Feature

ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ : หรือแข้ง 130 ล้านปอนด์คนนี้จะเป็นเบอร์ 10 ที่ ลิเวอร์พูล รอคอย ? | Main Stand

ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับการย้ายทีมของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ไปยัง ลิเวอร์พูล ที่ ณ ตอนนี้ดูเหมือนนักเตะตกลงปลงใจจะเข้ามาเป็นเพลย์เมคเกอร์คนใหม่ของทีมแล้ว เหลือแค่เพียงปัญหาค่าตัวที่ทาง เลเวอร์คูเซ่น เรียกร้องมาเท่านั้น 

 


บทความนี้เราจะวิเคราะห์เวียร์ตซ์ อย่างละเอียดด้วยตัวเลข สถิติ และสิ่งต่าง ๆ ที่เขาเคยทำไว้ในซีซั่นที่ผ่าน ๆ มา รวมถึงปัญหาหมายเลข 10 ของ ลิเวอร์พูล ว่าจุดนี้สมควรแก้ด้วยผู้เล่นใหม่หรือไม่ ?

ติดตามทั้งหมดกับ Main Stand 

 

ลิเวอร์พูล กับตำแหน่งเบอร์ 10

อาร์เน่อ ชล็อต เป็นกุนซือที่ชอบทำฟุตบอลในระบบการเล่น 4-2-3-1 มาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเขาทำงานที่เนเธอร์แลนด์ จนกระทั่งเขายกมันมาเป็นระบบหลักในการทำทีม ลิเวอร์พูล จนได้แชมป์ฤดูกาล 2024-25 

มองผิวเผินระบบนี้จะไม่ได้แสดงให้เห็นว่าในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 ของ ลิเวอร์พูล มีปัญหานัก เนื่องจากพวกเขามีนักเตะอย่าง โดมินิค โซโบสไล ที่เป็นเบอร์ 10 ธรรมชาติ แถมซื้อตัวมาด้วยราคาถึง 75 ล้านปอนด์ ขณะที่ตัวสำรองหมุนเวียน เป็นหน้าที่ของนักเตะลูกหม้ออย่าง เคอร์ติส โจนส์ ที่โดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อ ชล็อต มาถึง 

ทั้ง 2 คนสลับกันลงเล่นตลอดทั้งซีซั่น ยิงประตูรวมกันทั้งหมด 8 ลูก (โซโบสไล 5, โจนส์ 3) และ 11 แอสซิสต์ (โซโบสไล 6 โจนส์ 5) และสร้างสรรค์โอกาสการเข้าทำรวมกัน 39 ครั้ง (โซโบสไล 22 โจนส์ 17) อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังดูไม่ถูกใจ ชล็อต นัก เพราะไม่อย่างนั้น การโรเตชั่นในตำแหน่งนี้จะต้องน้อยมาก ๆ หรือมีคนใดคนหนึ่งที่เป็น "เบอร์ 1 ของทีม" ชัดเจน เหมือนที่ปีกขวามี โม ซาลาห์, กองกลางคู่มี อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เป็นต้น 

กลับมาที่เรื่องเบอร์ 10 ของ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง จากสถิติที่กล่าวอ้างมาจะพบว่า โซโบสไล มีบทบาทในการสร้างสรรค์เกมรุกมากกว่าโจนส์ โดยเฉพาะในด้านการสร้างโอกาสและการทำประตู อย่างไรก็ตาม โจนส์มีความแม่นยำในการจ่ายบอลสูงกว่า ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีใครสักคนสร้างสรรค์ และทำประตูได้พร้อม ๆ กัน  

ปัญหาหลัก ๆ คือ แม้ทั้งสองจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ตำแหน่งหมายเลข 10 ของลิเวอร์พูลยังขาดผู้เล่นที่สามารถสร้างสรรค์เกมได้อย่างต่อเนื่องและมีความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย การขาดผู้เล่นที่มีความสามารถในการทะลุแนวรับหรือสร้างสรรค์โอกาสจากพื้นที่แคบ ทำให้เกมรุกของทีมบางครั้งขาดความหลากหลาย 

เราอยากให้คุณจำสถิติของ โจนส์ และ โซโบสไล ข้างบนไว้ให้ดี ๆ และลองเทียบกับสถิติของ เวียร์ตซ์ ในซีซั่นนี้ ซึ่งคุณจะพบว่า เวียร์ตซ์ เหนือกว่าทั้ง 2 คนทุกด้าน และในบางสถิติ ตัวของ เวียร์ตซ์ คนเดียว ยังมีสถิติเหนือกว่าเบอร์ 10 ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2024-25 รวมกันเสียอีก 

โดยในซีซั่นนี้ เวียร์ตซ์ ยิงไป 10 ประตู ทำไป 11 แอสซิสต์, คีย์พาส ไป 49 ครั้ง (เฉลี่ย 2.31 ครั้งต่อเกม) สร้างโอกาสทอง (Big chance create) 7 ครั้ง, อัตราความแม่นยำในการยิงประตู 69.6% ... นี่คือสถิติที่ เวียร์ตซ์ เหนือกว่าทั้ง 2 คนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนสถิติเดียวที่ด้อยกว่า คือสถิติการผ่านบอลสำเร็จของ เวียร์ตซ์ ซึ่งอยู่ที่ 82.2% 

ถ้าหาก ลิเวอร์พูล ต้องการการทะลุทะลวงพื้นที่สุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องการ เพราะทีมที่เล่นกับ ลิเวอร์พูล มักจะตั้งรับลึกแทบจะเอารถบัสมาจอดอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฟลอเรียน เวียร์ตซ์  จึงมีข่าวจ่อย้ายมาอยู่กับทัพหงส์แดงอย่างหนาหู

แล้วถ้าคุณคิดว่าสถิติเป็นเพียงตัวเลข เราลองไปดูเหตุผลเพิ่มเติมกันอีกดีกว่าว่าทำไม หงส์แดง จึงจ่อจะทำลายสถิติสโมสรด้วยค่าตัวราว 130 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวเพลย์เมคเกอร์ชาวเยอรมันรายนี้มาร่วมทีม ? 

 

พรสวรรค์ของแท้ 

จริงอยู่ที่การเป็นหมายเลข 10 ของ ลิเวอร์พูล นั้นจะต้องทำงานหนักและมีหน้าที่หลากหลายมากกว่าการสร้างเกมรุก แต่บางทีพรสวรรค์ของ เวียร์ตซ์ อาจจะทำให้เขาได้รับสิทธิ์ในการเล่นเกมรุก "มากเป็นพิเศษ" แบบที่ โม ซาลาห์ เคยได้รับ 

ชาบี อลอนโซ่ อดีตกุนซือไร้พ่ายของ เลเวอร์คูเซ่น บอกว่าพรสวรรค์ของ เวียร์ตซ์ ไม่ใช่เรื่องที่ลึกลับซับซ้อน แต่มันคือสิ่งที่นักฟุตบอลคนหนึ่งต้องการมากที่สุดเพื่อจะไปถึงระดับ "นักเตะชั้นยอด" นั่นคือรู้ว่าควรทำอะไรในเวลาไหน "ฟลอเรียนรู้ว่าเมื่อใดควรเล่นง่ายและเมื่อใดควรสร้างสรรค์ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่น” 

โอเค ... เพื่อให้ภาพชัดขึ้น เราอยากให้คุณกลับไปดูประตูที่เขาเพิ่งโหม่งให้กับทีมชาติเยอรมัน ในเกมแพ้ โปรตุเกส ในเนเชั่นส์ ลีก 1-2 เมื่อคืนก่อนนี้ ประตูนั้นแสดงให้เห็นความครบเครื่อง และตัดสินใจได้ดีของเขา ประตูดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 48 เวียร์ตซ์โชว์ความเฉียบคมตั้งแต่ต้นจนจบเริ่มตั้งแต่การชิงบอล การฝากบอล การวิ่งไปยังที่ว่าง และการเข้าทำด้วยการเล่นฟุตบอลจังหวะเดียว 

ประตูนี้เกิดขึ้นจากการที่ เวียร์ตซ์ เก็บบอลหลุดจังหวะพลาดหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายหลอกไปยังคิมมิช และวิ่งต่อโดยไม่มีใครตามประกบ จังหวะนั้นกัปตันทีมจ่ายคืนแบบกึ่งชิพเข้าไปในกรอบ และเวียร์ตซ์ก็ใช้แค่การโหม่งเบา ๆ แต่แม่นยำ พาบอลผ่านมือดิโอโก้ คอสต้าเข้าเสาไกลอย่างนุ่มนวล

นี่คือการยิงประตูแบบที่นักเตะหมายเลข 9 ยังต้องยกนิ้วให้ ฉลาด นิ่มนวล และยากต่อการป้องกัน มันสะท้อนให้เห็นว่า เวียร์ตซ์ มีไพ่อยู่เต็มมือให้เขาดึงออกมาโชว์ ... อันที่จริงถ้าคุณย้อนกลับไปดูประตู และแอสซิสต์ของเขาในซีซั่นที่ผ่านมา คุณก็จะเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาแสดงออกมาไม่ต่างจากประตูกับทีมชาติเยอรมันนี้ เขาทำให้อะไร ๆ ดูง่าย ไม่ต้องล็อกหลบผู้เล่น 2-3 คนเสมอไป 

ซึ่งการจะเล่นง่าย หรือเล่นยากได้ตามจังหวะ มันก็ต้องย้อนกลับไปที่เรื่องพื้นฐานและเบสิคฟุตบอล ซึ่งคนที่พูดถึงเขาแล้วชวนให้น่าคิดตามก็คือ ฮันซี่ ฟลิค อดีตกุนซือทีมชาติเยอรมัน ที่คุม บาร์เซโลน่า ในเวลาที่บอกว่านี่คือนักเตะประเภทที่เป็น "แพ็คเกจครบเครื่อง" โดยเขาบอกว่า "ฟลอเรียน เป็นนักเตะที่มีเทคนิคยอดเยี่ยม ชอบเล่นฟุตบอล มีความสร้างสรรค์ ยิงได้ดี วิ่งเยอะและเร็ว 

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือพรสวรรค์ในการสร้างสรรเกมของเขานี่แหละที่โค้ชแทบทุกคนที่ทำงานร่วมกันกับเขาพูดตรงกันหมด ซึ่งมันชวนคิดว่า ในซีซั่นหน้าที่ ลิเวอร์พูล จะไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะทำให้ลิเวอร์พูลเสีย "คนจ่ายบอลหลัก” ไปหนึ่งคน แต่เวียร์ตซ์คือตัวแทนที่เหมาะสมยิ่งในด้านการสร้างสรรค์เกมจากเท้าสู่เท้า หนึ่งอาวุธหายไป แต่อาวุธใหม่จะเข้ามาแทนที่ 

เวียร์ตซ์คือคนที่คุมเกม เมื่อบอลอยู่กับตัวเขา เขาเลี้ยงบอลได้ลื่นไหล เดินเกมรุกจากแดนตัวเองได้ดี ตัวอย่างเช่นในเกม เยอรมัน กับ โปรตุเกส ล่าสุด จังหวะหนึ่งในครึ่งหลังที่เขาหลุดจากการประกบของ วิตินญ่า และ เนลสัน เซเมโด้ ได้อย่างง่ายดาย ก่อนเปิดบอลที่ทำให้แนวรับโปรตุเกสต้องเร่งตั้งรับ และทำให้นักเตะคนอื่นมีพื้นที่ว่างในการเล่นเกมรุกมากขึ้น

คุณลองนึกสภาพว่า ลิเวอร์พูล มี เวียร์ตซ์ ที่คอยพลิกบอลกลางสนาม ในขณะที่มีตัวรุกอย่าง ซาลาห์ คอยสแตนด์บายในตำแหน่งที่ไม่มีคู่ต่อสู้ขวางทาง ... ความแม่นยำเล่นถูกจังหวะของ เวียร์ตซ์ กับความเฉียบขาดของ ซาลาห์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการมาของ เวียร์ตซ์ จะอัพเกรดเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ได้แน่ ปัญหาเดียวก็คือเรื่องของการปรับตัวเท่านั้น เพราะนี่จะเป็นการย้ายออกต่างแดนครั้งแรกของเขา ทั้งนี้คุณต้องไปดูกันต่อว่าหัวใจของเขานั้นใหญ่แค่ไหน และคาแร็คเตอร์ของเขานั้นเป็นอย่างไร 

 

คาแร็คเตอร์หงส์แดง

ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่บุกดุดัน แย่งบอลหนักหนัก และทุกคนพร้อมจะวิ่งกรูกันเข้าไปอัดคู่แข่ง ถ้าคุณถามว่า เวียร์ตซ์ เป็นแบบนั้นหรือไม่ ? สถิติของเขาในบุนเดสลีกาซีซั่นที่แล้วบอกว่า "แน่นอนที่สุด"

เพราะถึงแม้จะไม่ใช่ผู้เล่นที่เน้นเกมรับโดยตรง แต่เวียร์ตซ์มีสถิติที่น่าสนใจในด้านนี้ในฤดูกาลที่ผ่านมา

การเข้าสกัดบอล (Tackles): 23 ครั้ง (เฉลี่ย 0.66 ครั้งต่อ 90 นาที)

การดวลบอลทั้งหมด: 459 ครั้ง (เฉลี่ย 13.24 ครั้งต่อ 90 นาที)

การดวลบอลชนะ: 200 ครั้ง (เฉลี่ย 5.77 ครั้งต่อ 90 นาที)

การเก็บบอลคืน (Recoveries): 140 ครั้ง (เฉลี่ย 4.04 ครั้งต่อ 90 นาที)

การตัดบอล (Interceptions): 16 ครั้ง (เฉลี่ย 0.46 ครั้งต่อ 90 นาที) 

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เวียร์ตซ์ มีส่วนร่วมในการป้องกันและสามารถช่วยทีมในการแย่งบอลคืนจากคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เวียร์ตซ์ มีความเข้าใจในระบบการเพรสซิ่งอย่างลึกซึ้ง โดยภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ เขาไม่ได้เพียงแค่วิ่งไล่บอลอย่างไร้ทิศทาง แต่มีการเพรสซิ่งที่มีเป้าหมายและจังหวะที่เหมาะสม ผู้เชี่ยวชาญด้านบุนเดสลีกา เควิน แฮทชาร์ด กล่าวถึงเวียร์ตซ์ว่า "เขาเพรสซิ่งอย่างมีเป้าหมาย และเข้าใจจังหวะการเพรสซิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม"

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความขยันและความสามารถในการเคลื่อนที่ของเวียร์ตซ์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเพรสซิ่งและการสร้างโอกาสในเกมรุกซึ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการเป็นผู้เล่นของทีมบ้าเพรสซิ่งอย่าง ลิเวอร์พูล

เหนือสิ่งอื่นใด ลิเวอร์พูล มีความเป็นทีมที่ชัดเจน และไม่มีใครที่มีอีโก้บังตาจนฟุตบอลของพวกเขาเสียระบบส่วนรวมไป ซึ่งจุดนี้ก็ยิ่งน่าสนใจว่าทำไมพวกเขาต้องการ เวียร์ตซ์ ไปร่วมทีม เนื่องจาก ซิมอน โรลเฟส ผู้อำนวยการกีฬาของเลเวอร์คูเซ่น กล่าวถึงเวียร์ตซ์ว่า "เขาไม่มีอีโก้ อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งช่วยสร้างสปิริตและพลังงานพิเศษในทีม” จากคำกล่าวนี้ดูเหมือนเคมีของเขาจะเหมาะสม และไม่แปลกที่เขาปฎิเสธทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ แมนฯ ซิตี้ เพื่อเลือก ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ 

มาถึงตอนจบของบทความนี้ ก็คงต้องยกคำพูดของ แอนดี้ โจนส์ นักวิเคราะห์ของ The Athletic ที่พูดประโยคที่ทำให้แฟนหงส์แดงทุกคนใจชื้นได้ขึ้นมาว่า "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ไม่ได้แค่เป็นอนาคตของทีมชาติเยอรมนี – แต่กำลังจะกลายเป็นหัวใจใหม่ของลิเวอร์พูลยุค อาร์เน่อ ช็ลอต ... เขากำลังจะทำให้ ลิเวอร์พูล ติดปีก และเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้ดีกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน"

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.nytimes.com/athletic/6404089/2025/06/05/florian-wirtz-liverpool-transfer-germany/
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c057vrqp9p1o
https://www.skysports.com/football/news/11095/13378452/florian-wirtz-liverpool-transfer-bayer-leverkusen-forward-only-wants-move-to-premier-league-champions
https://footystats.org/players/germany/florian-wirtz?utm_source=chatgpt.com
https://www.skysports.com/football/news/11095/13141104/xabi-alonso-florian-wirtz-and-bayer-leverkusens-remarkable-season-discussed-by-club-chief-simon-rolfes?utm_source=chatgpt.com
https://thechampionsleague.org/julian-nagelsmann-praises-humble-florian-wirtz/?utm_source=chatgpt.com

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ