ดีแคลน ไรซ์ ไม่เคยยิงฟรีคิกเข้าประตูมาก่อนเลยตลอดอาชีพค้าแข้ง แต่ครั้งแรกและครั้งที่สองของเขาดันเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่นาที และเป็นลูกยิงที่สวยงามอย่างที่สุดจนถูกพาดหัวข่าวว่า “เบ็คแคลน ไรซ์” เพื่อล้อกับเจ้าพ่อลูกนิ่งอย่าง “เดวิด เบ็คแฮม”
นี่ไม่ใช่เรื่องฟลุกหรือแค่ลองยิงแล้วเข้าเลย เพราะการวางเท้าแบบนี้มีที่มาและเป็นวิชาที่เขาซุ่มซ้อมมานานพอสมควร
ติดตามเรื่องลูกยิงของไรซ์แบบเต็ม ๆ กับ Main Stand
ทำทีละอย่าง
การโฟกัสทีละอย่าง พัฒนาตัวเองทีละจุดทีละด้าน คือสิ่งที่ ดีแคลน ไรซ์ เป็นมาเสมอตั้งแต่วัยเยาว์
อย่างที่หลายคนเคยได้รู้ ไรซ์ นั้นไม่ใช่นักเตะพรสวรรค์ที่ดังตั้งแต่ยังเด็กหรือมีชื่อเสียงคับประเทศเท่ากับดาวรุ่งตัวท็อปอีกหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในช่วงตั้งไข่ เขาเคยถูก เชลซี คัดทิ้ง เพราะพัฒนาการทางฝีเท้าที่น้อยเกินไป รวมถึงศักยภาพด้านร่างกายที่ตัวใหญ่แต่ไม่คล่องแคล่วและเทอะทะ นั่นจึงทำให้ เชลซี ไม่ต่อสัญญา และเจ้าตัวก็ย้ายไปอยู่กับ เวสต์แฮม พร้อมกับโดนปรับตำแหน่งจากกองกลางให้ไปเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก เพราะปัญหาความคล่องตัวที่ดีไม่พอจะเล่นเป็นจอมทัพ
เมื่อไม่ได้มากพรสวรรค์ ก็ต้องเติมพรแสวง ไรซ์ ถูกสอนให้หาจุดอ่อนให้ตัวเองให้เจอ และพัฒนาจุดอ่อนตัวเองแต่ละจุด ซึ่งไม่นานนัก หลังจากขึ้นมาเล่นให้กับ เวสต์แฮม ชุดใหญ่ ร่างกายเขาก็ถูกพัฒนาขึ้นด้วยการเข้ายิมและกินอาหารที่เหมาะกับโครงสร้างร่างกายของตัวเอง ซึ่งทำให้เขาแก้ไขปัญหาความคล่องแคล่วว่องไวได้ จนสุดท้ายไม่นานนักเขาก็ได้กลับมาประจำการเป็นตำแหน่งกองกลางตัวรับอีกครั้ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวบอกว่าถนัดที่สุดในเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ในระดับพรีเมียร์ลีก แค่คุณเร็วและดุดันอย่างเดียวมันก็ยังไม่พอสำหรับตำแหน่งกองกลางที่เป็นผู้บัญชาเกม ไรซ์ เองก็โดนวิจารณ์หลายครั้ง ต่อให้ร่างกายเขาจะดีขึ้น โดยในช่วงต้นปี 2023 รอย คีน ตำนานกองกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็หล่นวาทะที่น่าสนใจ ด้วยการบอกว่า ไรซ์ ยังห่างไกลจากคำว่ายอดมิดฟิลด์แม้จะเริ่มสร้างชื่อขึ้นมาแล้ว เหตุผลสำคัญคือเขาทำอะไรได้น้อยเกินไป กล่าวคือ ไรซ์ ดีแค่เกมรับเท่านั้น และนั่นไม่ดีพอที่จะทำให้เขาเล่นในระดับสูงหรือกับทีมที่ใหญ่กว่านั้น
คีน กล่าวว่า "ผู้คนเริ่มพูดถึง ดีแคลน ไรซ์ มากมายเกี่ยวกับเรื่องความเด็ดเดี่ยวที่ทำให้เขาได้เป็นผู้นำของ เวสต์แฮม หรือแม้กระทั่งค่าตัวของเขาที่เริ่มมีการพูดถึงว่าราคามันอาจจะเว่อร์วังถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งตัวของผมไม่เห็นด้วย และคิดว่าเขายังคงห่างไกลกับราคาขนาดนั้นจากคุณภาพที่เขามี"
"เมื่อคุณเป็นกองกลางในฟุตบอลยุคใหม่ คุณต้องทำอะไรให้ได้มากกว่านี้ ไรซ์ จะต้องทำหน้าที่ให้หนักขึ้น ตอนนี้ผมว่าเขายิงประตูก็ไม่ได้ แอสซิสต์ให้เพื่อนก็ไม่ดี นั่นแหละที่ผมเห็น" ตำนานระดับพรีเมียร์ลีกทิ้งท้าย
ไรซ์ ไม่ได้ตอบโต้ คีน ด้วยตัวเองในเวลานั้น แต่คนที่ออกปากแทนคือ เดวิด มอยส์ กุนซือของ เวสต์แฮม เผยถึงข้อมูลออกมาเป็นนัย ๆ ว่า ไรซ์ กำลังอยู่บนเส้นทางการพัฒนาตัวเองหลายด้านตามที่ คีน บอก แม้ว่าตอนนี้เขาจะยิงประตูได้ไม่มาก แต่ถ้า คีน เห็นการซ้อมของ ไรซ์ เขาเชื่อว่า คีน จะไม่คิดแบบนั้น เพราะเขาจะได้เห็นว่า ไรซ์ อยู่ในระดับที่ใกล้จะแตะคำว่า "ยอดมิดฟิลด์" ที่สามารถเล่นในเกมระดับสูงได้อย่างแน่นอน
มอยส์ อาจจะตอบโต้ด้วยการสัมภาษณ์ แต่ ไรซ์ ใช้เวลาตอบโต้คำวิจารณ์กลับด้วยผลงาน ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ไรซ์ พา เวสต์แฮม คว้าแชมป์ ยูฟ่า คอนเฟอร์เรนซ์ ลีก อันเป็นแชมป์เมเจอร์แรกของสโมสรในรอบ 43 ปี และในซีซั่น 2022-23 เขายิงให้ทีมไปทั้งหมด 5 ลูก แอสซิสต์ไปอีก 4 ครั้ง มากที่สุดในอาชีพของเขา ณ เวลานั้น ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวทำให้เขาได้ย้ายไป อาร์เซน่อล ด้วยราคา 105 ล้านปอนด์ และเป็นราคานักเตะอังกฤษที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์จนถึงเวลานี้
"ไรซ์ ย้ายไป อาร์เซน่อล ทำให้ผมนึกถึงภาพวันที่ รอย คีน ย้ายออกจาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไป แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวสถิติพรีเมียร์ลีกเลย วิธีการเล่นของเขาชวนให้ผมนึกถึง คีน ในวัยหนุ่ม ที่มีศักยภาพมากเกินกว่าต้นสังกัด เขาจำเป็นต้องย้ายออกเพื่อเป็นนักเตะที่ดีขึ้นยิ่งกว่านี้" แดเนียล เทย์เลอร์ สรุปความสามารถของ ไรซ์ ในซีซั่นนั้น ซึ่งถ้าใครเกิดทันดู รอย คีน เล่น คุณก็น่าจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด
กองกลางระดับสูง...ต้องไปต่อ
ไรซ์ เกิดและโด่งดังกับ เวสต์แฮม ในตำแหน่งกองกลางหมายเลข 6 หรือบทบาทตัวรับยืนอยู่หน้ากองหลัง และทำได้ดีมาก ๆ ตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้นทั้งกับ เวสต์แฮม และทีมชาติอังกฤษ แต่เมื่อมา อาร์เซน่อล ความยอดเยี่ยมของเขาเพิ่มไปอีกระดับ ลูกยิงและแอสซิสต์ที่มีคนเคยถามหา รวมถึงการเป็นห้องเครื่องที่ต้องเล่นเกมรุกและรับหนักพอ ๆ กัน ได้ถูกสร้างขึ้นที่ อาร์เซน่อล
ต้องชมความตาแหลมของทีมวิเคราะห์ของ อาร์เซน่อล และ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีมที่เห็นแววของ ไรซ์ และจับเปลี่ยนตำแหน่งจากเบอร์ 6 ขึ้นมาเป็นเบอร์ 8 หลังจากย้ายมา อาร์เซน่อล ไม่นานนัก เขาก็ทำให้เห็นว่าการเป็นคนโฟกัสที่การแก้จุดอ่อนทีละอย่างของเขา ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนบทบาทได้อย่างแนบเนียน หนำซ้ำจะโดดเด่นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
"ดีแคลน ไรซ์ สร้างมูลค่าให้ตัวเองเพิ่มจากการเป็นนักเตะที่เราเคยคิดว่าเขามาตฐานสูงแค่ในการเล่นเกมรับ แต่ตอนนี้เขาทำอะไรได้มากมายในตำแหน่งมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ คุณมองข้ามเขาตอนเล่นเกมรุกไม่ได้อีกแล้ว การขึ้นไปเล่นในแดนสุดท้ายกลายเป็นจุดเด่นของเขาขึ้นมาทั้งการยิงและการแอสซิสต์ ผมคิดว่าเขาต้องทุ่มฝึกซ้อมอย่างหนักกว่าจะพัฒนามาถึงจุดนี้ในเวลาอันรวดเร็ว" เอียน ไรท์ ตำนานดาวยิง อาร์เซน่อล ว่าไว้ และแน่นอนว่าคงไม่มีใครเถียงสิ่งที่เขาพูดกับผลงานในปีแรก และปีที่สองของ ไรซ์ กับ อาร์เซน่อล
อย่างไรก็ตาม นั่นก็ยังไม่พอสำหรับ ไรซ์ ดูเหมือนว่าการแก้ไขส่วนต่าง ๆ ของเขามีต่อไปเสมอ เมื่อเขาแก้อย่างหนึ่งเสร็จ เขาก็จะมองหาส่วนต่อไปเพื่อยกระดับอีก และสุดท้ายมันก็วนมาถึงจุดที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในอาชีพนั่นก็คือการเป็น "มือเตะลูกนิ่ง"
เดิมทีด้วยความสูงใหญ่และเป็นกองหลังเก่า ไรซ์ มักจะถูกให้รับบทบาทตัวที่เข้าไปยืนลุ้นประตูในเขตโทษเวลาที่ทีมได้เล่นลูกตั้งเตะมากกว่า ยืนยันได้จากสถิติการยิงประตูและแอสซิสต์ของเขาตลอดค้าแข้ง ที่ไม่ได้มาจากลูกตั้งเตะเลยแม้แต่ลูกเดียวนับตั้งแต่อยู่กับ เวสต์แฮม
จุดเปลี่ยนเรื่องนี้เกิดขึ้นในแคมป์หนีหนาวเมื่อปี 2024 ที่ นักเตะอาร์เซน่อลใช้ช่วงเบรก 2 สัปดาห์ไปเก็บตัวที่ดูไบ และหลังจากนั้นกลับมา พวกเขาก็กลายเป็นทีมที่เล่นลูกเซ็ตพีซได้อันตรายที่สุดในเกาะอังกฤษ ที่สำคัญ ดีแคลน ไรซ์ มีส่วนสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
มิเกล อาร์เตต้า พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ดีแคลน ต้องการจะเป็นภัยคุกคามในการเล่นลูกตั้งเตะมากกว่าแค่การเป็นตัวโหม่งในกรอบเขตโทษ เขาต้องการทำได้จากทุกระยะ และโดยตำแหน่ง มันสำคัญมากที่เขาจะต้องคุกคามคู่แข่งจากนอกเขตโทษให้ได้ด้วย"
"เราพบว่าเขาเป็นคนที่มีทักษะการผ่านบอลที่ดีมาก ๆ ดังนั้นการมีเขาอยู่จะทำให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นลูกตั้งเตะได้อย่างสูงสุด เรามีผู้เล่นที่พร้อมเล่นในกรอบมากมายอยู่แล้ว และการฝึกซ้อมลูกตั้งเตะของเขาก็แสดงผลออกมาอย่างยอดเยี่ยม"
ถ้าจะให้เครดิตกับใครในเรื่องนี้ ก็ต้องมอบให้กับทุกส่วน ไม่ใช่ ไรซ์ และ อาร์เตต้า เท่านั้น นิโคลัส โจเวอร์ โค้ชลูกตั้งเตะก็เป็นอีกคนที่เป็นที่ปรึกษาของ ไรซ์ และยอมให้เขาเปลี่ยนบทบาทจากตัวโหม่ง มาเป็นตัวเตะแทน ซึ่งเรื่องนี้ ไรซ์ เป็นคนร้องขอ โจเวอร์ ด้วยตัวเอง
"ผมเคยคุยเรื่องนี้กับ โจเวอร์ และเขาบอกว่า ด้วยความสูงของผม ผมควรไปอยู่ในกรอบกับ กาเบรียล, ซาลิบา และ ฮาแวร์ตซ์ แต่ผมอยากลองดูและบอกให้เขาลองสลับตำแหน่งเพื่อทดลอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือผมเริ่มทำแอสซิสต์ได้จากลูกตั้งเตะมากขึ้น จนกระทั่งตอนนี้ เขาได้รับมอบหมายให้เป็นคนเล่นลูกฟรีคิก และลูกเตะมุมในเหลี่ยมที่ต้องใช้เท้าขวาเปิด เป็นอันดับ 1 ของทีมไปเรียบร้อยแล้ว
"ผมพยายามจะพัฒนาตัวเองจากคนที่ส่งบอลได้ดีจากแดนหลัง กลายเป็นคนที่ทำให้ทีมได้ประตูมากขึ้น ผมสนุกกับการทำแอสซิสต์ และยิงประตู มันเป็นสิ่งใหม่ที่ผมไม่เคยทำมาก่อน และไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยสนใจเลยเมื่อครั้งอดีต แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนแล้ว เมื่อได้ลองและได้พยายาม ทันทำให้ผมรู้สึกมีพลังมากขึ้นเมื่ออยู่ในสนาม มันทำให้ผมมุ่งมั่น และมีเป้าหมายส่วนตัวที่ไว้ใช้ท้าทายตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีก"
ไรซ์ ไม่ได้บอกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ส่วนตัวของเขาคืออะไร แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เราจะเห็นแล้วว่ามันอาจจะเป็น 2 ลูกฟรีคิกสะเด่าโลกที่เขายิงใส่ เรอัล มาดริด ก็เป็นได้
เป้าหมายไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างที่ ไรซ์ ได้กล่าวเอาไว้ การยิงและแอสซิสต์ทำให้เขามีไฟในการเล่นมากขึ้น ดังนั้นสเต็ปต่อไปจากการเป็นคนเปิดฟรีคิก จึงกลายเป็นคนยิงฟรีคิกนั่นเอง
ไรซ์ ไม่เคยยิงฟรีคิกโดยตรงเข้ามาก่อนเลย แต่อย่างน้อยการที่เขาซ้อมเตะลูกโค้งตามสูตรลูกตั้งเตะของ อาร์เซน่อล ทั้งจากเตะมุมและฟรีคิก มันน่าจะมีผลต่อการพัฒนาเทคนิคการยิงของเขา ซึ่งปกติแล้ว ไรซ์ เป็นคนยิงนอกกรอบในจังหวะโอเพ่นเพลย์ดีอยู่แล้ว แต่การซ้อมการวางเท้าแบบเตะลูกโค้งมาตลอดปีกว่า ๆ ก็ทำให้เขากล้าลองเอาสิ่งที่ตัวเองมั่นใจออกมาใช้ ในเกมที่ใหญ่ที่สุดของทัพปืนโตในฤดูกาลนี้
ลูกที่ ไรซ์ ยิงฟรีคิกแบบโค้งอ้อมกำแพงลูกแรก ตามด้วยการยิงมุมกว้างโค้งเข้าสามเหลี่ยมลูกที่ 2 ถือเป็นเซอร์ไพรส์ที่เขานำมาฝากทุกคน เพราะอันที่จริงตามแผนที่วางกันไว้ โจเวอร์ ตั้งใจให้เขาเป็นคนเปิดบอลเท่านั้น
นักเตะที่ดีย่อมเชื่อฟังโค้ช แต่นักเตะระดับโลกมักตัดสินใจจากสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยวิธีที่ทีมจะได้ประโยชน์ที่สุด ... ไรซ์ ไม่ได้ตั้งใจจะขัดคำสั่ง แต่เขาแค่พิจารณาดูและพบว่าเหลี่ยมมุมที่เขาตั้งบอลนั้น การเปิดเป็นเรื่องยากกว่าการยิง ดังนั้นเมื่อซ้อมเตะลูกโค้งหนัก ๆ มาโดยตลอด ทำไมจึงไม่ลองดูล่ะ ?
"ในจังหวะประตูแรก เราถูกบอกให้ครอสบอลเข้าไป ตอนที่พวกเขา (นักเตะ เรอัล มาดริด) อยู่ห่างออกไปนิดหน่อย เราเห็นว่ามีพื้นที่ บูกาโย ซาก้า บอกผมว่า 'ถ้ารู้สึกว่าทำได้ก็ลุยเลย' ผมเลยคิดว่าผมจะยิงมัน" ไรซ์ กล่าวหลังเกมจบ
ดูเหมือนว่า ดีแคลน ไรซ์ จะค่อย ๆ ทำอะไรได้มากขึ้นเรื่อย จากเซ็นเตอร์แบ็ก มาเป็นกองกลางตัวรับ สู่มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ จนมาถึงจุดที่เขาเป็นคนที่รับผิดชอบลูกตั้งเตะจากการเปิด และโดยเฉพาะตอนนี้ ในการยิงโดยตรงที่ต้องบอกว่าฟรีคิก 2 ลูกของเขาในเกมกับ มาดริด นั้นถือเป็นลูกฟรีคิกที่สวยสุด ๆ ระดับเข้าชิงรางวัลลูกยิงประจำปีได้
เมื่อเราย้อนกลับไปดูคำสัมภาษณ์ของเขาเมื่อ 2 ปีก่อน คุณจะไม่แปลกใจกับพัฒนาการที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดของเขาไปเรื่อย ๆ เพราะเขายืนยันว่า ไม่ว่าตัวของเขาจะอยู่ในจุดที่สูงแค่ไหน เขาจะยังเป็น ดีแคลน ไรซ์ คนเดิม คนที่พยามมองหาจุดอ่อนของตัวเอง และแก้ไขมันให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน
"การมาอยู่กับอาร์เซน่อลด้วยราคา 105 ล้านปอนด์ ย่อมสร้างความกดดันอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่สำหรับผม ผมยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองในทุกวันเสมอโดยไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นใครและมาจากจุดไหน ความเป็นตัวผมจะยังอยู่กับผมตลอดไป และผมมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลานั้น ผมคงทำให้เรื่องราคาค่าตัวของผมกลายเป็นเรื่องรองลงมา เพราะเมื่อผู้คนพูดถึงผม ผมอยากให้พวกเขาพูดถึงในแง่ของคุณภาพมากกว่า" ไรซ์ ว่าเช่นนั้น และตอนนี้เรากำลังคุยเรื่องคุณภาพที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของเขาตามที่เจ้าตัวว่าจริง ๆ
แหล่งอ้างอิง
https://www.football.london/west-ham-united-fc/news/moyes-rice-west-ham-leicester-27011605
https://talksport.com/football/3002540/unseen-moment-declan-rice-gabriel-martinelli-arsenal-manchester-united/
https://www.goal.com/en/lists/declan-rice-arsenal-midfield-unlikely-string-bow-set-piece-prowess-england/bltdf3cc3e8bd2d0b82#cse134c83e4d2ce439
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cm24nln8ekno
https://www.thesun.co.uk/sport/31339834/declan-rice-arsenal-free-kick-liverpool-merino-goal/
https://dailycannon.com/2024/03/declan-rice-arsenal-evolution/