Feature

บทเรียนจาก "เนียงโกลัน" : เกิดมาโก้ก็ตายแน่ ... ถ้าไม่แก้ที่อีโก้ | Main Stand

"รัดย่า เนียงโกลัน คือนักเตะที่สามารถทำได้ทุกอย่างในสนาม ไม่ว่าจะคุณจะเรียกร้องอะไรจากเขา คุณบอกไปได้เลย แล้วเขาจะจัดการให้" 

 

"นี่คือนักเตะที่เกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอลในยุคสมัยใหม่ คุณสามารถชนะคู่แข่งทีมไหนก็ได้ถ้ามีผู้เล่นแบบเขาอยู่ในทีม 10 คน" ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ กุนซือดีกรีแชมป์ เซเรีย อา กล่าวประโยคนี้กับกองกลางตัวรับที่เขายกให้เป็นคนที่ชื่นชอบที่สุด 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางยอดอัจฉริยะกลับมีบททดสอบหนึ่งเข้ามา และเขาไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้ ... นั่นคือ "อีโก้" ขั้นสุดที่เขามีมากเกินไป จนกระทั่งตอนนี้มันทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด 

นี่คือเรื่องราวสุดระห่ำของ รัดย่า เนียงโกลัน ... จาก Main Stand 

 

เกิดมาเพื่อเข้าปะทะ 

รัดย่า เนียงโกลัน มีวัยเด็กที่อาจจะไม่ค่อยน่าจดจำนัก ตัวของเขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อเคร่งศาสนา และมีคุณแม่เชื้อสายอินโดนีเซีย เป็นชนชั้นแรงงาน แถมพ่อของเขาก็ยังทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังเล็ก เขาจึงเป็นต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ก่อนวัยอันควร เพื่อดูแลตัวเอง และช่วยเหลือครอบครัวที่ยังมีน้องสาวฝาแฝดให้ดูแล ... แน่นอนว่าเขาตั้งใจจะใช้ฟุตบอลสร้างสิ่งเหล่านั้นให้ครอบครัว

เนียงโกลัน เล่นฟุตบอลตั้งแต่ 5 ขวบกับทีมท้องถิ่นในเมือง อันท์เวิร์ป บ้านเกิดของเขา ก่อนที่อีก 7 ปีต่อมา เขาจะถูก เจอร์มินัล เบียร์ช็อต สโมสรในลีกสูงสุดของประเทศดึงตัวเข้าอคาเดมี่ ซึ่งทีมงานของ เบียร์ช็อต เล่าว่า ความพิเศษของ เนียงโกลัน ที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ คือ เขารู้และหาตำแหน่งของตัวเองเจอตั้งแต่ยังเด็ก ในขณะที่เด็กหลายคนอาจจะต้องลองเล่นหลาย ๆ ตำแหน่งเพื่อเจอตำแหน่งที่ดีที่สุด 

ตำแหน่งที่ เนียงโกลัน ได้รับมอบหมายคือมิดฟิลด์ตัวรับ เขาอาจจะไม่ใช่คนตัวใหญ่มากและมีความเร็วที่สูง แต่สิ่งที่หลายคนชมเขาคือเรื่องของการใช้สมองเป็นส่วนช่วยเหลือร่างกายที่มีข้อจำกัด กล่าวคือเขาเป็นนักเตะในประเภทที่สามารถอ่านจังวะเกมได้ดี และมักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาเมื่อต้องเล่นบอลจังหวะสอง และความยอดเยี่ยมนี้ทำให้เขาติดทีมชาติเบลเยียมตั้งแต่รุ่นอายุยู 16 และเล่นตัวจริงให้ เบียร์ช็อต ตั้งแต่อายุ 17 ปี 

ในขณะที่เด็กคนอื่นถ่อมตัว แต่ เนียงโกลัน เป็นคนที่มั่นอกมั่นใจ และห้าวหาญเหมาะสำหรับการเป็นนักเตะตัวรับ และการเก่งแต่เด็กทำให้เขาอาจจะมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไป และกลายเป็นผลร้ายในระยะยาว

"ธรรมชาติมอบของขวัญให้กับผม ตอนยังเด็ก ผมสามารถดื่มกินได้เต็มที่ และตอนเช้าผมสามารถเล่นฟุตบอลได้เหมือนเดิม" เนียงโกลัน บอกด้วยตัวเอง

มันเป็นอย่างที่เขาบอกจริง ๆ แต่ในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมนักเตะหลายคนที่เก่งในช่วงวัยรุ่นจึงมีแนวโน้มจะหยุดการพัฒนาหากหลงใหลไปกับสิ่งต่าง ๆ นอกสนาม เรื่องดังกล่าวมันกำลังเกิดขึ้นช้า ๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว เพราะร่างกายในช่วงวัยหนุ่ม ไม่ว่าหนักแค่ไหนก็พร้อมลุยเสมอ 

เขาย้ายจาก เบียร์ช็อต ไปอยู่กับ ปิอาเซนซ่า ในอิตาลี ใช้เวลาปรับตัวอยู่สักพักก่อนที่จะยึดตัวจริงของทีมได้ในช่วงอายุ 20 ปี โดยลงเล่นใน เซเรีย บี เป็นหลัก เพียงแต่ตอนนั้น ฉายาของเด็กหนุ่มที่ทำผมโมฮอก และมีรอยสักเต็มตัวไม่ว่าจะในหรือนอกร่มผ้า ดังขึ้นมาในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับที่ดุดัน และขึ้นเกมรุกได้ แถมยังมีทักษะในการยิงประตูจากทุกระยะ มักอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ จนเป็นที่มาของฉายาว่า "นินจา" และแจ้งเกิดแบบเต็ม ๆ เมื่อ กายารี่ ทีมใน เซเรีย อา คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2009

 

จุดสูงสุด ... ที่อาจขึ้นได้มากกว่านี้

“ในช่วงแรก ๆ ที่ ปิอาเซนซ่า ผมมีรายได้เดือนละหนึ่งพันยูโร แต่สำหรับผมและครอบครัวแล้ว นั่นถือว่าเยอะมาก ผมพยายามทำให้ทุกคนในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผมได้รับแรงบันดาลใจจากแม่ แม่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม เธอไม่มีอะไรเลย แต่เธอก็ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ผมด้วยการเสียสละหลายอย่าง" เนียงโกลัน เล่าถึงเบื้องหลังการเติบโตของเขา ที่ทำให้ก้าวขึ้นมาจนกลายเป็นนักเตะระดับ เซเรีย อา ในเวลานั้น 

หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับ กายารี่ ในปี 2009 ตอนนั้นเขาอายุได้ 21 ปี ผลงานในสนามของเขาต้องบอกว่าหมดห่วง นี่คือมิดฟิลด์ตัวรับในแบบฉบับที่โลกฟุตบอลสมัยใหม่ต้องการ กล่าวคือมีศิลปะในการแย่งบอล มีความดุดัน กัดไม่ปล่อย มีการยิงจากแถวสองที่หนักหน่วงแม่นยำ ช่วงเวลากับ กายารี่ จึงถือว่าเป็นช่วงแจ้งเกิดของเขาอย่างเต็มตัว

"ผมออกจากบ้านตั้งแต่ยังเด็ก ผมออกจากบ้านเกิดที่อันท์เวิร์ป แล้วผมก็ย้ายไป ปิอาเซนซ่า ซึ่งในเวลานั้นผมยอมรับว่าผมก็มีความสุขในแบบเด็ก ๆ ดาวรุ่งที่ได้ออกจากบ้านมา แต่การมาเล่นกับ กายารี่ ถือเป็นก้าวสำคัญในอาชีพของผมเลยก็ว่าได้"

"ที่ กายารี่ เป็นช่วงเวลาที่ผมตั้งใจเล่นฟุตบอลที่สุด ผมสร้างครอบครัวตัวเองขึ้นมาที่นั่น และโตมาเป็นผู้ใหญ่พร้อม ๆ กันกับสโมสรที่ผลงานดีขึ้นมา ... หลายอย่างมันไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน และนั่นคือช่วงชีวิตที่ผมคิดว่ามันอาจจะถูกต้องที่สุดที่ผมเคยมี"

"ทุกแมตช์ที่กายารี่คือการร่วมกันต่อสู้ ผมกลายเป็นนักบู๊จากซาร์ดิเนีย ทุกครั้งที่ผมเข้าปะทะเสียงเฮจะดังลั่นสนาม เราร่วมกันไต่ระดับขึ้นไป และเราค่อย ๆ ผ่านมันเหมือนกับการทดสอบที่เราผ่านไปด้วยกัน และจากนั้นไม่นาน ผมไม่ทันรู้ตัวว่ามันเป็นช่วงที่ดีที่สุด และกลายเป็นระดับการเล่นที่ผมเองไม่เคยคิดถึงว่าตัวเองจะเล่นได้"

เนียงโกลัน เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่ กายารี่ นอกจากจะสร้างครอบครัวแล้ว แม่ของเขาก็เสียชีวิตในช่วงนี้ มันทำให้เขาตั้งใจที่จะดูแลทุกคนโดยใช้ฟุตบอลเป็นแรงขับเคลื่อน เขาสักรูปปีกเพิ่มที่กลางหลัง พร้อมด้วยวัน เดือน ปี ที่แม่ของเขาเสียชีวิต และทุกคนใน กายารี่ พยายามช่วยให้เขาผ่านเรื่องดังกล่าวไปได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขายังรู้สึกขอบคุณทุกคนที่นั่นจนกระทั่งทุกวันนี้

อย่างที่เขาได้กล่าวไว้ว่า ตัวเองเก่งขึ้นแบบไม่รู้ตัว ไม่นานนัก โรม่า ก็มาคว้าตัวเขาไปในปี 2014 ด้วยราคา 6 ล้านยูโร และฟอร์มการเล่นที่นั่นต้องว่าพีกจริง ๆ เขากลายเป็นตัวหลักของทีมชั้นนำ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะดัง และมีรายได้สูงระดับต้น ๆ ของทีม พร้อมทั้งยังติดทีมชาติเบลเยียมชุดใหญ่ด้วย 

กุนซือของ โรม่า ในเวลานั้นอย่าง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ไม่มีคำกล่าวใดถึง เนียงโกลัน ได้ดีมากกว่า "นี่คือนักเตะที่สามารถทำทุกอย่างในสนามที่คุณต้องการได้" 

"รัดย่า เนียงโกลัน คือนักเตะที่สามารถทำได้ทุกอย่างในสนาม ไม่ว่าจะคุณจะเรียกร้องอะไรจากเขา คุณบอกไปได้เลย แล้วเขาจะจัดการให้" 

"นี่คือนักเตะที่เกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอลในยุคสมัยใหม่ คุณสามารถชนะคู่แข่งทีมไหนก็ได้ถ้ามีผู้เล่นแบบเขาอยู่ในทีม 10 คน" ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ กุนซือดีกรีแชมป์เซเรีย อา กล่าว

ไม่ใช่แค่ สปัลเล็ตติ ที่ชื่นชมเขา ตำนาน โรม่า อย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ก็ถือเป็นอีกคนที่ เนียงโกลัน ให้ความเคารพและสนิทสนมด้วย โดย ต็อตติ เคยบอกว่า สิ่งที่โดดเด่นทื่สุดของเนียงโกลัน คือเรื่องของคาแร็ตเตอร์ที่ไม่ค่อยยอมแพ้ เป็นคนชนิดที่ว่า ต่อให้ทีมเป็นรองแค่ไหน ก็ไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายแพ้ และจะเป็นคนแรกที่ออกตัวปะทะ มีเรื่อง และเล่นงานฝั่งตรงข้ามเพื่อตัดไม้ข่มนามในสนาม 

ช่วงที่เล่นกับ โรม่า นั้นพีกอย่างที่สุด ... ทว่าอันที่จริง เขาอาจจะเก่งได้มากกว่านี้ และประสบความสำเร็จมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาทำตอนวัยรุ่นมันได้มาทวงคืนเขาในช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จที่สุด และคุณสามารถรู้ได้ด้วยประโยคคลาสสิกของเขาที่บอกว่า 

“ฟิตเนสสำหรับพวกนักกล้าม การวิ่งสำหรับพวกนักกรีฑา ... แต่ผมเป็นนักฟุตบอล ผมแค่เตะบอลก็พอ” 

 

อีโก้ที่ใหญ่เกินตัว และจุดจบ

ชื่อเสียงที่โด่งดังนำมาซึ่งไลฟ์สไตล์ที่เริ่มสุดโต่ง รัดย่า เนียงโกลัน กลายเป็นนักเตะที่ใช้เงินมากขึ้นจากรายได้ที่เข้ามา เวลาไปที่ไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา และนั่นทำให้เขาเริ่มเจอกับขาลงของชีวิต ในช่วงที่เขาควรจะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ 

โดยในช่วงที่ เนียงโกลัน เล่นดีที่สุดกับ โรม่า นั้น อินเตอร์ ที่มีอดีตเจ้านายของเขาอย่าง สปัลเล็ตติ ถึงกับยอมจ่ายเงิน 38 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีม และวางให้ เนียงโกลัน เข้ามาเป็นห้องเครื่องทำงานหนักให้กับทีม เพียงแต่ว่าอย่างที่บอกในข้างต้น ไลฟ์สไตล์ที่สุดโต่งทำให้เขาพัฒนาไม่ได้อีกแล้ว ร่างกายของเขาไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีเท่ากับตอนเป็นวัยรุ่น และเมื่อเขาเที่ยวหนักกว่าเดิม ร่างกายของเขาก็โรยราลงอย่างรวดเร็ว 

"มันไม่เหมือนกับตอนอายุ 20 ปี อีกแล้วที่คุณออกไปเที่ยวได้ทุกคืน ตอนนี้ (ที่อยู่กับ อินเตอร์) เป็นช่วงเวลาที่ผมพยายามลดเรื่องเที่ยวลงเหลือสัปดาห์ละ 2-3 วัน เพราะผมไม่อยากจะเลิกทำ เพราะนี่มันคือชีวิตและไลฟ์สไตล์แบบผม ผมจะไม่ยอมละทิ้งชีวิตของตัวเอง ผมดื่ม และผมเชื่อว่าผมยังสามารถลงสนามและเล่นได้อย่างเต็มที่" เนียงโกลัน ว่าแบบนั้น 

อย่างไรก็ตาม นั่นก็แค่สิ่งที่เขาคิด สำหรับบอร์ดบริหาร อินเตอร์ ที่จ่ายเงินแพงมากเพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขามองว่า เนียงโกลัน ขาดความเป็นมืออาชีพ และทำทุกอย่างได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แม้จะมีพรสวรรค์แค่ไหน และถึงแม้จะยิงประตูได้ถึง 6 ลูกจากตำแหน่งกองกลางตัวรับ แต่พวกเขาไม่ประทับใจกับไลฟ์สไตล์ คาแร็คเตอร์ของเขาที่ลดความเข้มข้นลงทุกวัน และพยายามหาทางเอาเขาออกจากทีม

"เป๊ปเป้ มาร็อตต้า (ผอ.กีฬา) ไม่เคยคุยกับผมเลย ขณะที่กุนซือในเวลานั้นอย่าง คอนเต้ ก็บอกกับผมว่าเขาชอบฝีเท้าของผม แต่ที่ผมไม่ได้ลงเล่นเพราะเป็นเรื่องนอกสนามล้วน ๆ" เนียงโกลัน เล่าย้อนความ

"ผมควรจะต้องโทษตัวเองและดิ่งดาวน์กับเรื่องนี้ใช่ไหม ? แต่ไม่หรอก มุมมองของผมในเวลานั้นคือ ผมไม่ได้มองโลกเหมือนกับนักฟุตบอลทั่วไป นักเตะหลายคนจบเกมแล้วกลับบ้าน แต่ผมนอนไม่หลับ ผมจึงต้องหาอะไรทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีด"

"ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตัวเองเพียงเพราะคนอื่นขอให้ทำ ผมเข้าใจว่าหลายคนคงไม่เห็นด้วยที่ผมพูดออกมาแบบนี้ แต่ผมไม่เคยโทษใคร ผมพร้อมรับจบทุกปัญหาที่ผมสร้าง และรับทุกผลกรรมที่ตามมา" เนียงโกลัน ว่าแบบนั้น และไม่นานเขาก็ถอยหลังในอาชีพ 

เนียงโกลัน ออกจาก อินเตอร์ ในปี 2021 โดยระหว่างและจากนั้นก็เล่นกับทีมระดับที่เล็กลง และฟอร์มของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้น จาก อินเตอร์ ไปยัง กายารี่, จาก กายารี่ ไป สปาล, จาก สปาล ไปยัง บายังการ่า สโมสรในอินโดนีเซีย และกับทีมล่าสุดอย่าง โลเคอเรน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่เขาคิดจะกลับตัว

มีรายงานว่าในวัย 36 ปี เนียงโกลัน ยังคงเป็นคนที่ติดเที่ยวและเป็นพวกวัตถุนิยมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เปลี่ยนไปคือ รายได้ที่เขาหาเข้ามาได้น้อยลงมาก หากเทียบกับสมัยที่ยังเป็นนักเตะ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเข้าขบวนการค้ายาเสพติด ที่กำลังเป็นผู้ต้องหาในเวลานี้ 

โดยตัวเขาเพิ่งถูกจับกุมในคดีลักลอบขนโคเคนผ่านท่าเรือ อันท์เวิร์ป พร้อมกับผู้ต้องสงสัยอีก 15 คน โดยมีของกลางเป็นโคเคน 2.7 กิโลกรัม พร้อมด้วย เงินสด ทอง เครื่องประดับหรูหรารวมเป็นมูลค่ากว่าครึ่งล้านยูโร 

นอกจากนี้ การบุกตรวจค้นยังพบอาวุธปืน 3 กระบอก เสื้อเกราะกันกระสุน 2 ตัว และรถยนต์ 14 คัน ทำให้เห็นภาพอันน่าสยดสยองของเครือข่ายค้ามนุษย์ที่ถูกกล่าวหาว่ามีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก การจับกุม เนียงโกลัน ทำให้คดีที่น่าตกตะลึงนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ... และอีกไมนาน คำตัดสินก็จะปรากฎว่า เนียงโกลัน จะจบลงที่ตรงไหนกับคดีค้าโคเคนนี้ 

ในวัย 36 ปี นักเตะคนหนึ่งยังสามารถเล่นในระดับสูงได้สบาย ๆ หากรักษาดูแลสุขภาพอย่างดี ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ เนียงโกลัน ไม่สามารถทำหรือย้อนเวลากลับไปทำได้อีกแล้ว

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ช่วงเวลาที่พีกที่สุดในอาชีพและทำเงินได้มากที่สุด เขาไม่ได้วางแผนเรื่องการใช้เงินเลย จนกระทั่งเกิดปัญหามากมายทั้งในและนอกสนาม จนกระทั่งชีวิตของเขาเลยเถิดมาจนถึงจุดนี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://chemicalcitypaper.com/is-belgian-footballer-radja-nainggolan-arrested-the-shocking-case-unfolds/
https://www.theguardian.com/football/blog/2019/nov/11/radja-nainggolan-cagliari-europe-serie-a
https://www.reddit.com/r/soccer/comments/qppst7/radja_nainggolan_fitness_is_for_bodybuilders/?rdt=33466
https://sempreinter.com/2019/08/30/radja-nainggolan-inter-were-clear-about-my-future-i-appreciate-that/
https://en.wikipedia.org/wiki/Radja_Nainggolan
https://romapress.net/radja-nainggolan-discusses-roma-years-totti-and-spalletti/
https://www.goal.com/en/news/i-can-drink-and-smoke-with-serenity---nainggolan-pushes-back-against-bad-boy-image/1rh9b065jeaj81q1oigc2yny80
https://www.beinsports.com/en-us/soccer/serie-a/articles/luciano-spalletti-wants-team-full-of-radja-na

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ