Feature

คาร์โล อันเชล็อตติ : กุนซือที่ทีมอื่นอยากได้ แต่ มาดริด อยากไล่ออก ? | Main Stand

การแพ้ 2 เกมติดกัน กับ บาเลนเซีย และ อาร์เซน่อล ทำให้สำนักข่าวในสเปนแทบทุกเจ้า กระพือเรื่องการเสี่ยงจะโดนไล่ออกของ คาร์โล อันเชล็อตติ ยอดกุนซือชาวอิตาเลียนของ เรอัล มาดริด

 


"ดอน คาร์โล" ถือเป็นกุนซือที่พาราชันชุดขาวกวาดความสำเร็จมากมาย และจัดการทีมได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด และเชื่อว่าทีมไหนที่ต้องการโค้ชฝีมือดีต่างก็ต้องการเขาทั้งนั้นหากมีโอกาส 

อย่างไรก็ตาม แค่แพ้ 2 นัดกับ มาดริด ทำไมมันจึงดูเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และมันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเดียวจริงหรือไม่ ? ทำไม มาดริด จึงอยากเอาเขาออก แม้จะมีสัญญาเหลืออยู่ถึงกลางปี 2026 ? 

ติดตามที่ Main Stand

 

เริ่มที่ปัจจุบัน 

ป่วยการที่จะไล่เรียงอดีตความยิ่งใหญ่และความสำเร็จที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ทำไว้ให้กับ เรอัล มาดริด ในช่วงที่เขารับตำแหน่งกุนซือทั้ง 2 รอบ เพราะทุกคนต่างรู้และเห็นกันดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในยุคสมัยของเขาที่ผ่านมาไม่นานนัก ดังนั้นเราจึงข้ามมาที่ปัจจุบันและดูเหตุผลที่ว่าทำไม เรอัล มาดริด จึงอยากจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง ?

มองในมุมมองของแฟนบอลภายนอกที่ไม่ได้ติดตาม เรอัล มาดริด ทุกเกม เชื่อว่าหลายคนก็คงจะแปลกใจกับเรื่องนี้เพราะ 1-2 เดือนก่อน มาดริด ยังเป็นทีมที่นำจ่าฝูง ลา ลีกา สเปน อีกทั้งยังเพิ่งเขี่ย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตกรอบน็อกเอาต์เพลย์ออฟของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบสบาย ๆ แสดงให้เห็นถึงความเป็นเจ้าฟุตบอลถ้วยยุโรปตัวจริงอยู่เลย

ในช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าคำชมจากสื่อเกิดขึ้นมากมาย แต่ในมุมมองของแฟน เรอัล มาดริด ตามโซเชี่ยลมีเดีย หรือแฟนไซต์ต่าง ๆ เริ่มวิจารณ์การเล่นของทีมชุดปัจจุบันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะวิธีการเล่นของทีมที่ อันเชล็อตติ เป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้ รวมไปถึงนักเตะที่เคยเป็น เดอะ แบก หลาย ๆ คน อาทิ วินิซิอุส จูเนียร์ ก็โดนวิจารณ์ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องทัศนติการเล่น 

หลัก ๆ แล้ว คำวิจารณ์ของวิธีการเล่น คือเรื่องของความเข้มข้นในแง่ของความเป็นทีมที่หายไป ไม่ต้องย้อนไปไกล หากเทียบกับในฤดูกาล 2023-24 ที่พวกคว้าแชมป์ลีกกับแชมป์ยุโรป ถือว่าทีมมีวิธีการเล่นที่แตกต่างออกไป ตรงที่ความสมดุลที่เคยมี เอนเอียงไปอยู่ด้านการพึ่งความสามารถเฉพาะตัวมากกว่า

เพื่อให้เห็นภาพ เราจะลองยกบทความของเว็บไซต์ The Real Champs ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดรวมตัวของแฟน มาดริด ทั่วโลก ที่พูดถึงว่า เรอัล มาดริด ชุดนี้แข็งแกร่งบนหน้ากระดาษจากชื่อชั้นของผู้เล่น แต่กลับสูญเสียสิ่งที่พวกเขาแข็งแกร่งมาโดยตลอด นั่นก็คือวิธีการที่ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่เมื่อเจอแมตช์ใหญ่ ๆ เจอเกมระดับชี้เป็นชี้ตาย พวกเขาสามารถเล่นได้อย่างแข็งแกร่งทั้งในหลายรูปแบบ จะให้รุกเร้าเอาประตูก็ทำได้ จะให้ตั้งรับเข้ม ๆ แล้วสวนกลับแม่น ๆ ก็ไม่มีปัญหา ทำให้ได้ชัยชนะมาหลายต่อหลายหน ... ซึ่งในปีนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  

"เรอัล มาดริด เป็นทีมที่อ่อนลงในเชิงแท็คติก รูปแบบการเล่น และทัศนคติโดยรวม ในเกมกับ อาร์เซน่อล เราได้เห็นสิ่งนี้ชัดมากที่สุด เพราะ เรอัล มาดริด มี 11 ตัวจริงที่ดูดีกว่า อาร์เซน่อล มาก ๆ แต่เมื่อลงสนาม ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กลับมีระยะวิ่งโดยรวมมากถึง 113 กิโลเมตร แต่ลูกทีมของ อันเชล็อตติ กลับวิ่งรวมกันแค่ 101 กิโลเมตร ... ระยะความต่างเกือบ 13 กิโลเมตร คือสิ่งที่ไม่เคยขึ้นมาก่อนในทีมชุดคว้าแชมป์ยุโรปชุดก่อน ๆ หน้านี้"

เมื่อแยกย่อยมาดูเกมบิ๊กแมตช์ของ เรอัล มาดริด ในซีซั่น 2024-25 ไปทั้งหมด 14 เกม ได้แก่ เจอ แอตฯ มาดริด 4 เกม (ลา ลีกา กับ แชมเปี้ยนส์ ลีก), เจอ แมนฯ ซิตี้, อตาลันต้า (ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก) และ บาร์เซโลน่า ทีมละ 2 เกม นอกจากนี้ยังมี ลิเวอร์พูล, มิลาน และ อาร์เซน่อล อีกทีมละ 1 เกม 

จากจำนวนทั้งหมด 14 เกม มาดริด ชนะไป 5 เสมอ 2 และแพ้ไป 7 เกม ... เป็นค่าเฉลี่ยที่ดูแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายจนน่าวิตกกังวล แต่กับทีมที่เป็นราชาบิ๊กเกมอย่าง มาดริด สิ่งนี้แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

เรื่องดังกล่าวชวนคิดไปถึงเรื่องของวัฏจักรของโลกฟุตบอลที่วนมาถึงรอบแล้ว เรอัล มาดริด อยู่บนคอนมาตลอดหลายปี และเมื่อถึงเวลาผลัดใบ หากไม่เตรียมพร้อมให้ดี ความต่อเนื่องที่เคยทำได้ก็จะหายไป และการสะดุดจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนคนนอกเห็นและสัมผัสได้ 

 

การผลัดใบที่สมควรแก่เวลา

อันที่จริง ข่าวที่ อันเชล็อตติ จะโดนปลด มีหลุดออกมาจากสื่อสเปนที่ถือเป็นสื่อฝั่งมาดริด อย่าง AS และ MARCA มาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2024 แล้ว เหตุผลก็คือเรื่องของวิธีการ ความหย่อนยานในเชิงแท็คติก และความจำเจตามที่ได้กล่าวข้างต้น ซึ่งในช่วงที่มีข่าวนั้น มาดริด ก็แพ้ให้กับทั้ง บาร์เซโลน่า คู่ปรับตัวฉกาจ แถมยังแพ้ เอซี มิลาน ในเกมยุโรปอีกด้วย 

ที่ย้อนความก็เพราะว่า กระแสการปลด อันเชล็อตติ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นทันทีหลังการแพ้ อาร์เซน่อล อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ เพราะวัฏจักรฟุตบอลเดินทางมาถึงรอบของมันแล้ว อันเชล็อตติ พาทีมชุดนี้สร้างความยิ่งใหญ่ ด้วยขุมกำลังที่เริ่มถดถอย ย้ายออก และแขวนสตั๊ด ออกไปหลายคนแล้ว นักเตะที่ชุดครองโลกของเขาไล่เรียงมาตั้งแต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาเอล วาราน, มาร์เซโล่, โทนี่ โครส ได้จากไป และมีนักเตะชุดใหม่หลายคนเข้ามาแทนที่ มันแสดงให้เห็นว่า ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มีเวลาที่ต้องแยกย้าย ไม่มีข้อแม้สำหรับยอดโค้ชอย่าง อันเชล็อตติ เองด้วย 

ยิ่ง ณ เวลานี้ แผลใหญ่ดันมาเปิดถูกช่วงเวลา ข่าวก็โหมสะพัดไปตามระเบียบ มาดริด ตามหลัง บาร์ซ่า 4 แต้มในลีก แพ้ อาร์เซน่อล 0-3 ในเกม ยูซีแอล รอบ 8 ทีม เลกแรก และยังต้องไปชิงชนะเลิศกับ บาร์เซโลน่า ใน โคปา เดล เรย์ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ 

ดูเหมือนว่า เรอัล มาดริด ต้องการเปลี่ยนถ่ายผลัดใบสู่ยุคใหม่หลังจากที่ อันเช่ พาทีมไปถึงจุดที่ "ชนเพดาน" หรือการแตะจุดสูงสุดไปแล้ว ที่เหลือจึงเป็นการต้องเปลี่ยนเอาคนที่มีวิธีการและแนวคิดใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งเป็นที่มาของการตีข่าวตลอดเวลาว่า ชาบี อลอนโซ่ กุนซือของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้แต่งตัวรอ มาดริด ตั้งแต่ซัมเมอร์ 2024 หลังจากที่ อันเช่ พา มาดริด คว้าแชมป์ยุโรป และได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองว่าเขา "ยังไม่ตัน" ไปอีก 1 ซีซั่น ซึ่งลากยาวมาจนถึงตอนนี้ คำตอบเริ่มจะชัดอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าการชนเพดานมาถึง และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด หลายสำนักข่าวก็ประโคมว่า อลอนโซ่ มาแน่ในช่วงซัมเมอร์ ไม่ว่า อันเช่ จะพา มาดริด จบซีซั่นนี้ที่ตรงไหนก็ตาม 

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร มาดริด เป็นเช่นนั้นมาเสมอ ถ้ายังจำกันได้ย้อนกลับไปในปี 2018 ที่ ซีเนดีน ซีดาน ลาออก หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัยติดต่อกัน และแชมป์ ลา ลีกา อีก 2 สมัย ซีดาน ก็ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมตัดสินใจอำลา เรอัล มาดริด เพราะหลังจากสองปีครึ่งกับชัยชนะมากมายและคว้าแชมป์ได้หลายรายการ ผมรู้สึกว่าทีมจำเป็นต้องมีวิธีการใหม่เพื่อรักษาระดับให้อยู่ในจุดสูงสุดต่อไป"

คำพูดของ ซีดาน ในวันนั้น สะท้อนถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับข่าวการปลด อันเชล็อตติ ในตอนนี้ และนี่คือความกดดันของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด ผู้ไม่เคยยอมรับความล้มเหลวได้

 

ขึ้นชื่อว่า มาดริด 

ไม่ใช่แค่นักเตะ และโค้ชเท่านั้น แม้แต่ประธานสโมสร ก็เป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ตลอด เมื่อถึงเวลาก็ต้องลงจากตำแหน่งผ่านการเลือกตั้งเช่นกัน สิ่งนี้เป็นมาตรฐานของ เรอัล ที่พิสูจน์มาแล้วด้วยตัวของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรคนปัจจุบัน

เปเรซ เองก็เคยพาทีมสู่ขาลงจนต้องลาออกจากตำแหน่งในปี 2006 ก่อน รามอน กัลเดร่อน จะชนะการเลือกเข้า เข้ามารับงานต่อ พร้อมนโยบายขายฝันเรื่องการพาทีมกลับมาทวงแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 มาครองให้ได้ 

ทว่า กัลเดร่อน ก็ทำไม่สำเร็จระยะเวลา 4 ปีที่เขาอยู่ในอำนาจ ทีมก็ถอยตกต่ำลงจนทำให้ในการเลือกตั้งสมัยต่อมาในปี 2009 เปเรซ ที่บอกว่า "ผมได้กลับไปทบทวนตัวเองตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และได้พบแนวคิด วิธีการ รวมถึงสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อพาสโมสรนี้ไปให้ไกลยิ่งกว่า" ก็ได้รับการโหวตให้เป็นผู้ชนะ 

ในวันกล่าวเปิดตัวรับตำแหน่ง เปเรซ ปลุกใจทุกคนในสโมสรด้วยคำกล่าวที่บอกว่า "ผมจะไม่มีวันหยุด หากเราไม่สามารถพิชิต ลา เดซิมา (แชมป์ยุโรปสมัยที่ 10) ได้" เสียงเฮกึกก้อง และโมเดลบริหารฉบับ เปเรซ ครั้งใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น และอย่างที่เราหลายคนรู้ ความสำเร็จมากมายเกิดขึ้นหลังจากนั้น ส่วนคนที่พาทีมคว้า ลา เดซิม่า ที่รอคอยได้ในปี 2014 ก็ไม่ใช่ใคร คาร์โล อันเชล็อตติ นี่แหละ

ที่เท้าความมานี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า มาดริด จะเปลี่ยนแปลงเสมอเมื่อพวกเขารู้สึกว่าทีมต้องการอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากชุดความคิดและวิธีการเดิม ๆ หลังจากนั้นเราได้เห็นการเปลี่ยนเข้ามาของ ซีดาน ของ อันเช่ ที่สลับกันเข้ามารับงานคนละ 2 รอบ มันยิ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ว่าโค้ชของพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนเก่ง แต่พวกเขาเชื่อในวัฏจักรของฟุตบอล ที่ต้องเดินหน้าตลอด ไม่สามารถย่ำอยู่กับที่ได้ 

และตอนนี้พวกเขากำลังคิดว่าต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ต่อให้ อันเชล็อตติ จะสามารถพาทีมคัมแบ็กกลับมาคว้าแชมป์ได้แบบที่เขาเคยทำก็ตาม ... เพราะเวลาได้ทำหน้าที่ของมัน เช่นเดียวกับสโมสรแห่งนี้ที่มีแนวคิดที่ไม่เหมือนใครและอยากจะเดินหน้านำทีมอื่นเสมอ  

ด้วยเหตุผลมากมายที่กล่าวมา จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมโคตรโค้ชระดับ SSS อย่าง ดอน คาร์โล จึงอาจจะถูกไล่ออกได้ แม้สร้างความสำเร็จไว้ขนาดนี้

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.football365.com/news/liverpool-jurgen-klopp-next-real-madrid-boss-carlo-ancelotti-exit-coming
https://therealchamps.com/the-biggest-reason-why-real-madrid-must-sack-carlo-ancelotti-this-season
https://www.goal.com/en/lists/carlo-ancelotti-sacked-real-madrid-valencia-arsenal-defeats-miracle-replacement-manager/blt045c9bd1e9476aa6#csf8aa192b789e7eda
https://www.nytimes.com/athletic/5522005/2024/05/29/real-madrid-champions-league-final-la-decima/
https://www.nytimes.com/athletic/4985671/2023/10/26/real-madrid-florentino-perez-la-liga/
https://www.theguardian.com/football/2006/jul/03/europeanfootball.realmadrid

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ