Feature

อาร์เธอร์ : สุนัขจรจัดที่ฝ่าเส้นทางวิ่งเทรลหฤโหดจนเข้าเส้นชัย เพียงเพราะตามคนให้อาหาร | Main Stand

"ผมมาเอกวาดอร์เพื่อคว้าแชมป์โลก แต่ผมได้เพื่อนใหม่กลับไป" มิคาเอล ลินด์นอร์ด กล่าว 

 


การแข่งขันผจญภัย หรือ Adventure race ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันสุดท้าทาย เพราะไม่เพียงต้องพาตัวเองและทีมเข้าเส้นชัย แต่ยังต้องเอาตัวรอดท่ามกลางสภาพอากาศและภูมิประเทศอันโหดหิน 

อย่างไรก็ดีหลายปีก่อนกลับมีสุนัขจรจัดเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วยความบังเอิญ แถมยังสามารถเข้าเส้นชัยพร้อมกับมนุษย์ เพียงเพราะตามคนที่ให้อาหารมัน 

ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกับ Main Stand 

 

ศึกเอาชีวิตรอด 

แม้ว่าชื่อของ Adventure race หรือการแข่งขันผจญภัย อาจจะไม่ได้คุ้นหูชาวไทยมากนัก แต่มันก็เป็นการแข่งขันที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก หลังเริ่มจัดชิงแชมป์โลกมาตั้งแต่ปี 2000 

แต่ละทีมที่มีสมาชิก 2-4 คน จะต้องเดินทางเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรในเส้นทางที่ไม่ปรากฎบนแผนที่ และอาจจะเจอกับสภาพอากาศที่สุดขั้ว ผ่านการปีนเขา เดินป่า ปั่นจักรยาน และพายเรือคายัค 

การแข่งขันอาจจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 วัน และแต่ละวันผู้เข้าร่วมการแข่งขันอาจจะได้พักกันแค่ชั่วโมงเดียวหรือน้อยกว่านั้น 

แต่ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะต้องเกาะกลุ่มกัน แบ่งสรรปันส่วนอาหารและน้ำ และแน่นอนว่าหากใครในทีมได้รับบาดเจ็บก็จะต้องพาไปด้วย เพื่อเข้าเส้นชัยพร้อมกันจึงจะถือว่าจบการแข่งขัน 

ปี 2014 ทีมพีกเพอร์ฟอร์แมนซ์ จากสวีเดน หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก ประกอบไปด้วย มิคาเอล ลินด์นอร์ด, ไซมอน นีมี, คาเรน ลุนเกรนด์ และ สตาฟฟาน บยอคลุนด์ ได้เข้าร่วมการแข่งขันผจญภัยชิงแชมป์โลกที่เอกวาดอร์ 

เส้นทางในปีนั้นค่อนข้างยาก เพราะนอกจากระยะทางรวมกว่า 700 กิโลเมตรที่มีตั้งแต่ป่าฝนแบบแอมะซอนไปจนถึงชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว พวกเขายังต้องเผชิญกับระดับความสูง 4,500 เมตรของเทือกเขาแอนดีส และสภาพอากาศที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วถึง 13 โซนทั่วเอกวาดอร์ 

"ถ้าคุณอยากจะเก่งที่สุดสำหรับกีฬานี้ คุณจำเป็นจะต้องเจ็บปวด" มิคาเอล ลินด์นอร์ด กล่าวกับ ESPN 

นี่ยังไม่รวมถึงความท้าทายระหว่างทางอย่างงูพิษ พายุ หรือน้ำที่เชี่ยวกราก ที่อาจจะพรากชีวิตของผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้ทุกเมื่อ

"มีโอกาสมากที่จะได้รับบาดเจ็บหรือตาย ผมเคยแข่งในสถานที่ที่มีคนตายมาแล้ว" คาเรน ลุนเกรน สมาชิกของทีมพีกเพอร์ฟอร์แมนซ์ กล่าวต่อ 

อย่างไรก็ดีการแข่งขันในปีนั้นก็เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล 

 

การพานพบที่ไม่ตั้งใจ

"เป้าหมายของเราคืออันดับ 1 และคว้าแชมป์โลก" มิคาเอล ลินด์นอร์ด กล่าว

สำหรับ Adventure Racing World Championship ปี 2014 พีกเพอร์ฟอแมนซ์ถือว่าทำผลงานได้ไม่เลว เมื่อพวกเขามาถึงจุดเปลี่ยนกิจกรรมรองสุดท้าย ที่เปลี่ยนจากการปั่นจักรยานมาเป็นเดินป่า ตั้งแต่วันที่ 4 ของการแข่งขัน 

ตอนนั้นพวกเขาตามหลังผู้นำอยู่ไม่กี่ชั่วโมงและยังมีโอกาสที่จะแซงได้ แต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อลินด์นอร์ดไปสะดุดตากับสุนัขจรจัดเนื้อตัวสกปรกตัวหนึ่งระหว่างพักเบรกรอเดินทางไปยังจุดต่อไป 

มันมีสภาพที่ย่ำแย่สุดขีด ตัวเต็มไปด้วยโคลน และมีแผลขนาดใหญ่ที่กลางหลัง พร้อมเลือดที่เกรอะกรังไปทั่วตัว เขาคาดว่ามันน่าจะโดนทำร้ายมา ด้วยความสงสารลินด์นอร์ดจึงแบ่งลูกชิ้นที่ติดตัวมาให้มันกิน 

"ตอนผมกำลังเปิดกล่องอาหาร ตาผมก็เหลือบไปเห็นสุนัขท่าทางสกปรกตัวหนึ่ง" ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Aftonbladet สื่อของสวีเดน 

"ผมคิดว่ามันกำลังหิวก็เลยเอาลูกชิ้นให้มัน หลังจากนั้นก็คิดว่าจะไม่ให้แล้ว" 

หลังจากนั้นลินด์นอร์ดและทีมก็ออกเดินทางต่อเพราะฟ้ามืดลงแล้ว แต่เมื่อเขาหยุดพักเพื่อจัดของระหว่างทาง ลินด์นอร์ดก็เห็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ไกล ๆ ในป่า ก่อนจะรู้ว่ามันคือสุนัขที่เขาเพิ่งให้ลูกชิ้นไป 

"เฮ้ เจ้าหมา แกไม่กลับบ้านเหรอ แกจะเอาไงต่อ จะไปกับเราเหรอ" ลินด์นอร์ด ถามสุนัขตัวนั้น 

แน่นอนว่าลินด์นอร์ดเพียงแค่เย้ามันเล่น เพราะการเอาสุนัขเดินทางไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากทางข้างหน้าล้วนโหดหิน โดยเฉพาะโคลนที่สูงระดับเข่าที่มนุษย์เองบางทียังเอาตัวเองเกือบไม่รอด 

ทว่าสุนัขจรจัดตัวนั้นไม่ได้รับรู้หรือบางทีมันอาจจะไม่สน มันเดินตามลินด์นอร์ดและทีมไปตลอดทางในป่า แถมบางครั้งพวกเขาต้องช่วยกันดึงมันออกมาจากโคลนด้วยซ้ำ 

ไม่นานมันก็สนิทกับทุกคนในทีม และนอกจากมันจะร่วมทางไปด้วยแล้ว มันยังคอยเฝ้าระวังตอนที่ทีมหยุดพัก เช่นตอนที่ ไซมอน นีมี อยู่ในสภาวะขาดน้ำ มันก็นั่งเฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่ห่าง 

พวกเขาจึงตัดสินใจให้มันเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม และตั้งชื่อมันว่า อาร์เธอร์ ที่มาจากกษัตริย์อาร์เธอร์ กษัตริย์อังกฤษในตำนาน จากความสง่างามของมัน   

"ผมคิดว่ามันสมควรได้รับชื่อว่าอาร์เธอร์ เหมือนกับราชา" ลินด์นอร์ด อธิบาย 

และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพครั้งสำคัญ 

 

เข้าเส้นชัยไปพร้อมกัน 

อาร์เธอร์เดินตามลินด์นอร์ดและสมาชิกในทีมจนออกมาจากป่าได้สำเร็จในวันที่ 5 ของการแข่งขัน ในสภาพที่อ่อนแรงทั้งคนและสุนัข พวกเขาเหลืออีกเพียงแค่ด่านเดียวก็จะจบการแข่งขัน 

"อาเธอร์เดิมพันชีวิตของมันไว้กับเรา มันเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการไปกับเราในป่า ดังนั้นผมจึงเดิมพันกับมันเหมือนกัน และผมก็โชคดีมากเพราะมันเป็นหมาที่น่ารักที่สุดในโลก" ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Daily Mail 

ทว่าเส้นทางของอาร์เธอร์ดูเหมือนจะสิ้นสุดที่ด่านสุดท้าย เมื่อสมาชิกต้องพายเรือเป็นระยะทางกว่า 54.7 กิโลเมตรในเส้นทางที่อันตราย และคาดว่าน่าจะใช้เวลาราว 14 ชั่วโมงกว่าจะถึงเส้นชัย การเอาสุนัขไปด้วยจะเป็นอุปสรรคกับพวกเขามากกว่า 

บวกกับผู้จัดการแข่งขันก็แนะนำให้ทิ้งมันไว้ที่ริมฝั่ง ซึ่งพวกเขาก็เคารพคำแนะนำนั้น ก่อนจะบอกลาเพื่อนสี่ขาด้วยสภาพจำยอม 

"ทีมผู้จัดการแข่งขันให้คำแนะนำว่าไม่ควรเอาอาร์เธอร์ไปด้วยในด่านสุดท้าย หมาในเรือคายัคไม่ได้เป็นไอเดียที่ดี ทีมก็เลยทำตามคำแนะนำ" ทีมพีกเพอร์ฟอร์แมนซ์ ย้อนความหลังใน Facebook อย่างเป็นทางการของทีม 

แต่อาร์เธอร์ก็ไม่ยอม เพราะทันทีที่ทีมออกจากฝั่งมันก็เริ่มเห่า กระโดดลงน้ำ และว่ายมาหาพวกเขา จนทำให้ลินด์นอร์ดทนดูภาพนี้ไม่ไหว ตัดสินใจรับมันขึ้นมาอยู่บนเรือคายัค ท่ามกลางเสียงปรบมือของคนที่อยู่บนฝั่ง

"เมื่อเราออกตัวผมมองไปที่มันแล้วเริ่มพาย จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น" ลินด์นอร์ด กล่าวกับ ESPN 

"อาร์เธอร์กระโดดลงมาในน้ำ มันว่ายตามหลังเรามา ชัดเจนว่ามันคือส่วนหนึ่งของเรา การดูแลหมาตัวนี้ยิ่งใหญ่กว่าการได้รับชัยชนะ" บยอคลุนด์ เสริม 

อย่างไรก็ดีการมีสุนัขอยู่บนเรือไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องหาวิธีพายเพื่อไม่ให้โดนตัวอาร์เธอร์ แถมบางครั้งมันยังพยายามกระโดดลงน้ำและทำให้พวกเขาต้องลงไปช่วย เรียกได้ว่าทุลักทุเลทั้งคนและสัตว์ 

"มันขวางทางตลอดเวลาพาย และทำให้เราต้องหาเทคนิคในการพายใหม่ เพื่อไม่ให้โดนมันจนตกน้ำ" ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Gear Junkies

"บางครั้งมันก็กระโดดลงไปในน้ำและว่ายน้ำ แล้วคลานขึ้นมาอีกครั้งด้วยความหนาวจัด ทำให้เราต้องเอาแจ็คเก็ตห่มให้มัน" 

"ครั้งหนึ่งตอนที่เราอยู่ใกล้กับฝั่ง มันกระโดดออกไปและว่ายไปที่ฝั่ง เราคิดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นมัน แต่มันก็วิ่งไปตามถนนแล้วกระโดดลงน้ำว่ายมาหาเรา" 

และหลังจากผ่านเส้นทางอันหฤโหดในวันที่ 6 ของการแข่งขัน พวกเขาก็เข้าเส้นชัยด้วยสมาชิก 5 ชีวิต แทนที่จะเป็น 4 และจบในอันดับ 12 จากผู้เข้าร่วมทั้งหมด 54 ทีม 

แต่การเดินทางของอาร์เธอร์ไม่ได้จบลงแค่นี้ 

 

มิตรภาพบริสุทธิ์ 

"เขารู้สึกอะไรบางอย่างกับอาร์เธอร์และคิดว่าปล่อยมันไว้ไม่ได้ เขาแค่อยากจะช่วยเพื่อนของเขา" เฮเลนา ลินด์นอร์ด ภรรยาของมิคาเอล บอกกับ ESPN  

หลังการแข่งขันลินด์นอร์ดรู้สึกว่าเขาจะทิ้งอาร์เธอร์ไว้ไม่ได้และอยากจะพามันกลับไปสวีเดนด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เงินไม่น้อยในการขนสัตว์เลี้ยงข้ามทวีป รวมไปถึงต้องรักษาบาดแผลของมันก่อน 

"ผมรู้ทันทีเลยว่าผมอยากพามันกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวของผม และให้มันได้มีชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น" ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Daily Mail 

ลินด์นอร์ดจึงเล่าเรื่องนี้ผ่านทวิตเตอร์ แล้วเปิดรับบริจาคผ่านบัญชี Paypal จนทำให้ชื่อของอาร์เธอร์โด่งดังไปทั่วโลก ก่อนที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการสังคมของเอกวาดอร์ และคณะกรรมการเกษตรสวีเดน ที่อนุญาตให้พาเพื่อนใหม่ของเขาไปสวีเดนได้

หลังจากเข้ารับการรักษาจากสัตวแพทย์และกักตัวครบ 120 วัน มีนาคม 2015 อาร์เธอร์ก็เดินทางจากเอกวาดอร์ไปอยู่กับครอบครัวของลินด์นอร์ดในเมือง Örnsköldsvik ทางตอนกลางของสวีเดน 

"มันรู้สึกแฮปปี้ที่อยู่กับเรา ตอนที่เรามารับมัน มันกระโดดไปรอบ ๆ จุ๊บเราและนอนลงเพื่อให้เราเกาท้อง มันทักทายทุกคนที่พบระหว่างวัน" ลินด์นอร์ด กล่าวกับ MailOnline

"เรารอวันนี้มานาน และตอนนี้มันก็อยู่ที่นี่ มันเป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับครอบครัวของเรา และเป็นวันที่ดีกว่าเดิมสำหรับอาร์เธอร์" 

อาร์เธอร์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวใหม่ ได้ออกไปเที่ยวหลากหลาย ก่อนจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบในปี 2020 ด้วยอายุราว 12 ปี 

ทว่าเรื่องราวของอาร์เธอร์ยังคงถูกเล่าขาน ผ่านทั้งหนังสือของลินด์นอร์ดที่มีชื่อว่า The Dog who Crossed the Jungle to Find a Home ในปี 2016 ไปจนถึงสารคดีมากมายก่อนมันเสียชีวิต 

นอกจากนี้อาร์เธอร์ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมพีกเพอร์ฟอร์แมนซ์ก่อตั้งมูลนิธิการกุศลเพื่อช่วยเหลือสุนัขข้างถนน รวมถึงโครงการ "สุนัขชุมชน" ที่จะจัดหาสัตวแพทย์ไปคอยดูแลสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ 

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของอาร์เธอร์ที่ทำให้มันได้รับชีวิตใหม่ และได้เจอกับครอบครัวที่รักมัน … ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต  

"มันเป็นนักสู้เหมือนกับผมที่ไม่เคยยอมแพ้ ผมมองเห็นสิ่งนั้นในป่าตอนที่มันตามเรามา" ลินด์นอร์ด ทิ้งท้าย 

 

แหล่งอ้างอิง

https://gearjunkie.com/adventure/arthur-adventure-racing-dog 
https://www.espn.com/espn/feature/story/_/id/18804102/arthur-dog-completes-2014-adventure-racing-world-championship-find-family
https://www.npr.org/sections/thetwo-way/2014/11/25/366660090/dog-follows-athletes-through-mud-and-water-and-melts-hearts 
https://www.dailymail.co.uk/news/article-3592660/World-s-famous-stray-dog-coming-Britain-wants-mate-Labrador-Arthur-gets-trim-lady-dogs-adds-UK-stamp-passport-rescued-Swedish-explorers-Ecuador.html
https://www.dailymail.co.uk/news/article-2846228/Meet-Arthur-stray-dog-followed-extreme-sports-team-grueling-430-mile-race-Amazon-rainforest-refused-leave-finish.html 
https://www.irishmirror.ie/news/world-news/adventurers-adopt-stray-dog-who-5374563 
https://www.bbc.com/news/newsbeat-30180472
https://www.theguardian.com/lifeandstyle/2016/jul/20/mikael-lindnord-arthur-dog-jungle-excerpt 

Author

มฤคย์ ตันนิยม

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น