความบังเอิญที่เอกได้พบเช่นกัน
“ตอนนั้นประเทศไทยมีการจัดงาน American Hot Rod และเราก็ได้ไปเห็นรถที่โมดิฟายเครื่องยนต์และเปิดฝากระโปรงโชว์เครื่อง ซึ่งรถคันนั้นมี Mooneyes เป็นสปอนเซอร์ เราเลยเกิดความรู้สึกชอบแค่เพียงการออกแบบโลโก้ที่ง่าย ๆ แต่ทำให้สะดุดตา”
“เหตุผลอีกอย่างที่เลือกเก็บเพราะว่ารถ MoonEyes มีราคาแพง เวลามีคนลงขายจะมีคนแย่งกันซื้อ มันทำให้เราคิดถูกที่เลือกเก็บและหลงรักมัน เพราะว่ามีคนเห็นคุณค่าของมันเยอะมาก แล้วถ้าวันหนึ่งเราเบื่อหรืออยากขายมันก็ขายออกได้ง่าย มันไม่ไร้ค่า และมีมูลค่าในอนาคตแน่ ๆ”
“แต่ผมไม่ได้หวังหาเงินหรือรวยจากตรงนี้นะ เพราะว่าผมไม่ได้คิดเรื่องที่จะเก็บไว้ขายที่เกี่ยวกับธุรกิจอยู่แล้ว แค่ขายเฟอร์นิเจอร์ก็พอแล้ว แต่เพราะผมชอบเลยทำให้เก็บสะสม แค่นั้นจริง ๆ”
และบางครั้งความบังเอิญก็ทำให้คนหลงรักอะไรบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ
ยกระดับวงการ
อย่างที่เคยกล่าวไว้ข้างต้น เอกไม่ได้มีความรู้เรื่องรถยนต์เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นของรถหรือเครื่องยนต์ แต่ปัจจุบันเอกกลายเป็นคนที่มีความรู้เรื่องของรถยนต์มากขึ้นจากการซื้อรถหลากหลายประเภทมาสะสมและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ที่ชื่นชอบการเก็บสะสมเหมือนกัน
“ผมเลือกเก็บเพื่อศึกษา ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นไหนผมมีหมด สาเหตุที่เก็บเพื่อที่จะหาความรู้มาแลกเปลี่ยนไม่ใช่แค่การเก็บสะสมเพียงอย่างเดียว ผมจะได้ความรู้จากคนที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมเยอะมาก ๆ นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้จากการเก็บสะสม”
เอกสะสมประสบการณ์และเก็บเกี่ยวความรู้จากการที่มีนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบรถแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมและพูดคุย แต่สิ่งหนึ่งที่เอกได้เล็งเห็นคือวงการสะสมรถเหล็กในประเทศไทยยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร
กระทั่งวันหนึ่งได้มีการจัดมีตติ้งเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสะสมรถโมเดล โดยการจัดงานครั้งนี้เอกได้เผยแพร่ลงบนโซเชียลมีเดีย จนนักสะสมอีกหลาย ๆ คนทราบเรื่องราวและอยากเดินทางมาร่วมงานในครั้งถัดไป
“จุดเริ่มต้นเกิดจากการจัดมีตติ้งเล็ก ๆ ที่บ้านพี่คนหนึ่งในวงการ ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกของงาน SDC(Small Diecast Car) ครั้งที่ 1 เราก็มีการถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กจนเกิดความสนใจจากนักสะสมอีกหลาย ๆ คน จาก 7 คนมาเป็น 15 เพิ่มขึ้นเป็น 30 และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนเราต้องย้ายสถานที่จัดงาน จากบ้านมาเป็นร้านอาหาร จนมาเป็นโรงประชุม”
การจัดงานได้รับความนิยมอย่างมาก เอกได้นำประสบการณ์จากการเยี่ยมชมงานโมเดลรถจากต่างประเทศมาปรับใช้ ทำให้ภาพลักษณ์ของงานมีมาตรฐาน
“ปัจจุบันงาน SDC ของเราเทียบเท่ากับงานโชว์รถของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกฎกติกาหรือการจัดงาน เรานำมาตรฐานจากงานนี้มาใช้ เราพยายามนำประสบการณ์จากงานโชว์รถทั่วโลกมาปรับใช้และพัฒนา ทำให้ชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นมาเลเซียหรืออินโดนีเซียที่สะสมรถโมเดลก็มาที่งานของเรา”
“ล่าสุดเราเตรียมจะจัดงานที่มาบุญครอง (MBK Center) ในวันที่ 3 และ 4 กันยายน ซึ่งนี่เป็นงานครั้งที่ 39 เราเริ่มจากจัดงานกันเอง จนวันนี้มีสปอนเซอร์เข้ามามากมาย”
นี่เป็นอีกหนึ่งความต้องการที่เอกพยายามจะยกระดับวงการสะสมในไทยให้มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับของประเทศมาเลเซียและอินโดนิเซีย ซึ่งตอนนี้วงการสะสมของไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียเป็นที่เรียบร้อย
และนักสะสมจากทั้งเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนิเซีย ที่โด่งดังในเรื่องการสะสมรถโมเดลต่างก็หลั่งไหลมาที่งานนี้เช่นกัน เพราะว่างานที่ประเทศไทยก็ยิ่งใหญ่และมีมาตรฐานระดับสากลจนมีผู้เข้าร่วมงานหลายพันคน
สุดท้ายก็แค่สะสม ?
การซื้อรถสะสมในตอนนี้สามารถหาซื้อได้ง่ายกว่าในอดีต ในโลกโซเชียลจะมีกลุ่มซื้อขายของเล่นโดยเฉพาะ แตกต่างจากในอดีตที่จะมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งความสุขและความสนุกของการซื้อรถเหล่านี้ก็คือการแย่งกันภายในกลุ่มหรือใต้โพสต์ชนิดที่ว่าแพ้ชนะกันด้วยเสี้ยววินาที
เอกก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกซื้อรถโมเดลจากกลุ่มในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเขาพยายามอธิบายให้เราเข้าใจว่าถึงแม้เขาเองจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงของวงการ แต่เขาก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ที่สามารถเลือกซื้อรถสวย ๆ หรือรถหายากได้ก่อนคนอื่น ความภูมิใจจึงอยู่ที่การใส่แพชชั่นลงไปในรถทุกคนที่เขาอยากได้ และแย่งกับนักสะสมคนอื่น ๆ จนได้มาเป็นเจ้าของ
“ส่วนใหญ่แล้วผมก็ซื้อรถมาจากกลุ่มเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ผมกลับสนุกมากกว่า เหมือนทุกคนต่างแย่งรถคันนี้ แต่เราเป็นคนแรกที่จองรถคันนี้ มันดูสะใจดี”
รถทุกคันที่เอกซื้อมาจะมีเรื่องราวและสตอรี่ที่ทำให้ต้องเก็บสะสม แต่เรื่องราวความสนุกอาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ และมันทำให้มีหนึ่งคำถามที่วิ่งเข้ามาในหัวของเราว่าการเก็บสะสมรถโมเดลของ เอก เฟอร์รารี่ ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด และสุดท้ายแล้ว ถ้าวันหนึ่งตัวเขาเองไม่ได้เก็บแล้วจะทำอย่างไรรถเหล่านี้ ?
“เอาจริง ๆ ครอบครัวของผมไม่ได้มีใครอินกับรถพวกนี้เลย ทั้งภรรยาและลูกชายของผม เหมือนกับพวกเขาเห็นรถที่ผมเก็บสะสมมาตั้งแต่ยังเด็กเลยไม่ค่อยอิน ก็เหมือนกับผมที่คุณพ่อเก็บสะสมเหรียญแต่ผมก็ไม่ได้อิน”
“ถ้าวันนึงผมเป็นอะไรขึ้นมา รถพวกนี้ก็อาจเป็นภาระ”
“สุดท้ายแล้วรถพวกนี้บางส่วนก็คงบอกให้ภรรยาขายให้กับนักสะสมคนอื่น แต่ว่าก็อาจจะมีเก็บไว้บ้างเพราะมันคือความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเราเคยเก็บสะสมจนสร้างตัวตนให้กับเรา” เอก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรารู้สึกได้ว่าเขามีความรักและความผูกพันต่อรถสะสมเหล่านี้
ท้ายที่สุดแล้วเอกก็ยังยืนยันที่จะเก็บรถเหล่านี้ต่อไป เขาเองยังมีความรักในวงการนี้ และพยายามที่จะถ่ายทอดประสบการณ์รวมถึงความรู้ให้กับนักสะสมรุ่นต่อไป
“ด้วยความที่อยู่ในวงการมันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะให้ผมเลิกสะสม บางครั้งก็จะมีคนที่เพิ่งเริ่มเก็บสะสมทักมาถามว่า พี่เก็บสะสมอย่างไร พวกเขามองเราเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของวงการ จากประสบการณ์ 20 ปีมันทำให้ผมยังต้องสะสมและคอยให้ความรู้กับพวกเขาต่อไปเรื่อย ๆ ” เอก กล่าวทิ้งท้ายอย่างมุ่งมั่น