April Fool's Day สร้างเรื่องโกหกขึ้นมากมายในโลกโซเชี่ยล บางเรื่องก็ขำ บางเรื่องก็จืดสนิท และบางเรื่องก็กลายเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครบางคนอย่างไม่น่าเชื่อ
จากการแซวกันเล่นใน April Fool's Day ปี 2017 ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตนักฟุตบอลชาวอุรุกวัยคนหนึ่ง ให้ก้าวมาติดทีมชาติ ออสเตรเลีย ในวัย 34 ปี
และเรื่องราวของเขา ทำให้ หลุยส์ ซัวเรซ ต้องยกหูโทรศัพท์เพื่อบอกกับเขาว่า “นายทำสำเร็จแล้วเพื่อน”
ติดตามเรื่องราวจากคำโกหกสู่โลกแห่งความจริง บรูโน่ ฟอร์นาโรลี่ ในวันที่คำโกหกเต็มโลกโซเชี่ยลกับ Main Stand ที่นี่
อุรุกวัย แดนนักสู้
นักเตะอุรุกวัย ขึ้นชื่อมาแต่ไหนแต่ไรในเรื่องใจสู้ ชาติเล็ก ๆ ในอเมริกาใต้ ที่มีประชากรน้อยกว่ากรุงเทพมหานคร (3.5 ล้านคน) สร้างฟุตบอลจาก DNA และประวัติศาสตร์ของพวกเขาที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น
ทำไมนักเตะอุรุกวัย จึงมีแรงขับสูง เล่นหนัก เจ้าเล่ห์ และคำนึงถึงผลการแข่งขันโดยไม่เกี่ยงวิธีการ เรื่องนี้ว่ากันว่ามันเกิดจากการหล่อหลอมและการปรับตัวตามธรรมชาติในแบบที่ "ไม่ดิ้นก็ไม่ได้ลืมตาอ้าปาก" เพราะพวกเขาถูกขนาบข้างด้วย 2 ประเทศที่เป็นมหาอำนาจโลกลูกหนังอย่าง บราซิล และ อาร์เจนติน่า พวกเขาจึงต้องพยายามเป็น 2 เท่า
"เราเกิดมาบนดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างสองประเทศขนาดใหญ่ มันเหมือนกับคุณอยู่ในครอบครัวที่มีพี่ชายหลายคน คุณต้องพยายามอย่างหนักเพื่อชดเชยในเรื่องนั้น ไม่มีใครยอมให้คุณได้หายใจหรอก" ดิเอโก้ ฟอร์ลัน อดีตกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยอธิบายเรื่องนี้ให้จบความด้วยประโยคเดียว
ด้วยเหตุนี้จึงมีตำนานเล็ก ๆ เกิดขึ้นในเมือง ซัลโต เด็กหนุ่มสองคนอายุ 12 ปี หิ้วรองเท้าสตั๊ดขึ้นรถโดยสารประจำทางไปยังกรุง มอนเตวิเดโอ ด้วยระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร เพื่อไปคัดตัวกับสโมสรอย่าง นาซิอองนาล
เด็กคนหนึ่งชื่อว่า หลุยส์ ซัวเรซ ที่ภายหลังกลายเป็นเจ้าดาวซัลโวตลอดกาลของ อุรุกวัย ส่วนอีกคนเพื่อนซี้ของเขาที่ชื่อว่า บรูโน่ ฟอร์นาโรลี่
ทั้งสองคนเปรียบเสมือนความหวังหมู่บ้าน พวกเขามาคัดตัวกับ นาซิอองนาล ได้สำเร็จ เล่นในตำแหน่งกองหน้าเหมือนกัน และเก่งพอ ๆ กันตอนเริ่มต้น ลงเล่นด้วยกันทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติอุรุกวัยชุด ยู 17
แต่อย่างที่เรารู้กัน หลุยส์ ซัวเรซ นั้นไปไกลกว่าด้วยพรสวรรค์ที่ยิ่งโตยิ่งทิ้งห่าง ทั้งสองคนมาถึงทางแยกตอนอายุ 17 ปี ... ตอนนั้น ซัวเรซ ขึ้นชุดใหญ่ของ นาซิอองนาล ก่อน เล่นได้ปีเดียวและระเบิดฟอร์มเปรี้ยงจนเป็นไปตามกลไกของตลาด นั่นคือการได้ย้ายไปเล่นในยุโรปกับสโมสร โกรนิงเก้น
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ นาซิอองนาล ต้องดันกองหน้าจากทีมเยาวชนขึ้นมาแทนที่ของ ซัวเรซ และนั่นเป็นคิวของ บรูโน่ ฟอร์นาโรลี่ ที่เจ้าตัวก็ไม่ทำให้เสียชื่อบ้านเกิด ทดแทนการจากไปของ ซัวเรซ อย่างหมดจด
ในวัย 18 ปี ฟอร์นาโรลี่ ซัดคนเดียวไป 17 ประตูจากทุกรายการในซีซั่นเดียว และเป็นอีกครั้งที่กลไกตลาดทำงาน ...
ซามพ์โดเรีย ยื่นข้อเสนอ 3 แสนยูโรกับ นาซิอองนาล เพื่อขอซื้อ ฟอร์นาโรลี่ ในปี 2018 โดยหมายมั่นปั้นมือว่า ดาวรุ่งชาวอุรุกวัยรายนี้จะเข้ามาทดแทน วินเซนโซ่ มอนเตลล่า กองหน้าตัวเก๋าที่ย้ายออกจากทีมไป
"การเดินทางของผมเริ่มต้นขึ้นแล้ว ภาพในหัวสมองของผมล่องลอยไปไกล ผมเห็นภาพนักเตะอย่าง อัลวาโร่ เรโคบา, ฟอร์ลัน หรือ ซัวเรซ ผมหวังว่าผมจะเดินตามรอยของพวกเขา" ฟอร์นาโรลี่ กล่าวในวันที่จะย้ายไปยุโรปครั้งแรก ... ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ดูเหมือนว่าแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ถอดใจได้เหมือนกัน
การเล่นในอิตาลีมีปัญหา ฟอร์นาโรลี่ ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จากกองหน้าที่ยิงระเบิดในบ้านเกิด กลับเป็นนักเตะที่ลงเล่นใน อิตาลี ถึง 3 ซีซั่นแต่ยิงได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น ซึ่งระหว่างนั้น ซามพ์โดเรีย เองก็พยายามหาตัวช่วยให้ ฟอร์นาโรลี่ ระเบิดฟอร์ม ด้วยการปล่อยให้ ซาน ลอเรนโซ่ ในลีก อาร์เจนตินา ยืมตัวด้วยราคา 1 แสนยูโร ในปี 2009
เมื่อถึงจุดนั้นเราแทบจะนับนิ้วตามไม่ไหว เพราะ ฟอร์นาโรลี่ ย้ายทีมเป็นว่าเล่น แทบจะปีต่อปี ไล่ตั้งแต่ไปค้าแข้งในลีก อาร์เจนตินา, สเปน, กลับ อุรุกวัย บ้านเกิด, ลีกกรีซ, ลีกโปรตุเกส ... เผลอแวบเดียวก็เข้าสู่เดือนสิงหาคม 2015
ฟอร์นาโรลี่ ค้นพบตัวเองอีกครั้งว่าตอนนี้ เขาได้เปิดเเผนที่ใหม่แล้ว ด้วยการย้ายมาเล่นในเอลีกออสเตรเลีย กับสโมสร เมลเบิร์น ซิตี้ จากนี้เองที่เรื่องราวมากมายเกิดขึ้น แบบที่เขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน
"ผมแทบจะยอมแพ้ไปพร้อม ๆ กับการยอมรับความจริง นักเตะทุกคนล้วนมีที่ทางของตัวเอง สำหรับผมมันไม่ใช่ที่ยุโรปแน่ ๆ ผมเลือกเดินทางมายัง ออสเตรเลีย ถึงตอนนี้มันเป็นเรื่องของการรักษาอาชีพของตัวเองและการหาเลี้ยงครอบครัวเเล้ว ผมแทบไม่รู้จักออสเตรเลีย ผมคิดว่าที่นี่เล่นแต่รักบี้อย่างเดียวด้วยซ้ำ" ฟอร์นาโรลี่ ยอมนับ
เขามาที่ ออสเตรเลีย โดยที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่ลูกสาวของเขาอยู่ในวันกำลังกินกำลังโต ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่กลุ่ม "ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป" เครือข่ายสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งซื้อทีม เมลเบิร์น ฮาร์ท ในออสเตรเลีย ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น เมลเบิร์น ซิตี้ เมื่อเดือนมกราคม 2014 ได้ไม่นาน
พวกเขาต้องการกองหน้าสไตล์อเมริกาใต้ และในฐานข้อมูลของเครือข่าย พวกเขาพบชื่อของ ฟอร์นาโรลี่ ก่อนดึงตัวเขามาร่วมทีม
การที่สโมสรคำนวนจากสถิติมาแล้วว่า ฟอร์นาโรลี่ เล่นได้และเข้าระบบ ช่วยในการปรับตัวของเขาได้มาก แม้จะพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ภาษาฟุตบอลนั้นผ่านฉลุย ฟอร์นาโรลี่ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ เมลเบิร์น ซิตี้ ทันทีตั้งแต่ย้ายมา รับหน้าที่ "พระเอก" ตามที่ทีมแมวมองคาด บทบาทการสร้างเกมรุก เตะลูกนิ่ง ยิงจุดโทษ ล้วนเป็นหน้าที่หลักของเขาในออสเตรเลียทั้งสิ้น
เราอยากให้คุณนึกภาพ วันที่ไทยลีกตื่นเต้นที่เห็นฝีเท้าของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ มันคือความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่แฟนบอลออสเตรเลียได้เห็นฝีเท้าของ ฟอร์นาโรลี่ นึกภาพนักเตะอเมริกาใต้ เทคนิคดี ชงเองกินเองได้ ร่างกายแข็งแรงไม่ไม่มีประวัติการบาดเจ็บยาว และอยู่ในวัย 27 ปีที่กำลังพีก มันคือความแตกต่างกันกองหน้าคนอื่น ๆ ในลีกอย่างชัดเจน
ฟอร์นาโรลี่ ยิงให้ เมลเบิร์น ซิตี้ ได้ถึง 25 ลูกจาก 29 เกม เอลีก ฤดูกาล 2015/16 คว้ารางวัลดาวซัลโว เอลีก นักเตะยอดเยี่ยม เอลีก พร้อมทำสถิตินักเตะที่ยิงประตูถึง 30 ลูกเร็วที่สุดในประวัติศาตร์ของ เอลีก โดยใช้เวลาเพียง 32 เกมเท่านั้น
ยิ่งแต่ละฤดูกาลผ่านไป ฟอร์มของ ฟอร์นาโรลี่ ก็ไมได้เเผ่วลงเลย ปี 2016 เขาช่วยให้ทีมคว้าเเชมป์บอลถ้วย ออสเตรเลีย คัพ และยิงเพิ่มอีก 20 ประตู ทำไปอีก 14 แอสซิสต์ ในฤดูกาล 2016/17 (ที่ออสเตรเลีย เอลีก แข่งแบบคร่อมปีปฏิทิน ส่วน ออสเตรเลีย คัพ แข่งตามปีปฏิทิน)
หลังจากปรากฎการณ์ ฟอร์นาโรลี่ ฟีเวอร์ เกิดขึ้นหลังจากนั้น นักเตะออสเตรเลีย หลายคนเอ่ยปากชมเขาไม่หยุด ทิม เคฮิลล์ ที่เล่นร่วมกันในสโมสร เมลเบิร์น ซิตี้ ถึงกับให้สัมภาษณ์ว่ามันจะเป็นเรื่องดีมาก ถ้าออสเตรเลีย สามารถสร้างกองหน้าแบบ ฟอร์นาโรลี่ ได้ ซึ่งตอนนั้นมันก็มีกระแสที่ว่า ถ้าโอนสัญชาติ ฟอร์นาโรลี่ ได้ก็น่าจะดี
สิ่งนี้ทำเอาแฟนบอล ออสเตรเลีย หลายคนคล้อยตามด้วย เพราะกองหน้าในทีมชาติของพวกเขาก็ไม่ได้เเข็งแกร่งมากนัก ตัวความหวังก็เหลือเพียง ร็อบบี้ ครูส และ แมทธิว เล็คกี้ ที่เล่นในบุนเดสลีกา แต่ทั้ง 2 คนก็เป็นตัวริมเส้นเสียมากกว่า ดังนั้นมันพาให้ทุกคนฝันไปไกลว่าหากคนที่จะมายืนเป็นกองหน้าเป็น ฟอร์นาโรลี่ ที่ยิงเป็นวาเล่นแบบนี้จะดีแค่ไหน ?
ในวันที่ 1 เมษายน 2017 ซึ่งเป็นวัน เอพริล ฟูลส์ เดย์ สโมสร เมลเบิร์น ซิตี้ ประกาศลงทวิตเตอร์ว่า "Bruno is Aussie" หมายความว่า ฟอร์นาโรลี่ กำลังจะติดทีมชาติออสเตรเลียแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็มองเป็นเรื่องตลกขำขัน ปนฝันหวานไปแบบนั้น เพราะ ฟอร์นาโรลี่ ไม่มีทางจะติดทีมชาติ ออสเตรเลีย ได้เลยเพราะเขาไม่มีเชื้อชาติออสซี่ปนมาแม้แต่น้อย
ครั้นจะคุยเรื่องการขอสัญชาติตามกฎหมายก็ยากอีก เพราะกฎหมายการโอนสัญชาติออสเตรเลียมีอยู่ว่า ต้องอาศัยอยู่ในออสเตรเลียด้วยวีซ่าที่ถูกต้องเป็นเวลา 4 ปี และต้องเป็นผู้อาศัยอยู่ถาวรในออสเตรเลียนาน 12 เดือน โดยในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ต้องออกนอกประเทศออสเตรเลียไม่เกิน 12 เดือน และในช่วง 12 เดือนล่าสุด ต้องออกนอกประเทศรวมไม่เกิน 90 วัน ซึ่งเขายังอยู่ไม่ครบ 4 ปี และในแต่ละปีก็มีช่วงเวลาที่เขาต้องกลับไป อุรุกวัย บ้านเกิดอยู่เป็นช่วง ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงซัมเมอร์ หรือช่วงพักเลก
บรูโน่ ฟอร์นาโรลี่ กดไลก์ทวิตเตอร์วันเมษาหน้าโง่นั้น มันพอเรียกรอยยิ้มจากเขาได้ แต่ในใจลึก ๆ ตัวเขาก็ยอมรับว่าการมาเล่นในออสเตรเลีย เปลี่ยนชีวิตเขามาก ๆ อย่างน้อย ๆ ครอบครัวเขาก็มีความสุขมาก ๆ ลูกคนที่ 2 ของเขาเกิดในประเทศนี้ และผู้คนที่นี่ก็เปิดประตูต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าการมาออสเตรเลีย ที่ตอนแรกก็จะมาแค่หาเงิน กลับกลายเป็นว่าเขาได้เจอที่ตัวเองเข้าให้ และบ่อยครั้งเมื่อสื่อออสซี่ถามเขาว่าอยากจะเล่นให้ทัพซอคเก้อร์รูส์หรือไม่ ฟอร์นาโรลี่ จะตอบเสมอว่า "ทำไมจะไม่ล่ะ" พร้อมทิ้งท้ายด้วยประโยคดับฝันว่า
"ผมลองปรึกษาทนายดูแล้ว ว่าเรื่องนี้พอจะเป็นไปได้ไหม แต่คำตอบคือไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะกฎที่ฟีฟ่าวางไว้มันขวางทางอยู่"
วันที่เรื่องโจ๊ก กลายเป็นเรื่องจริง
วันเวลาผ่านไปนับตั้งแต่ปี 2015 ฟอร์นาโรลี่ ก็เล่นในออสเตรเลีย มาเรื่อย ๆ โดยปี 2019 เขาได้ย้ายไปอยู่กับต้นสังกัดใหม่ เพิร์ธ กลอรี่ ซึ่งแน่นอนว่าสถิติยิงประตูของเขานั้นระดับลุ้นดาวซัลโวของทีมทุก ๆ ปีเหมือนเคย
จนกระทั่งในปี 2020 FIFA ได้เปลี่ยนแปลงกฎใหม่เรื่องการเปิดโอกาสให้นักเตะสามารถลงรับใช้ทีมชาติอื่น ๆ ได้ นอกเหนือจากชาติบ้านเกิดของพวกเขา
โดยส่วนหนึ่งของกฎใหม่คือ อนุญาตให้ผู้เล่นที่เล่นให้กับประเทศบ้านเกิดของเขา ไม่เกินระดับรุ่นเยาวชนยู 21 ปี สามารถย้ายไปเล่นให้กับทีมชาติใหม่ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมาอาศัยอยู่ในประเทศใหม่เป็นเวลาห้าปีหรือมากกว่านั้น สามารถยื่นขอสิทธิ์ในการ โยกย้ายทีมชาติได้ทันที
ซึ่งเมื่อเกิดกฎนี้ขึ้นมา สิ่งที่ชาวออสเตรเลียอยากจะเห็นก็ได้เห็น เมื่อสมาคมฟุตบอลออสเตรเลีย นำโดยกุนซือ เกรแฮม อาร์โนลด์ เรียกตัวเขาติดทีมชาติออสเตรเลีย เมื่อเดือนมีนาคม 2022
วันนั้นทวิตเตอร์ของคนฟุตบอลออสเตรเลียหลั่งไหล นักเตะหลายคนยินดีกับ ฟอร์นาโรลี่ รวมถึง ทิม เคฮิลล์ ที่แหย่ประเด็นนี้มานาน สำนักข่าวต่าง ๆ ลงข่าวพาดหัวเดิมกับ 5 ปีที่แล้วเป๊ะ "Bruno Fornaroli, the AUSSIE"
เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การโกหกในวันเมษาหน้าโง่ นี่คือเรื่องจริงที่ ฟอร์นาโรลี่ นักเตะชาวอุรุกวัย จะได้เล่นให้กับทีมชาติออสเตรเลียเป็นครั้งแรก ข่าวนี้มันทำให้เขาตื่นตัวอย่างสุดขีด มันคือฝันที่เขาแทบจะทิ้งมันไปแล้ว
"ตลอดช่วงอาชีพการเป็นนักฟุตบอลของผม ผมหวังว่าผมจะได้รู้สึกแบบนี้สักครั้ง หวังว่ามันจะถึงเวลาของผม แน่นอนที่สุดนี่คือช่วงเวลาที่ยิงใหญ่ที่สุดในอาชีพของผมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย"
"สองสามวันก่อนผมพยายามมากที่จะเร่งกระบวนการขอสัญชาติให้เร็วที่สุด ผมสัญญาว่าผมจะทุ่มเทและยิงประตูให้สม่ำเสมอ เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการได้เล่นกับทีมชาติออสเตรเลียมีความหมายกับผมขนาดไหน"
"ผมมีเหตุผลมากมายที่จะบอกพวกคุณว่า ทำไมผมถึงจะสู้เพื่อทีมชาติออสเตรเลียและประเทศนี้ ผมจะทุ่มหัวใจของผมเต็ม 100% ไม่ว่าผมจะได้ลงเล่นหรือไม่ ผมจะทำให้ดีที่สุดทั้งในและนอกสนาม ผมจะทำให้ทุกคนเห็นความตั้งใจนี้"
ในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง ฟอร์นาโรลี่ ถูกเรียกติดทีมออสเตรเลียอย่างเป็นทางการในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกที่เจอกับ ญี่ปุ่น พร้อมทำสถิตินักเตะอายุมากที่สุดที่ได้เดบิวต์กับทัพ ซอคเก้อร์รูส์ ในวัย 34 ปี หลังจากการลงสนามวันนั้น หลุยส์ ซัวเรซ เพื่อนซี้ของเขาก็อัดคลิปมาเพื่อแสดงความยินดีด้วย
"บรูโน่ เพื่อนรัก ดีใจกับนายและภูมิใจกับนายมากจริง ๆ ฉันรู้ นี่คือความฝันของนาย ฉันรู้ดีว่าคนอุรุกวัยทั้งประเทศก็คิดแบบนั้น นายกำลังมีความสุขจนกระโดดตัวลอยอยู่เลยสิ นี่คือชีวิตที่นายสมควรได้รับมัน การติดทีมชาติที่นายทุ่มเทเพื่อสิ่งนี้มาตลอด การได้มีความสุขในออสเตรเลียกับลูก ๆ และครอบครัว ... ฉันยังจำวันที่นายเป็นไอ้หนุ่มผมบลอนด์หิ้วกระเป๋าเดินทางบนรถบัสด้วยกันได้อยู่เลย เด็กคนนี้ทำงานหนัก จนมีวันของเขาแล้วจริง ๆ ... คนที่ออสเตรเลียจะต้องรักนายแน่นอน ฉันเชื่อแบบนั้น" ส่วนหนึ่งจากการสัมภาษณ์ของ ซัวเรซ
สำหรับ ฟอร์นาโรลี่ นั้นก็พูดถึงตัวเองว่า "ถ้าย้อนกลับไปตอนเด็ก และเล่าเรื่องในตอนนี้ให้ตัวเองตอนนั้นฟัง ไอ้เด็กคนนั้นมันคงเซอร์ไพรส์ ถ้ารู้ได้ว่าเขาจะได้ลงเล่นในชุดสีเหลืองเขียว ไม่ใช่สีฟ้า และผมจะบอกเขาว่า ไอ้หนู นี่แหละคือโลกฟุตบอล มันบ้ามาก และมันเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงรักมันขนาดนี้ มันคือเกมที่คุณคาดเดาอะไรไม่ได้ตลอด 90 นาที ดังนั้นกับอาชีพนักเตะของคน ๆ หนึ่ง มันมีอะไรที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นเยอะเลย"
จากเรื่องตลกในวัน เอพริล ฟูลส์ เดย์ กลายเป็นเรื่องจริงในอีก 5 ปีต่อมา ... ณ ตอนนี้ ฟอร์นาโรลี่ อายุ 36 ปีแล้ว ยังคงเล่นในออสเตรเลียเช่นเดิม แต่เป็นกับ เมลเบิร์น วิคตอรี่ คู่ปรับร่วมเมืองของ เมลเบิร์น ซิตี้ ต้นสังกัดเก่า และในปี 2024 เขาก็ติดทีมชาติออสเตรเลียไปแล้ว 7 นัด พร้อมกับได้ลงเล่นในศึก เอเชียนคัพ 2023 ที่กาตาร์
ออสเตรเลีย กลายเป็นบ้านของเขา เป็นที่ที่มอบความรัก ชื่อเสียง เกียรติยศ ให้กับเขาในแบบที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อน โดยที่ ฟอร์นาโรลี่ ทิ้งท้ายว่า "การมาที่ออสเตรเลีย คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย"
แหล่งอ้างอิง
https://melbournecityfc.com.au/news/bruno-becomes-aussie/
https://www.independent.co.uk/sport/football/premier-league/inside-city-football-group-manchester-city-s-network-of-clubs-new-york-melbourne-girona-a7934436.html
https://aleagues.com.au/news/an-april-fools-joke-in-2017-reality-in-2022-fornarolis-roo-dream-comes-true/
https://www.espn.com.au/football/story/_/id/39274822/the-tale-fornaroli-suarez-two-kids-salto-uruguay
https://www.foxsports.com.au/football/a-league/april-fools-pranks-melbourne-victorys-bbl-and-melbourne-citys-bruno-fornaroli-socceroos-stunt/news-story/5ffda956603fd1380d542c99ec87add7