เด็กน้อยจากศรีสะเกษวัย 13 ปี ไม่เคยคิดเคยฝันว่าตนจะได้เดินทางไปสัมผัสโลกลูกหนังถึงดินแดนต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ … แต่วันนี้ เขาสามารถทำมันให้เกิดขึ้นจริงด้วยฝีเท้าของตัวเอง
"น้องกัปตัน" ด.ช.สรชัย ภารุนัย เจ้าของรางวัล "Most Talented Player" หรือ ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์โดดเด่น ในศึก "ช้าง จูเนียร์ คัพ 2025" การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปีระดับประเทศ
เขาเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจาก โรงเรียนกันทรารมณ์ ที่คว้าโควตาเดินทางไปฝึกทักษะฟุตบอลที่เมืองผู้ดีร่วมกับทีมแชมป์อย่าง ชลบุรี เอฟซี
ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใคร แถมยังเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ความตื่นเต้นและหวั่นกลัวกลายเป็นแรงบีบจนอาเจียนออกมาตั้งแต่เครื่องยังไม่ลงจอด
แม้การเดินทางทุกอย่างจะเริ่มต้นด้วยความทุลักทุเล … แต่ฟุตบอลก็นำพาให้เขาได้พบมิตรภาพจากเพื่อนใหม่ต่างโรงเรียน ที่ช่วยกันเกื้อหนุนจนเจ้าตัวได้รับประสบการณ์อันล้ำค่ากลับไปอย่างเต็มอิ่ม
เรื่องราวของ "น้องกัปตัน" ด.ช.สรชัย ภารุนัย เป็นอย่างไร … ติดตามได้ที่นี่
จากศรีสะเกษสู่อังกฤษ
กัปตันเกิดและเติบโตที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีความฝันที่จะก้าวขึ้นติดทีมชาติไทยและเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ด้วยความที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนร่วมรุ่น กัปตันจึงพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อหาจุดแข็งให้ตัวเอง โดยมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นไอดอล
เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่นที่มีรูปร่างเล็กเหมือนกันแล้ว ทั้งคู่ยังถนัดซ้ายเหมือนกันกับตัวเองด้วย นั่นจึงทำให้ลีลาการเล่นของกัปตันแทบจะถอดแบบมาจากทั้ง 2 สตาร์ดัง โดยเฉพาะการกระชากลากเลื้อย และทักษะการเลี้ยงบอล
ด้วยจุดเด่นนี้เอง ทำให้กัปตันได้สวมปลอกแขนนำทัพโรงเรียนกันทรารมณ์ ที่ส่งแข่งในนาม โปลิศ เทโร เอฟซี ลุยศึกฟุตบอล "ช้าง จูเนียร์ คัพ 2025" การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี เมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายคือการคว้าแชมป์ให้ได้
ทว่าทีมของเจ้าตัวไปไม่ถึงฝั่งฝัน ต้องยุติเส้นทางเพียงรอบรองชนะเลิศเท่านั้น ก่อนจะฝากผลงานปิดท้ายด้วยการคว้าอันดับ 3
"ผมมาแข่งรายการช้างเป็นครั้งแรก อยากได้แชมป์ครับ แต่ทำไม่ได้ จนรอบชิงอันดับ 3 เราชนะได้ก็ดีใจมากครับ เพราะถือเป็นทีมอันดับ 3 ของประเทศ" กัปตันเปิดใจ
อย่างไรก็ตาม รายการ "ช้าง จูเนียร์ คัพ" นอกจากทีมแชมป์เพียงทีมเดียวที่จะได้รับโอกาสเดินทางไปฝึกฟุตบอลกับสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ถึงประเทศอังกฤษแล้ว ยังมีอีก 1 โควตามอบให้แก่ ผู้เล่นที่มีพรวสรรค์โดดเด่น หรือ "Most Talented Player" ด้วยเช่นกัน
ซึ่งตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ นักเตะที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือกัปตันนั่นเอง … ในตำแหน่งมิดฟิลด์จอมทัพ กัปตันคือคีย์แมนสำคัญคอยสร้างสรรค์เกมรุก รวมถึงรับหน้าที่ทั้งยิงฟรีคิกและเตะมุมให้กับทีม
ขณะที่เกมรับก็ยังลงมาช่วยตัดบอล มุ่งมั่นวิ่งไล่บอลอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดทั้งเกม จนสามารถคว้ารางวัล Most Talented Player ไปครอง พร้อมคว้าตั๋วเครื่องบิน 1 ที่นั่งลัดฟ้าไปเมืองผู้ดีได้สำเร็จ
"ดีใจที่รู้ว่าตัวเองได้ไปครับ ผมมั่นใจว่าตัวเองน่าจะมีชื่อ ผมอยากไปมาก คิดว่าตัวเองต้องได้รางวัลนี้มาให้ได้ ขอบคุณเพื่อน ๆ และโค้ชทุกคน ที่ช่วยทำให้ผมชนะรางวัลนี้และได้ไปอังกฤษ" กัปตัน กล่าวอย่างมั่นใจ
ทว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น … เพราะเมื่อถึงวันเดินทางจริง จากความมั่นใจที่เคยมีก็แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและประหม่ากับเรื่องราวที่เผชิญอยู่เบื้องหน้า
มิตรภาพลูกหนัง
เด็กน้อยจากศรีสะเกษ ตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากโรงเรียนกันทรารมณ์ เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยความตื่นเต้นผสมความงงงวย … ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่หมดสำหรับเขา
หันไปทางไหนก็ไม่เจอคนรู้จัก เพราะนักเตะที่มาด้วยกันคือแชมป์ประจำทัวร์นาเมนต์อย่าง ชลบุรี เอฟซี ที่มากันแบบยกทีม
"ตื่นเต้นมากที่จะได้ขึ้นเครื่องครั้งแรก ยังงง ๆ อยู่ ได้แต่เดินตามเขาขึ้นเครื่อง พอตอนจังหวะเครื่องขึ้นมันเสียวหัวใจเลยครับ ผมหลับตาอย่างเดียวเลย ไม่กล้าลืมตาขึ้นมาเพราะกลัว" เด็กน้อยวัย 13 เผย
แม้จะผ่านช่วงระทึกใจหลังจากเครื่องเทคออฟมาได้ แต่ความทุลักทุเลยังไม่หมด หลังจากเดินทางมานานกว่า 10 ชั่วโมง ร่างกายเริ่มล้าและอ่อนเพลีย ผสมผสานกับบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย อาหารที่กินเข้าไปด้วยความหิวจึงทะลักดันขึ้นมา จนอาเจียนออกมากลางเครื่อง
"ผมกินอาหารบนเครื่องบิน พอนั่งไปสักพักก็อ้วกออกมาเลย มันขึ้นไปเอง ตอนนั้นนั่งกับโตโน่ (ธีรภัทร วรสกุล ทีม ชลบุรี เอฟซี) เขาก็ตกใจ แต่ก็ถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง คอยช่วยดู เพื่อน ๆ แถวนั้นก็ไปเรียกโค้ชมาช่วย ต้องขอบคุณมากเลยครับ" กัปตัน เผย
แม้จะมาจากคนละทีมและเพิ่งรู้จักกันยังไม่พ้นข้ามวัน แต่โตโน่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจกับเพื่อนใหม่ที่จะมาร่วมฝึกฟุตบอลด้วยกัน หนำซ้ำยังไม่รังเกียจแต่ยังคอยช่วยเหลือและพูดคุยให้กำลังใจกัน
จนเมื่อเครื่องลงจอดที่แดนผู้ดี ทั้งคู่ก็ได้เป็นรูมเมตกัน พูดคุยเรื่องฟุตบอล หยอกล้อเล่นกัน และคอยเป็นพาร์ทเนอร์ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ซึ่งนับเป็นเพื่อนคนแรกของกัปตันในการเดินทางครั้งนี้เลยก็ว่าได้
มิตรภาพเหล่านี้ยังส่งผลไปถึงในสนามฟุตบอล ในวันที่ทีมต้องลงสนามอุ่นเครื่องกับ เลสเตอร์ ซิตี้ U-13 ที่สนามฝึกซ้อมระดับโลกของทัพจิ้งจอกสยาม
ในวันแข่ง 11 ตัวจริงชุดแชมป์ของ ชลบุรี เอฟซี ได้ออกสตาร์ทก่อน แต่ครึ่งหลังเมื่อกัปตันลงมา ทุกคนก็ยังคงเล่นด้วยความกลมเกลียว ไม่มีแบ่งแยกเพื่อนใหม่ต่างโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย อาศัยทีมเวิร์กส่งบอลไปมาให้กัน จนสามารถเอาชนะเยาวชนจิ้งจอกไปได้ 6-1
มิตรภาพเหล่านี้ไม่เพียงเกิดขึ้นกับกัปตันเท่านั้น แต่ยังรวมถึง 2 ผู้เล่นที่คว้ารางวัล "Chang Sportsmanship Awards" ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษที่เพิ่มเข้ามาปีนี้ เพื่อมอบให้แก่ ผู้เล่นที่มีน้ำใจนักกีฬาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ด้วยเช่นกัน
โดยนักเตะที่ได้โควตาปีนี้คือ "ปริญ" ปุญชรัสมิ์ ภูริสุริยพรสิน และ "มังกร" มรุเดช ชำนาญวงษ์ จากโรงเรียนพระแม่มารีสาทร
"ตอนมาแรก ๆ ก็ยังเกร็ง ๆ ไม่เคยรู้จักกับใครมาก่อนเลยครับ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องจากเมืองไทยก็ไม่เคยได้คุยกันเลย"
"เริ่มสนิทกันจริง ๆ ก็ตอนอุ่นเครื่องนัดแรกกับเลสเตอร์ พอลงสนามไปมันต้องคุยกัน เลยไปถามเขาว่าชื่ออะไรกัน พอถามเสร็จก็คุยกันเลย ในเกมมันต้องส่งเสียงให้กัน ให้กำลังใจกัน พอจบเกมก็ยิ้มขำสนุกด้วยกัน"
"หลังจากนั้นก็สนิทกันเลย คุยเล่นกัน ทีมนู้น (ชลบุรี) เขานิสัยดีครับ กวน ๆ ดี" ปริญ เล่าถึงการปรับตัวกับเพื่อนใหม่โดยมีฟุตบอลเป็นสื่อกลาง
มิดฟิลด์ตัวเก่งจากพระแม่มารีฯ ยังเผยต่อว่า การได้มารวมทีมกับเพื่อนต่างโรงเรียนทำให้ได้เจอมุมมองใหม่ ๆ เพราะการเล่นเป็นคนละวิธีคนละสไตล์กัน จึงต้องมีการปรับตัวอยู่บ้าง
"การเล่นมันคนละวิธีคนละมุมมองกับโรงเรียนผมเลยครับ ต้องปรับตัวบ้าง แต่พอเล่นด้วยกันมันก็สนุก"
"มันเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยครับ ทำให้รู้ว่าถ้าอนาคตต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ เราต้องปรับตัวให้เร็วเพื่อไม่ให้เป็นภาระทีม พยายามคุ้นชินให้เร็ว พยายามคุยกันจะได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น" ปริญ เผย
มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางมาประเทศอังกฤษครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้พวกเขาได้เจอเพื่อนใหม่เท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน จนสามารถก้าวผ่านการฝึกฝนและการแข่งขันไปได้อย่างสนุกสนาน
ช้าง สร้างแรงบันดาลใจ
การเดินทางมาประเทศอังกฤษครั้งนี้ นักเตะทุกคนได้รับประสบการณ์สุดพิเศษอย่างเต็มอิ่ม … ยิ่งเมื่อเริ่มปรับตัวพูดคุยกันมากขึ้น ทุกกิจกรรมที่ทำร่วมกันก็ยิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นทั้งในและนอกสนาม
โดยในสนาม พวกเขาได้ฝึกทักษะฟุตบอลกับโค้ชเยาวชนมืออาชีพของ เลสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงลงอุ่นเครื่องกับเยาวชนจิ้งจอกสยาม และ อายล์สโตน พาร์ค เอฟซี เป็นจำนวน 2 นัด บนสนามซ้อมมาตรฐานระดับโลกมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ในย่าน ซีเกรฟ
พร้อมยังได้เข้าชมห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่นักเตะเลสเตอร์ใช้งานจริงทั้งในสนามซ้อมและรังเหย้า คิง เพาเวอร์ สเตเดียม ไม่ว่าจะเป็น ห้องทีมเหย้า-ทีมเยือน, อุปกรณ์ฟิตเนส, ห้องฟื้นฟูสภาพ, ตารางการซ้อมของนักเตะแต่ละคน ไปจนถึงอาหารที่กินในแต่ละมื้อ
ที่สำคัญยังได้รับชมเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านชนะ เบิร์นลีย์ 3-2 รวมถึงเกมแชมเปียนชิพที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เบอร์มิงแฮม 2-0 พร้อมทัวร์สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด และ แอนฟิลด์ อีกด้วย
คุณโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เชื่อว่าการเดินทางมาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ที่จะช่วยต่อยอดแข้งเยาวชนเหล่านี้ให้ก้าวเดินตามความฝันบนเส้นทางฟุตบอลต่อไปในวันข้างหน้า
"เราจัดการแข่งขัน ช้าง จูเนียร์ คัพ มาแล้ว 12 ปี เพื่อให้โอกาสกับเด็กทั่วประเทศ โดยรางวัลที่มอบให้กับทีมแชมป์ถือว่าเป็นรางวัลแรงบันดาลใจ"
"เขาได้มาเห็นสิ่งที่ประเทศฟุตบอลอย่างอังกฤษได้ทำ โค้ชเองก็ได้เห็นแนวทางการสอนของมืออาชีพจริง ๆ เห็นการพัฒนาของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการซ้อมระดับอาชีพว่าเป็นยังไง น้อง ๆ ที่มาได้ทั้งฝึกกับสนามดี ๆ ได้ฝึกกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เมืองไทยไม่มี"
"พร้อมยังได้ประสบการณ์ในการดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของนักกีฬาบางคนที่อาจจะไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ได้ดูฟุตบอลที่เขาเคยดูในทีวี"
"สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นความรู้กลับไป เชื่อว่าเด็ก ๆ จะนำอะไรจากที่นี่กลับไปใช้ประโยชน์ต่อในเส้นทางฟุตบอลได้" คุณโรจนสิทธิ์ ทิ้งท้าย
ตลอดระยะเวลา 7 วันบนแผ่นดินอังกฤษ นักเตะเยาวชนไทยเหล่านี้ได้เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่าที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ได้มาเห็นถึงความเป็นมืออาชีพของฟุตบอลระดับโลกว่าต้องมุ่งมั่นพยายามขนาดไหน
ที่สำคัญยังได้พบมิตรภาพใหม่จากเพื่อนต่างโรงเรียนที่จะคอยเกื้อหนุนกันต่อไปในอนาคต … แล้วมาร่วมเอาใจช่วยกันว่า จากนี้ไป พวกเขาจะก้าวเดินทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จหรือไม่