เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เลือกเส้นทางใหม่ที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม เพราะหลังจากจบซีซั่น 2024-25 เขาจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ทีมที่ใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล
และที่บอกว่ามันท้าทาย ก็เพราะว่านี่คือสโมสรที่แทบจะไร้ซึ่งความเห็นใจ ไม่มีเรื่องบุญคุณ หรือเด็กถิ่นใด ๆ ทั้งสิ้น การที่คุณจะอยู่ที่นี่และเป็นคนสำคัญของทีมได้มันหมายความว่าคุณคือยอดนักเตะที่ควรค่าแก่การเก็บไว้กับทีมอย่างแท้จริง
ว่ากันว่าเมื่อคุณสวมเสื้อสีขาวของ มาดริด ... ชีวิตค้าแข้งคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และเรื่องนี้เคยเกิดกับเหล่าตัวท็อปพรีเมียร์ลีกที่เป็นรุ่นพี่ของ เทรนท์ มาแล้วทั้งสิ้น
พวกเขาเหล่ารุ่นพี่ และ เทรนท์ จะต้องเจอะไรบ้าง ? ติดตามที่ Main Stand
วัฒนธรรมและภาษา
มีคำพูดอมตะของวงการลูกหนังอยู่ประโยคหนึ่งว่า "ฟุตบอลคือภาษาสากล" แปลความหมายก็คือ ต่อให้คุณจะพูดคุยกันละภาษาแต่คุณก็สามารถเล่นฟุตบอลด้วยกันได้
คำพูดนี้อาจจะถูกแค่ครึ่งเดียวหากคุณวัดจากสถานการณ์จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเตะคนหนึ่งที่ค้าแข้งที่เดิมมาเป็นเวลาสิบ ๆ ต้องย้ายออกไปค้าแข้งในต่างแดน แถมยังเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด เรื่องภาษาและวัฒนธรรมจึงเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก
ในอดีตมีนักเตะจากพรีเมียร์ลีกระดับตัวท็อปหลายคนที่ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด แต่ละคนก็มีวิถีและความสำเร็จที่แตกต่างกันออกไป บางคนสำเร็จมาก บางคนสำเร็จน้อย บางคนถึงขั้นล้มเหลวเลยก็มี ซึ่งทั้งหมดนี้พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากฟุตบอล การปรับตัวด้านภาษาและวัฒนธรรมที่แหละที่ส่งผลโดยตรงกับอาชีพค้าแข้งในประเทศสเปน
คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่าง แกเร็ธ เบล นักเตะที่คว้าแชมป์ยุโรปกับ มาดริด 5 สมัย และเป็นนักเตะจากสหราชอณาจักรที่ยิงประตูในลีกสเปนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ถึงกระนั้น เบล ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนมาดริด มากเท่าที่ควร เหตุผลหลัก ๆ ก็เป็นเพราะเขาไม่รับวัฒนธรรมของทีม และไม่พยายามปรับตัวเข้าหาเพื่อนร่วมทีมมากนัก
เบลเคยยอมรับว่าเขามีปัญหาในการเรียนรู้และสื่อสารภาษาสเปน ซึ่งเป็นอุปสรรคในการปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีมและชีวิตประจำวันในมาดริด แม้เขาจะเรียนภาษา แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถพูดได้คล่องนัก และสื่อสเปนก็มักตั้งข้อสงสัยเรื่องความพยายามของเขาในเรื่องนี้ ทำให้เขากลายเป็นเป้าของสื่อ กับแฟนบอลประจำในยามที่ทีมผลงานไม่ดี
ซึ่งหลายสิ่งเหล่านี้ที่ เบล ได้เจอ ก็ทำให้เขาตั้งกำแพงขึ้นมาขวางตัวเองและเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ เอาไว้ กล่าวคือเขาจะโฟกัสกับฟุตบอลเท่านั้น แต่เขาจะไม่พยายามหาเพื่อน เพราะเขารู้สึกว่า "ไม่เคยได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมทีมอย่างแท้จริง" ... เรื่องของ เบล กับ มาดริด จึงเป็นเรื่องของฟุตบอลล้วน ๆ ไม่มีความสัมพันธ์ซาบซึ้งอะไร หนำซ้ำยังออกแนวหวานอมขมกลืนอีกต่างหาก
เรอัล มาดริด ไม่เคยง้อใคร นักเตะสิต้องง้อพวกเขา ... นี่อาจจะเป็นการสรุปโดยรวมถึงเหตุผลที่ว่าทำไมผู้มาใหม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการปรับตัว ภาษา วัฒนธรรม และการให้ความเคารพความยิ่งใหญ่ของสโมสร และถ้าใครหัวแข็งเกินกว่าจะรับเรื่องนี้ พวกเขาก็จะต้องเจอกับเรื่องยากตามมาแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่ เบล เท่านั้นที่เจอการตอบสนองเช่นนี้ ย้อนกลับไปในซัมเมอร์ปี 1999 นิโกล่าส์ อเนลก้า ยอดดาวยิงจาก อาร์เซน่อล ย้ายมาที่ มาดริด และเจอปัญหานี้เช่นกัน แถมยังหนักกว่าที่ เบล เจอด้วยซ้ำ
"ผมเล่นอยู่ที่นั่นได้เดือนเดียว ผมก็รู้แล้วว่าฝันร้ายกำลังจะเกิดขึ้น ผมเห็นหน้าตัวเองทุกวันในหนังสือพิมพ์ MARCA พวกเขาโจมตีผมทุกครั้งที่ผิดพลาด และผมถูกขังให้อยู่แต่ในบ้านออกไปไหนก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไรในสนามหรือนอกสนาม ผมเป็นคนผิดเสมอ" อเนลก้า กล่าวถึงสิ่งที่เขาต้องเจอ ก่อนที่เขาจะโยนคำถามกลับมาให้นักข่าว ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า
"ไมเคิล โอเว่น ย้ายมาที่นี่ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ? เดวิด เบ็คแฮม มาที่นี่ก็ไม่เห็นจะมีคนหันหลังให้ ? แต่พอกับผมพวกเขาทำเหมือนกับผมไปฆ่าคนตาย ?"
ซึ่งคำถามนี้จะเคลียร์ทันทีหากคุณรู้ว่านักเตะตัวท็อปจากลีกอังกฤษที่มาที่นี่อย่าง เบ็คแฮม, โอเว่น หรือ สตีฟ แม็คมานามาน ต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้การยอมรับแตกต่างจากที่ อเนลก้า เป็น
ทุ่มเท ทุ่มใจ ให้ความเคารพ
หากจะให้ใครสักคนเป็นต้นแบบที่ เทรนท์ ควรทำตามเมื่อย้ายไปอยู่กับ มาดริด คน ๆ นั้นต้องเป็น แม็คมานามาน ที่มีความเหมือน เทรนท์ ในแง่ของที่มาที่ไป เพราะทั้งคู่เป็นสเกาเซอร์พันธุ์แท้ เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ยังเด็ก เป็นขวัญใจของแฟนบอลที่นั่น และที่สำคัญคือเลือกย้ายมา มาดริด เพราะต้องการความท้าทายในระดับที่สูงขึ้นกว่าที่เคยเป็น
แม็คมานามาน ในช่วงเวลานั้นไม่ใช่นักเตะตัวท็อประดับที่เก่งกาจระดับโลกอะไร แต่เขาเลือกมา มาดริด หลังหมดสัญญาด้วยกฎบอสแมน ซึ่งเจ้าตัวรู้ว่าของจริงจะเริ่มนับตั้งแต่การย้ายทีมเสร็จสมบูรณ์
แม็คมานามาน ยอมรับว่า การเรียนรู้ภาษาสเปนเป็นเรื่องยากในช่วงแรก แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ และบอกว่า “การเข้าใจวัฒนธรรมและเคารพมัน” เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เขาได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล โดยเจ้าตัวเล่าว่าตนเองก็ยังแปลกใจที่สามารถปรับตัวเข้าหาทีมได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นนักเตะที่เข้ากับคนอื่น ๆ ในทีมได้เป็นอย่างดี
โดยสื่ออย่าง MARCA เคยเขียนถึงสถานะของ แม็คก้า ว่า "แม็คมานามานเป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในทีมเรอัล มาดริด" ขณะที่เจ้าตัวก็ยืนยันด้วยตัวเองในภายหลังว่าสาเหตุที่เขาทำเช่นนี้ได้ก็เพราะว่าเขาเริ่มนับ 1 ใหม่ทั้งหมดที่สเปน ละทิ้งทิฐิทุกอย่างที่เคยมี และใส่สุดตัวเพื่อแย่งชิงโอกาสลงสนาม เขาไม่เคยเทียบตัวเองกับนักเตะอย่าง หลุยส์ ฟิโก้ หรือ ราอูล กอนซาเลซ แต่เขาเลือกที่จะแสดงความกระหายเหมือนกับดาวรุ่งคนอื่น ๆ ในทีม
“ผมไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์อย่างฟิโก้หรือราอูล ผมทำงานหนัก เงียบ ๆ และนั่นแหละคือเหตุผลที่พวกเขายอมรับผม ... และในตอนจบของผมกับ มาดริด ผมสามารถพูดได้ว่ามันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตผม" แม็คก้า ผู้คว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัยกับ มาดริด ในปี 2000 และปี 2002 ยืนยันเรื่องนี้
ขณะที่อีกคนที่มีความคล้าย ๆ กับ เทรนท์ ในแง่ของการได้รับความคาดหวังจากแฟนบอลว่าจะเข้ามาสร้างความแตกต่าง และเป็นอาวุธใหม่ให้กับทีมได้ก็คือ เดวิด เบ็คแฮม ที่ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ มาดริด ในซัมเมอร์ปี 2003 โดย เบ็คแฮม ที่มาในฐานะสตาร์เบอร์ 1 และกัปตันทีมชาติอังกฤษ ก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่ที่นี่เช่นกัน
ในช่วงแรก เบ็คแฮม ประสบปัญหาในการสื่อสารเนื่องจากเขาไม่สามารถพูดภาษาสเปนได้ ทำให้การปรับตัวทั้งในและนอกสนามเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม เขาได้พยายามเรียนรู้ และในที่สุดก็สามารถให้สัมภาษณ์เป็นภาษาสเปนได้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2004 ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ จากคนที่เพื่อนร่วมทีมระดับดาราอย่าง ซีเนดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้,โรแบร์โต้ คาร์ลอส ไม่พูดคุยด้วย แถมยังมักเป็น "ตัวโดน" ที่เพื่อน ๆ มักจะหัวเราะเรื่องทักษะพื้นฐานในสนามซ้อมของ เบ็คแฮม ที่ต้องยอมรับว่าเป็นรองเหล่านักเตะระดับสตาร์ที่เอ่ยชื่อมาจริง ๆ
ทว่าไม่นานนัก หลังจาก เบ็คแฮม พูดคุย ใช้สภาษาสเปนได้คล่องแคล่ว เขาก็เริ่มพัฒนาตัวเองในสนามซ้อม และเอาชนะใจทุกคนได้ และสุดท้ายเขากลายเป็นกุญแจสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา ในปี 2007 แถมยังกลายเป็นเพื่อนซี้กับนักเตะร่วมรุ่นอย่าง ซีดาน, โรนัลโด้ และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส จนกระทั่งทุกวันนี้ที่เขาอายุ 50 ปีแล้วก็ตาม
"แม้ว่าทุกคนจะเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ในห้องแต่งตัว ทุกคนถ่อมตัวและให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เราเป็นทีมที่แน่นแฟ้นมาก" เบ็คแฮม กล่าวถึงตอนจบหลังจากเขาพยายามเพื่อจะเป็นส่วนสำคัญของทีม ๆ นี้
ปรับตัวได้คุณจะกลายเป็นสุดยอด
อ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะคิดว่า มาดริด พิเศษตรงไหน ทำไมถึงกลายเป็นทีมที่นักเตะทุกคนต้องยอมลดอีโก้และให้ความเคารพแทบทุกอย่างที่เกียวข้องกับทีม ๆ นี้แม้กระทั่งแฟนบอล ?
คำตอบที่เหมาะสมของเรื่องนี้แบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ถ้านี่คือเกมสักเกมหนึ่ง เรอัล มาดริด เป็นด่านสุดท้ายที่ถ้าคุณก้าวผ่านไปได้ด้วยความสำเร็จ คุณก็สามารถจบอาชีพนักเตะแบบที่ไม่มีอะไรติดค้างเลย คุณจะกลายเป็นนักเตะที่ถูกยกขึ้นหิ้งไปโดยปริยาย เพราะคุณได้ผ่านบททดสอบในงานที่ว่ากันว่า “กดดันที่สุดในวงการฟุตบอล”
เรอัล มาดริด คือหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีฐานแฟนบอลทั่วโลก ความสำเร็จในอดีตสร้างมาตรฐานสูงลิ่วที่นักเตะทุกคนต้องรักษาไว้
นอกจากนี้ ที่ เรอัล มาดริด การชนะอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม การเล่นดีแต่ไม่ชนะอาจโดนวิจารณ์หนักพอ ๆ กับการเล่นแย่แม้คว้าชัย นักเตะถูกคาดหวังให้คว้าแชมป์ทั้งในประเทศและระดับยุโรปทุกปี และรวมถึงเรื่องสื่อกับแฟนบอลดังที่กล่าวเอาไว้ในข้างต้น เรียกได้ว่าคุณอยู่สโมสรนี้ไม่ได้หากคุณไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงเอาไว้จนตลอดรอดฝั่ง
"ความยากไม่ใช่การมาอยู่ที่นี่ แต่คือการอยู่ให้นาน และรักษาระดับให้สูงตลอดเวลา" คำพูดของ โทนี่ โครส ตอบคำถามนี้ได้อย่างเฉียบขาด
การถูกบีบให้ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และมีฟอร์มการเล่นที่ดีที่ทุก ๆ เกม ทำให้นักเตะหลายคนมีช่วงเวลาที่พีกและประสบความสำเร็จที่สุดมากที่สุด แม้กระทั่งยอดนักเตะแห่งยุคอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ยังยอมรับว่าแม้ตอนที่เขาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้รับคำชื่นชมแค่ไหน แต่ร่างที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา ก็คือตอนที่เขาเล่นให้กับ เรอัล มาดริด นี่แหละ เพราะช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเรอัล มาดริด (2009–2018) เป็นช่วงที่เขาเติบโตที่สุดในด้านอาชีพ เขากล่าวว่าเขาได้พัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และการทำประตู เพราะเขาต้องแข่งขันกับนักเตะระดับโลกทุกวัน
“การได้เล่นให้ เรอัล มาดริด เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตค้าแข้งของผม ผมจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาเหล่านั้น” นี่คือคำกล่าวโดยสรุปของ โรนัลโด้ ที่อาจจะทำให้คุณเข้าใจ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มากขึ้น ว่า เพื่อการเป็นนักเตะที่ดียิ่งกว่าเดิม ทำไมเขาจึงต้องย้ายมา เรอัล มาดริด แบบฟรี ๆ ซึ่งเป็นการสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับแฟนบอล ลิเวอร์พูล ที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเขา
เพื่อจะกลายเป็นแบ็กขวาหมายเลข 1 ของโลก เทรนท์ จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ... เรอัล มาดริด จะเป็นบันไดก้าวสุดท้ายที่จะทำให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก้าวไปถึงระดับเวิลด์คลาสโดยไร้ข้อครหาอย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c2lj51gnl8jo
https://talksport.com/football/3050780/trent-alexander-arnold-real-madrid-jude-bellingham-kylian-mbappe/
https://www.goal.com/en/lists/trent-alexander-arnold-right-call-joining-real-madrid-liverpool-more-primed-success-homegrown-right-back-regret-quitting-arne-slot-project/blt53520828b88d7427
https://www.theguardian.com/football/2025/may/05/trent-alexander-arnold-bids-liverpool-farewell
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c4g3e60321po