หลายคนรู้สึกว่า ฟุตบอลโอลิมปิกไม่สนุกเท่าฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลยูโร ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะเรื่องของโควต้านักเตะอายุไม่เกิน 23 ปี ทำให้หลายทีมไม่สามารถจัดเต็มได้ในการแข่งขันนี้
ยกเว้นเสียแต่ว่า มีครั้งหนึ่งที่เกิดทีมตำนานแห่งโอลิมปิกขึ้นเมื่อปี 2008 ... ครั้งนั้น ลิโอเนล เมสซี่ ในวัย 21 ปี นำทีม อาร์เจนตินา บวกกับพี่ใหญ่อย่าง ฮวน โรมัน ริเกลเม่ เขย่าเวทีโอลิมปิกด้วยฟุตบอลที่ตื่นตา น่าทึ่ง แถมยังคว้าเหรียญทองมาได้อีกด้วย
ทีมชุดนั้นสุดยอดแค่ไหน ส่งผลต่อยอดไปได้ไกลเท่าไร ... ติดตามที่ Main Stand
ฟุตบอลโอลิมปิกจะสนุกกว่าฟุตบอลโลกไม่ได้
แม้ฟุตบอลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกจะเป็นการแข่งขันที่แฟนฟุตบอลให้ความสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากเทียบกับมหกรรมฟุตบอลใหญ่ ๆ โดยเฉพาะอย่าง ฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโร นั้น โอลิมปิก ถูกลดทอนความสำคัญมากในสายตาของแฟนบอล
กฎฟุตบอลชายโอลิมปิก ณ ปัจจุบัน บังคับให้ชาติที่เข้าแข่งขันส่งรายชื่อนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปีลงแข่งขัน โดยมีโควต้าอายุเกินให้ 3 คน ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าว ส่งผลให้ความน่าสนใจ และความเข้มข้นในการแข่งขันลดน้อยลง … เรื่องนี้มีเหตุผล และกฎนี้เพิ่งใช้ได้ไม่นานนัก
ย้อนกลับไปในยุค 1980s คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ต้องการให้นักฟุตบอลอาชีพมีส่วนร่วม หลังที่ผ่านมาโอลิมปิกอนุญาตเฉพาะนักเตะสมัครเล่นเท่านั้น ทำให้นอกจากขาดสีสันแล้ว ชาติที่ปกครองในระบบคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก ซึ่งรัฐสนับสนุนกีฬาสมัครเล่น กลายเป็นครองความได้เปรียบ แต่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ลังเล
เพราะหากปล่อยฟรีให้ทุกชาติสามารถส่งนักเตะที่ดีที่สุดมาแข่งขันได้ นั่นเท่ากับว่า โอลิมปิกจะกลายเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกขนาดย่อม ๆ และมันจะส่งผลกระทบต่อกระแสของฟุตบอลโลกอย่างแน่นอน เพราะการเฝ้ารอคอยนั้นหอมหวาน หากโอลิมปิกแข่งก่อน และฟุตบอลโลกแข่งตามมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟุตบอลโลกจะจืดลงไม่มากก็น้อย
ดังนั้น FIFA และ IOC จึงหาทางเจรจากันเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างยังได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ และผลจากการประชุมคือการได้กฎใหม่ที่จะใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก นั่นคือ "สามารถใช้นักกีฬาอาชีพได้ แต่ชาติในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ที่ถือว่าเป็นทวีปชั้นนำของโลกฟุตบอล ห้ามดึงตัวนักฟุตบอลที่เคยติดทีมชาติไปแข่งขันในฟุตบอลโลกมาแล้วมาลงแข่งขันในโอลิมปิกเป็นอันขาด"
กฎนี้ถูกใช้ในโอลิมปิก 2 ครั้ง คือปี 1984 ที่นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนมีการเคาะกฎใหม่อีกครั้งให้เข้ารูปเข้ารอย ในการแข่งขันปี 1992 ที่เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เป็นเจ้าภาพ จากที่ห้ามใช้นักเตะซึ่งมีประสบการณ์ในฟุตบอลโลก ปรับใหม่ให้สากลและเท่าเทียมกับทุกชาติมากขึ้น นั่นคือการบังคับเรื่องอายุ
ซึ่งช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกคือ "ไม่เกิน 23 ปี" ก่อนจะมีการเพิ่มโควต้านักเตะอายุเกิน 3 คนเพื่อให้เกมสนุก และการแข่งขันกลมกล่อมมากขึ้น ในการแข่งขันปี 1996 ที่เมืองแอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทำไมต้องไม่เกิน 23 ปี ? ... เรื่องนี้ไม่มีการระบุชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าทำไมต้อง 23 ปี ทว่าหากเราลองพิจารณาดู จะเห็นว่าช่วงอายุนี้จะสัมพันธ์กับช่วงอาชีพของนักฟุตบอล ที่ส่วนใหญ่จะมาเก่งกันสุด ๆ ก็ในช่วงอายุมากกว่า 25 ปี เป็นต้นไป
หากเราเทียบกับนักเตะระดับโลก มันคือตัวเลขที่สมเหตุสมผล เพราะมีนักเตะน้อยมาก ๆ ที่ไปถึงระดับโลกหรือระดับคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ โดยที่ยังอยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 23 ปี (มี 2 รายที่ได้บัลลงดอร์ตอนอายุ 22 ปี คือ ไมเคิล โอเว่น ในปี 2001 และ ลิโอเนล เมสซี่ ในปี 2009)
การได้เห็นนักเตะดาวรุ่งที่มีแววเติบโต และการได้เห็นนักเตะเกรดบี ที่ไม่คุ้นชื่อคุ้นหน้าแบบชัด ๆ จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฟุตบอลชายในโอลิมปิก ได้รับความสนใจมากขึ้นในระยะหลัง ซึ่งจากที่เราเห็น คือกลุ่มนักเตะอายุต่ำกว่า 23 ปีจากชาติมหาอำนาจด้านฟุตบอล ก็มักจะถูกส่งมาแข่งแบบจัดเต็มในโอลิมปิกแบบไม่มีกั๊ก เพราะอย่างน้อย ๆ นี่ก็เป็นเกียรติประวัติ และเป็นการแสดงศักยภาพด้านฟุตบอลของพวกเขาให้โลกเห็นว่า "แกร่งทั่วแผ่น และ แกร่งทุกรุ่น" นั่นเอง
ตัวเลขอายุต่ำกว่า 23 ปีนี้ จึงเป็นการคัดกรองได้ในระดับหนึ่งว่า นักเตะที่มาแข่งขันในโอลิมปิก จะไม่ใช่นักเตะระดับเกรด A แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าโอลิมปิกจะไม่น่าดูและจืดชืดจนไม่น่าสนใจ เพราะยังมีสิ่งที่น่าติดตามจากกลุ่มนักเตะช่วงอายุดังกล่าว นั่นคือผู้ชมจะได้เห็นนักกีฬาวัยรุ่นที่มีแวว นักเตะดาวรุ่งที่มีโอกาสจะก้าวไปเป็นระดับโลกลงแข่งขันในรายการนี้
ซึ่งจากอดีตก็ชัดเจนว่า โอลิมปิก เป็นรายการที่ทำให้ ลิโอเนล เมสซี่ ได้รางวัลระดับทีมชาติเป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าแชมป์แรกในระดับนานาชาติของเขานั้นถือเป็นตำนานบทหนึ่งของโอลิมปิกเลยก็ว่าได้ เพราะทีมชาติอาร์เจนตินา ในการแข่งขันโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน คือทีมชุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่รายการนี้เคยมีมา
ชุดใหญ่ขาลง ... ชุดเล็กอย่างโหด
วงการฟุตบอลของ อาร์เจนตินา ซบเซาร้างราถ้วยแชมป์ลงนับตั้งแต่หมดยุคของ ดิเอโก้ มาราโดน่า คำนี้ไม่เกินจริง เพราะนับตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ มาราโดน่า ทีมชาติ อาร์เจนตินา ก็ไม่มีแชมป์รายการใด ๆ เลยไม่ว่าจะในฟุตบอลโลก หรือแม้กระทั่งฟุตบอลโคปา อเมริกา
ย้อนกลับมาดูทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ในช่วงตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ถือเป็นช่วงที่นักเตะระดับสตาร์อย่าง กาเบรียล บาติสตูต้า, อาเรียล ออร์เตก้า, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน, ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เริ่มเดินทางสู่ขาลงเต็มระบบ ผลงานในการแข่งขันระดับฟุตบอลโลกตกลงมามาก โดยเฉพาะเมื่อปี 2002 ที่ตกรอบแรก ขณะที่ โคปา อเมริกา ก็ได้เข้าชิงขนะเลิศเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในห้วงเวลาดังกล่าว
ถ้าคุณยังจำกันได้ ในช่วงเวลานั้นมีนักเตะอาร์เจนตินาฉายา "นิว มาราโดน่า" เต็มไปหมด ... แต่ไม่มีใครทำได้ใกล้เคียงเลย นั่นคือการสะท้อนถึงทีมที่ขาดนักเตะระดับ "Ace" ของทีม และส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบพอที่จะประสบความสำเร็จ
สมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินา ไม่นิ่งดูดายกับเรื่องนี้ พวกเขาต้องการสร้างทีมชุดใหม่ขึ้นมาในช่วงเวลานั้น ซึ่งย้อนกลับไปในช่วงปี 2000s เป็นต้นมา สโมสรในอาร์เจนตินา เลือกที่จะปล่อยนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีไปเล่นในยุโรปในราคาที่ไม่แพงมากนัก ซึ่งกลุ่มผู้เล่นส่วนใหญ่ก็อยู่ในทีมชุดเหรียญทองโอลิมปิกนั่นแหละ
แน่นอนที่สุดคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ลิโอเนล เมสซี่ เด็กหนุ่มมหัศจรรย์จาก บาร์เซโลน่า ที่ได้โอกาสจาก แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย และเขาคือคนที่ทำให้ฉายา "นิว มาราโดน่า" จบลงที่เขาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง แน่นอนว่า เมสซี่ ถูกวางตัวให้เป็นผู้นำวงการฟุตบอลอาร์เจนตินาคนใหม่ของยุค และยุคสมัยของเขาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในโอลิมปิก 2008
จริงอยู่ที่ เมสซี่ แจ้งเกิดกับ บาร์เซโลน่า และลงเล่นในฟุตบอลโลกปี 2006 แถมยิงประตูได้มาแล้ว แต่ ณ เวลานั้นก็หนักไปทางตัวสำรอง แต่ในโอลิมปิก 2008 เขาได้แสดงผลงานอันเอกอุแบบเห็นกันชัด ๆ ทั้งโลกขึ้นมาสมกับที่โลกจับตามอง ... เพียงแต่ว่า อาร์เจนตินา ชุดนี้กลับเป็นทีมชุดพิเศษใส่ไข่ เพราะนักเตะที่มาเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ กลายเป็นตัวท็อปแทบยกชุด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น นักเตะอาร์เจนตินาชุดนี้ออกไปค้าแข้งในยุโรปตั้งแต่อายุ 17-18 หรือไม่ก็ไม่เกิน 21 ปีกันแทบทั้งนั้น ในรายชื่อ 22 คน มีนักเตะที่ค้าแข้งนอกยุโรปแค่ 3 คนเท่านั้น ประกอบด้วย ฟาเบียน มอนซอน ในตำแหน่งแบ็กซ้าย และเพลย์เมคเกอร์ตัวสำรองอย่าง ดิเอโก้ บัวนาน็อตเต้ ... ส่วนอีก 1 คน ถือเป็นกรณีพิเศษที่ถูกเรียกมาประคองน้อง ๆ ชุดนี้ และเป็นคนที่กุนซือ เซร์คิโอ บาติสต้า ออเดอร์มาเองโดยเฉพาะ
เขาคือโคตรบอลอย่าง ฮวน โรมัน ริเกลเม่ เพลย์เมคเกอร์ที่ไม่ประสบความสำเร็จนักตอนไปค้าแข้งในยุโรป แต่เรื่องฝีเท้าและเซนส์บอล ใครเห็นก็คงไม่มีคำถามสำหรับเขาคนนี้
ในช่วงที่ บาติสต้า เลือก ริเกลเม่ มาเป็นโควต้าอายุเกิน ก็เกิดความสงสัยในหมู่แฟนบอลขึ้น มีการบอกว่า ริเกลเม่ จะทำให้ทีมเล่นไม่เป็นธรรมชาติ เพราะเขาเป็นนักเตะที่เล่นกับบอลมากจนเกินไป จริง ๆ บอลควรจะไปฝากไว้กับ เมสซี่ ที่ถูกวางตัวเป็นผู้นำคนใหม่มากกว่า
อีกทั้งตอนนั้นก็มีข่าวลือว่า ริเกลเม่ กับ เมสซี่ ไม่ถูกกันมาตั้งแต่หลังจบฟุตบอลโลก 2006 ... แต่ข่าวก็คือข่าว ไม่มีใครระบุเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ถูกกัน ดังนั้น บาติสต้า ที่มีดีกรีแชมป์โลกสมัยเป็นนักเตะ มองข้ามข่าวลือนั้น และเชื่อไอเดียของตัวเองว่า ความคิดนี้จะเวิร์กแน่นอน
วันประกาศตัวเป็นอย่างที่ทุกคนรู้ อาร์เจนตินา ชุดนี้อุดมไปด้วยนักเตะดาวรุ่งที่กำลังน่าจับตามอง ถ้าเป็นเกม Football Manager ก็คงต้องขึ้นบนหัวว่า "Wonderkids" กันยกชุดไล่เรียงรายชื่อดังนี้
ประตู : ออสการ อุสตารี่, เซร์คิโอ โรเมโร่, นิโคลัส นาวาร์โร่
กองหลัง : เอเซเกล การาย, ฟาเบียน มอนซอน, ปาโบล ซาบาเลต้า, เฟเดริโก ฟาซิโอ, นิโคลัส ปาเรญ่า
กองกลาง : เฟร์นานโด กาโก้, โชเซ่ โซซ่า, เอแวร์ บาเนก้า, อังเคล ดิ มาเรีย, ดิเอโก้ บัวนาน็อตเต้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ และ ฮวน โรมัน ริเกลเม่
กองหน้า : ลิโอเนล เมสซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, เอเซเกล ลาเวซซี่, เลาตาโร่ อคอสต้า
เหล่าสตาร์บอยรวมตัวกันพร้อมหน้า ด้วยรายชื่อนี้ อาร์เจนตินา คือเต็งหนึ่งของการแข่งขัน แม้ บราซิล จะเรียกตัว โรนัลดินโญ่ กับ ติอาโก้ ซิลวา มาเป็นโควต้าอายุเกินด้วยเช่นกัน และเหนือสิ่งอื่นใดคือพวกเขาไม่ได้เก่งแค่บนหน้ากระดาษ ... เมื่อลงสนาม ก็ได้เห็นของจริง
ชนะ ชนะ ชนะ ! และเหรียญทอง
อาร์เจนตินา ชุดนี้ลงสนามในโอลิมปิก ปักกิ่ง 2008 ไป 6 เกม และพวกเขาชนะรวดทุกนัด แค่นี้ก็บอกถึงความยอดเยี่ยมได้ ทีม ๆ นี้ไล่สอยทีมแกร่ง ๆ ครบทุกทวีป ออสเตรเลีย จาก เอเชีย, เนเธอร์แลนด์ จาก ยุโรป, บราซิล จากอเมริกาใต้ และ นัดชิงชนะเลิศกับ ไนจีเรีย เทพบอลเด็กจากแอฟริกา ... ไหนบอกว่า ริเกลเม่ กับ เมสซี่ ทะเลาะกัน เพราะต่างคนต่างอยากเป็นคนได้เป็นศูนย์กลางของทีมล่ะ ?
นั่นแค่ข่าวลือเท่านั้น บาติสต้า ชื่นชมที่สุดคือหัวใจของกลุ่มนักเตะชุดนี้ที่มาเพื่อเป็นแชมป์ มีวินัย อยู่ในกรอบ เชื่อฟังโค้ช และเหนือสิ่งอื่นใด คือเรื่องของ ริเกลเม่ กับ เมสซี่ ในความจริงนั้นตรงกันข้าม
"ผมเคยได้ยินข่าวลือว่า เมสซี่ และ ริเกลเม่ ไม่ถูกชะตากัน ... จะบอกให้ ตอนพวกเราทั้งหมดร่วมงานกันบรรยากาศมันคนละเรื่อง มันโคตรสนุกเลย พวกเราคุยกันอย่างสนุกสาน และโรมันคือคนที่สำคัญมากในทีมชุดนั้น เขาสนิทสนมกับ เมสซี่ ขึ้นเรื่อย ๆ และมันดีต่อทีมจริง ๆ" บาติสต้า อธิบาย
"ทีมชุดโอลิมปิกคือทีมชุดที่ผมทำงานด้วยและสนุกที่สุด นี่คือการรวมกลุ่มกันของนักเตะหนุ่มที่กระหายและมาที่นี่เพื่อเหรียญทองเท่านั้น ไม่มีใครมองเหรียญอื่น พวกเขาคือดาวรุ่งคนสำคัญของวงการ มีความกล้าหาญ และในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีความอ่อนน้อม(Humble) และให้ความเคารพต่อผมมาก ๆ เช่นกัน"
บาติสต้า คุยกับ เมสซี่ และทุก ๆ คนอย่างชัดเจนว่า ริเกลเม่ มาที่นี่เพื่อเป็นคนกำหนดจังหวะการเล่นเกมรุกของทีม ขณะที่กลุ่มนักเตะหนุ่มที่เข้าขารู้ใจกัน มีหน้าที่ที่ทำให้ "เพลย์เมคเกอร์ธรรมชาติ" อย่าง ริเกลเม่ เล่นได้ง่ายที่สุด ซึ่งวิธีนั้นคือการเคลื่อนที่ตลอดเวลา วิ่งหาช่อง และจากนั้นฟุตบอลจะไปหาพวกเขาเอง
"ผมมาเพื่อทำตามคำแนะนำที่โค้ชบอก ผมมาเพราะเชื่อว่าทีมชุดนี้จะบรรลุทุกสิ่งที่เราต้องการได้" ริเกลเม่ ว่าแบบนั้น ... ขณะที่รุ่นน้องของเขาอย่าง ดิ มาเรีย ก็ยืนยันว่าวิธีดังกล่าวมัน เวิร์กจริง ๆ
"โอลิมปิกคือทัวร์นาเมนต์ที่ผมกล้าพูดได้เลยว่าสนุกที่สุดในชีวิตของผม ผมก็แค่วิ่งเข้าไปในพื้นที่ว่างเท่านั้น .. แค่วิ่งบอลมันก็จะพุ่งมาหาคุณเอง มันเหมือนกับพวกเรามีเวทมนตร์"
การเล่นของ อาร์เจนตินา ชุดนั้นจึงไหลลื่นแบบสุด ๆ กองหลังแข็งแกร่งมากจากการจับคู่กันระหว่าง การาย และ ฟาซิโอ แบ็กขวาเป็น ซาบาเลต้า ที่มีวินัยในเกมรับอย่างมากและเป็นนักเตะที่มีความขยันวิ่งขึ้นลงได้ทั้งเกม เช่นเดียวกับมอนซอนในด้านซ้าย
แดนกลางมี 2 คนที่ตัดและเชื่อมเกมมืออาชีพอย่าง เฟร์นานโด การ์โก้ ทำหน้าที่เป็นตัวโฮลด์บอล ส่วน มาสเคราโน่ คือนักแย่งบอลที่เก่งกาจที่สุด มิดฟิลด์ตัวรับที่แทบไม่ปล่อยให้กองหลังเหนื่อย เมื่อทั้ง 2 คนได้บอล พวกเขาจะมองหา ริเกลเม่ และจากนั้น ริเกลเม่ จะมองหา 3 ประสานในแนวรุกอย่าง ดิ มาเรีย, เมสซี่ และ อเกวโร่ (หรือ ลาเวซซี่) โดยตัดสินจากทางเลือกที่ดีที่สุด
เกมรุกของ อาร์เจนตินา จัดจ้านมาก นักเตะพวกนี้ไม่ปล่อยให้ใครแย่งบอลง่าย ๆ เรื่องนี้พวกเขาไม่ได้พูดเองแต่เป็น มาร์ค มิลลิแกน กัปตันทีมของ ออสเตรเลีย คู่แข่งของพวกเขาในรอบแบ่งกลุ่มให้สัมภาษณ์หลังเกมจบ
ขณะที ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ที่เล่นได้ดีมากในฐานะตัวรับก็ยังยืนยันว่า เครดิตจริง ๆ คือกลุ่มนักเตะเกมรุกที่เล่นกันแบบเข้าขารู้ใจ และแผนของ บาติสต้า ก็เอื้อกับนักเตะกลุ่มนี้มาก เพราะมีการตกลงกันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะเล่นในสไตล์ตัวเอง นั่นคือการเปิดเกมรุก และทุก ๆ คนต่างเชื่อใจกันและกัน
"ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเราชนะ และชนะอย่างกล้าหาญด้วยการเล่นเกมรุก และไม่เคยหยุดที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ" มาเคราโน่ ว่าแบบนั้น
ส่วนกลุ่มนักเตะเกมรุกที่กำลังวัยรุ่นในเวลานั้นก็ต่อยอดกันไปได้ไกลมาก ๆ จากเหรียญทองสำคัญ พวกเขากลายเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริง และอย่างที่คุณรู้กัน กลุ่มนักเตะชุดนี้กลายเป็นผู้นำของอาร์เจนตินาในชุดเเชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2022 ด้วย ... ดิ มาเรีย กับ เมสซี่ คือ 2 คนที่เผาฟูลแบ็กทุกทีมที่ดวลด้วย ขณะที่ อเกวโร่ ก็แจ้งเกิดสุด ๆ กับตำแหน่งเบอร์ 9 ในทัวร์นาเมนต์นั้น
"ผมเกิดใหม่กับรายการโอลิมปิก ผมได้รู้จักกับเมสซี่และเป็นซี้กับเขาในตอนนั้น ดวงตาของผมเป็นดวงตาดวงเดียวกับ ลีโอ เรามองเห็นอะไรคล้าย ๆ กัน แต่เขาเหนือกว่าไปอีกขั้น ดวงตาของเขาเกินมนุษย์ มันเหมือนกับนกที่มองมุมสูง (Bird Eye View) เขาเห็นทุกอย่างในสนาม ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาทำมันได้ยังไง" ดิ มาเรีย ว่าต่อ
แน่นอนว่านี่คือทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุด พวกเขาชนะรวด 100% และชนะทีมแกร่งแบบสมภาคภูมิ แม้หลังจากเหรียญโอลิมปิกครั้งนี้ พวกเขาจะต้องรอนานหลายปีกว่าจะได้ถ้วยใหญ่ แต่ที่สุดแล้วต้องยอมรับว่า โอลิมปิก 2008 คือกลุ่มนักเตะ โกลเด้น เจเนอเรชั่น ของทีมชาติอาร์เจนตินา และถือเป็นทีมโอลิมปิกที่เก่งที่สุดทีมหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันอย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง
https://www.theguardian.com/sport/2008/aug/23/olympics2008.argentina
https://talksport.com/olympics/913939/lionel-messi-sergio-aguero-ronaldinho-olympics-gold-medal/
https://inside.fifa.com/tournaments/mens/mensolympic/beijing2008/news/messi-and-argentina-grab-gold-in-beijing
https://mundoalbiceleste.com/2020/05/05/sergio-batista-i-heard-messi-and-riquelme-didnt-get-along-held-meeting/
http://www.china.org.cn/olympic/2008-08/06/content_16148955.htm
https://mundoalbiceleste.com/2018/09/30/juan-roman-riquelme-ionel-messi-argentina-pep-guardiola/