เนอร์เบิร์กริง ที่ประเทศเยอรมนี คือสนามแข่งรถที่คนรักความเร็วยกให้เป็นสนามที่ "โหดที่สุดในโลก" ชนิดที่ตำนานอย่าง เซอร์ แจ็คกี้ สจ็วร์ต แชมป์โลก F1 สามสมัยชาวสกอตต์ ให้ฉายาว่า "The Green Hell" หรือ "นรกสีเขียว" จากการซิ่งผ่านป่าแห่งภูเขาไอเฟล มากกว่า 100 โค้ง บนความยาวมากกว่า 20 กิโลเมตร แถมแทรคยังแคบ และอาจเจอสภาพอากาศครบทุกรูปแบบ แดด ฝน และหิมะ ในรอบเดียว
ถึงกระนั้น เนอร์เบิร์กริง โดยเฉพาะส่วน นอร์ดชไลเฟ่อ หรือส่วนเหนือของสนาม ก็มีเสน่ห์ให้คนรักความเร็วทั่วโลกเฝ้าฝันว่าจะได้มาซิ่งที่นี่สักครั้ง และหนึ่งในนั้นคือ มักซ์ เวอร์สแตพเพ่น แชมป์โลก F1 สี่สมัยชาวดัตช์
ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม 2025 มักซ์ทำให้โลกความเร็วแตกตื่น เมื่อจู่ ๆ เจ้าตัวก็โผล่ไปที่เนอร์เบิร์กริง สนามที่จัดแข่ง F1 ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 แต่เขาไม่ได้มาแข่ง F1 ที่นั่น เพราะเจ้าตัวลงควบรถแข่ง Ferrari 296 GT3 ไปซิ่งใน เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ ด้วยชื่อปลอม "ฟรานซ์ เฮอร์มันน์" แถมทุบสถิติเวลาต่อรอบอย่างไม่เป็นทางการของรถแข่ง GT3 ที่นั่นอีกด้วย
งานนี้มักซ์ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะเจ้าตัวซึ่งขับบน เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ ก่อนหน้านี้เป็นพัน ๆ รอบในการขับซิมูเลเตอร์และการแข่งขันอีสปอร์ตกับ Team Redline เผยด้วยว่า ตั้งใจที่จะมาแข่งที่นี่ในอนาคต ด้วยรถจริง กับทีมของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม การลงแข่งที่ เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะมาแข่ง เพราะสมาคมกีฬาแข่งรถของเยอรมนี หรือ DMSB ออกกฎว่า นักแข่งที่จะมาซิ่งที่นี่ได้ ต้องขอใบอนุญาตพิเศษเพื่อมาแข่งที่นี่โดยเฉพาะ แม้จะมีดีกรีแชมป์โลก F1 หรือ MotoGP ก็ไม่มีข้อยกเว้น และใบอนุญาตดังกล่าว ทำให้ วาเลนติโน่ รอสซี่ ตำนานสองล้อชาวอิตาลี ดีกรีแชมป์โลกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ 9 สมัย ที่ปัจจุบันเบนเข็มไปแข่งรถยนต์แล้ว ยังไม่เคยได้มาแข่งที่เนอร์เบิร์กริงเสียที เพราะยังไม่เคยมาขอใบอนุญาต
โดยกฎการขอใบขับขี่พิเศษที่ เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ หรือ DMSB Permit Nordschleife นักแข่งคนนั้นต้องมีใบขับขี่รถแข่งเกรด A ในชาติบ้านเกิด หรือใบขับขี่รถแข่งนานาชาติเกรด D ขึ้นไป และต้องเข้าคลาสอบรมก่อน ถึงจะได้รับ DMSB Permit Nordschleife เกรด B ซึ่งสามารถลงแข่งรถที่ เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ ได้ แค่มีการจำกัดรถที่ใช้
แต่หากต้องการลงแข่งที่ เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ ด้วยรถอะไรก็ได้ ต้องขอ DMSB Permit Nordschleife เกรด A เสียก่อน ซึ่งนักแข่งคนนั้นต้องมีใบขับขี่รถแข่งนานาชาติเกรด D ขึ้นไป ได้ DMSB Permit Nordschleife เกรด B แล้ว และต้องลงแข่งขันจริงที่นี่ พร้อมจบการแข่งขันอย่างน้อย 2 ครั้ง เก็บสะสมรอบการแข่งขันรวมกันอย่างน้อย 14 รอบ รวมถึงไม่ทำผิดกฎใด ๆ ระหว่างแข่งขัน แต่อาจพิจารณาให้ใบอนุญาตได้เป็นกรณีพิเศษเป็นเคสไป หากเงื่อนไขไม่ครบถ้วน
เงื่อนไขที่ยุ่บยับนี้ อาจทำให้ วาเลนติโน่ รอสซี่ ถอดใจ ขี้เกียจขอ DMSB Permit Nordschleife แต่ไม่ใช่สำหรับ มักซ์ เวอร์สแตพเพ่น ที่รักการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังมีทั้ง Super License สำหรับการแข่ง F1 และใบขับขี่ FIA เกรด Platinum สำหรับรายการอื่น ๆ ตั้งเป้าหมายเลยว่า จะต้องมาแข่งที่เนอร์เบิร์กริงให้ได้ และเพื่อการนั้น เขาทำได้ทุกอย่าง
"การแข่งรถไม่ใช่แค่อาชีพของผม แต่เป็นงานอดิเรกของผมด้วย ผมจะไปที่ เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตการแข่งขันที่จำเป็นสำหรับการแข่งรถ GT3 ที่นี่ ซึ่งผมอยากได้มาก นอร์ดชไลเฟ่อ อยู่ในอันดับต้น ๆ ของสนามที่ผมอยากลงแข่ง เพราะเป็นสนามที่ท้าทายอย่างยิ่ง ด้วยระยะทางที่ยาวเหยียด สนามที่แคบ แถมยังมีประวัติศาสตร์มากมาย ผมแทบรอไม่ไหวเลยนะเนี่ย"
กลางเดือนกันยายน 2025 ได้เวลาที่มักซ์จะปิดจ๊อบ เจ้าตัวเริ่มด้วยการเข้าคลาส เพื่อให้ได้ DMSB Permit Nordschleife เกรด B ในการลงแข่งก่อน หลังจากนั้น ก็ลงสนามแข่งเอนดูรานซ์รายการ NLS หรือ Nurburgring Langstrecken-Serie สนามที่ 7 ของฤดูกาล ในวันที่ 13 กันยายน เพื่อให้ได้ DMSB Permit Nordschleife เกรด A
ด้วยการที่มักซ์ต้องใช้รถแข่งกติกา GT4 ซึ่งช้ากว่ารถแข่งกติกา GT3 ที่เร็วสุดในสนามนี้ แถมรถแข่ง Porsche 718 Cayman GT4 RS Clubsport ที่ใช้ ยังโดนจำกัดแรงม้าเพราะมักซ์เป็น "มือใหม่" อีก เป้าหมายของเขา จึงไม่ใช่ชัยชนะ แต่เป็นการเรียนรู้ และสอบผ่านทุกเงื่อนไขที่จะทำให้เขาได้รับ DMSB Permit Nordschleife เกรด A
อันที่จริง ด้วยกฎที่ระบุว่า ต้องแข่งและจบการแข่งขันที่นี่ 2 ครั้ง ทีม Lionspeed GP ที่มักซ์มาขอร่วมแข่งด้วย เลยเตรียมรถแข่งไว้ 2 คัน เพื่อสลับใช้ขับให้ผ่านเกณฑ์ แต่รถแข่งคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุในรอบควอลิฟาย ไม่สามารถใช้แข่งได้ ถึงกระนั้น เงื่อนไขอื่น ๆ ไม่มีปัญหา มักซ์ เวอร์สแตพเพ่น จึงได้รับ DMSB Permit Nordschleife เกรด A สมใจ
"ผมดีใจที่ทุกอย่างราบรื่น และผมได้ DMSB Permit Nordschleife เรียบร้อย ผมสนุกมาก แต่ที่นี่ก็สนุกแบบนี้เสมอ มันท้าทายมากนะ ทั้งการขับท่ามกลางรถที่เร็วกว่าและช้ากว่า ผ่านกระบวนการสตาร์ทการแข่งขันที่ต่างจาก F1 แถมต้องเคารพกฎการแข่งขัน แถมวันนี้ยังเจอทั้งสภาพสนามแห้งและเปียกในสนามเดียวกัน พื้นผิวสนามแต่ละช่วงก็ไม่เหมือนกัน การทำเวลาต่อรอบจึงยาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้สนามนี้พิเศษ การได้ลงแข่ง 24 ชั่วโมงที่นี่ในรถ GT3 คงจะเป็นอะไรที่วิเศษมาก"
อีกไม่นานเกินรอ เราจะได้เห็น มักซ์ เวอร์สแตพเพ่น ลงแข่งที่ เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ ด้วยรถ GT3 แน่ ๆ และเมื่อนั้น แฟนความเร็วทั้งโลกได้จับตามองอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นรายการใด จะ เนอร์เบิร์กริง 24 ชั่วโมง หรือรายการไหน เป้าหมายของเขาคือ "ชัยชนะ"
แหล่งอ้างอิง
https://news.verstappen.com/en/article/5942/
https://news.verstappen.com/en/article/5943/
https://www.autosport.com/f1/news/what-can-f1-champion-max-verstappen-do-with-his-new-fia-platinum-race-license/10728272/
https://www.autosport.com/f1/news/all-to-know-about-verstappens-nurburgring-gt-race-debut/10758611/
https://www.autosport.com/gt/news/verstappen-set-for-special-nordschleife-licence-after-nls-debut/10759170/
https://www.autosport.com/vln/news/verstappen-secures-nordschleife-permit-everything-went-smoothly/10759242/
