Feature

เพราะแชมป์แรกเปรียบเหมือนสปริงบอร์ด : เหตุผลที่ เชลซี ต้อง "สู้แค่ตาย" เพื่อถ้วย คาราบาว คัพ  | Main Stand

ในโลกฟุตบอล ไม่มีอะไรสำคัญกว่าผลลัพธ์ ... ไม่ว่าคุณจะเป็นทีมที่ถูกมองว่ารองบ่อน มองว่าเป็นโค้ชที่ไร้ประสบการณ์ หรือมีกลุ่มนักเตะที่ขาดศักยภาพ สำคัญที่สุดคือ ท้ายที่สุดแล้วคุณได้ผลลัพธ์ที่ต้องการหรือเปล่า ? 

 


เชลซี ต้องลงพิสูจน์ตัวเองครั้งสำคัญในเกมนัดชิง คาราบาว คัพ ที่พวกเขาจะพบกับ ลิเวอร์พูล

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กับลูกทีม เชลซี ที่ใครต่างก็มองว่าเป็นทีมชุดจับปูใส่กระด้งและเป็นมวยรอง จะสามารถพลิกสถานการณ์และเปลี่ยนคำดูถูกทั้งหมดนี้ได้ เพียงแค่พวกเขาชนะเกมนี้ 

ทำไมถ้วยรางวัลจึงสำคัญนักกับการสร้างยุคสมัยใหม่ของ เชลซี ? นี่คือคำตอบโค้ชทุกคนบนโลกตอบเป็นเสียงเดียวกัน ติดตามที่นี่กับ Main Stand 

 

เหตุผลที่ เชลซี เลือก โปเช็ตติโน่ 

การที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามารับงานกับ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ถือเป็นบทพิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่าง นี่คือหนึ่งในสโมสรที่วางโปรเจ็กต์ไว้ใหญ่โตจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และเป็นทีมที่กำลังทำในสิ่งที่หลายทีมในพรีเมียร์ลีกไม่เคยทำ นั่นคือการซื้อนักเตะมากมายในทุกตลาด เพื่อวางแผนสู่อนาคต ซึ่ง "พอช" เขามารับโปรเจ็กต์ที่ใครต่างก็บอกว่าเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่กว่าเขา 

ไม่แปลกที่สื่อจะมองแบบนั้น โปเช็ตติโน่ ถูกจดจำในฐานะกุนซือผู้สร้าง มากกว่ากุนซือที่เสกเเชมป์สำเร็จรูป ช่วงเวลาที่สร้างชื่อของเขาเกิดขึ้นในตอนที่เขาสร้างทีมอย่าง เอสปันญ่อล ให้ขึ้นมาเป็นทีมระดับท็อป 6 ของ ลาลีกา, การเปลี่ยน เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ ณ ตอนนั้นเป็นทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ให้กลายเป็นทีมที่อยู่รอดสบาย ๆ ด้วยสายตาในการซื้อนักเตะที่เฉียบขาด จับใครมาเป็นอันต้องลงล็อกเล่นได้ดี ปั้นขายก็ได้ราคา  และแน่นอนผลงานกับ สเปอร์ส ที่เขาทำทัพไก่เดือยทองขึ้นมาเป็นทีมระดับลุ้นเเชมป์ และเคยเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 1 ครั้งในปี 2019 

แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นระดับที่ต้องการใครสักคนมายกมาตรฐานอีกครั้ง โปเช็ตติโน่ คือคน ๆ นั้น แต่ที่ เชลซี ยิ่งนับตั้งแต่ยุค 2000s เป็นต้นมา สโมสรแห่งนี้ต้องมีแชมป์เท่านั้น ไม่ว่าแผนการบริหารจะเป็นแบบไหน แต่ในสนามไม่มีทางเลือกอื่น กุนซือของ เชลซี หลายคนกระเด็นออกจากงานด้วยเหตุผลนี้เสมอ ไม่ว่าจะยุคไหน ๆ 

จริงอยู่ที่ โปเช็ตติโน่ อาจจะเคยคว้าเเชมป์กับ เปแอสเช แต่มันคือธรรมดาของกุนซือทีมเศรษฐีจากเมืองหลวงของฝรั่งเศสทีมนี้ ที่การเป็นแชมป์เครดิตมักจะไม่ตกอยู่กับโค้ช เนื่องจากขุมกำลังนักเตะ รวมถึงการลงทุนมากกว่าทีมอื่นในลีกไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นในเมื่อ โปเช็ตติโน่ ถูกมองว่าเป็นกุนซือที่เหมาะกับการเป็นคนสร้างรากฐาน ไม่ได้สร้างเเชมป์หลายเสียงจึงมองว่าเขาไม่ใช่คนที่ตอบโจทย์ในเวลานี้ ดังนั้นคำถามจึงมีอยู่ว่า "ทำไม เชลซี ถึงเลือก พอช ?" 

เรื่องนี้ย้อนกลับไปในวันที่แต่งตั้ง London Evening Standard อ้างสายข่าวและรายงานว่า การเลือกกุนซือ เชลซี เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาเหมือนกับการประกวดนางงาม ที่ดุลยพินิจขึ้นอยู่กับ กรรมการ (ผู้บริหาร) ไม่ใช่กระแสของแฟน ๆ 

โดยตอนแรกมีชื่อโค้ชอย่าง ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ และ หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นแคนดิดเดตกุนซือใหม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โปเช็ตติโน่ ที่หอบแฟ้มเล่มโตเข้ามาในห้องสัมภาษณ์งาน เขาเริjมไล่เรียงเป็นฉาก ๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างหากได้งานนี้ เขาเตรียมมาแม้กระทั่งข้อมูลทุกอย่างของทีมงานทุกคนที่เขาต้องการ แต่ละคนมีดีอะไร ทำหน้าที่อะไร ต้องการค่าเหนื่อยเท่าไหร่ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการพรีเซนต์ผลงานที่สร้างความประทับใจให้กับผู้บริหารเชลซี ในเวลานั้น 

นอกจากนี้ โปเช็ตติโน่ ยังยินดีทำงานร่วมกับทีมสรรหาที่บอร์ดบริหารเชลซี แต่งตั้งขึ้นมาหลายคน ที่สำคัญคือผู้บริหารของ เชลซี ไม่ได้มองเขาที่การเคยเป็นแชมป์หรือไม่ แต่มองว่า โปเช็ตติโน่ เป็นกุนซือที่ประวัติการณ์ทำงานดี ในแง่ของการทำฟุตบอลที่มีพลังงานสูง มีสไตล์การเล่นที่สนุก จัดการกับนักเตะหนุ่มได้ดีมาก ๆ ซึ่งข้อนี้สำคัญจริง ๆ 

เพราะ เชลซี นับตั้งแต่ที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ และคณะ เข้ามาซื้อสโมสรเมื่อปี 2022 เป็นทีมที่จะซื้อนักเตะอายุต่ำกว่า 25 ปี และวางพัฒนาพวกเขาเหล่านี้ในการสร้างทีมเพื่ออนาคต และอีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือได้มีการสอบถามไปยังเพื่อนร่วมงานเก่า ๆ ของ โปเช็ตติโน่ และได้รับการยืนยันว่า เขาเป็นกุนซือที่สามารถนำความสามัคคี และ และสร้างแพสชั่นให้กับนักเตะหนุ่มได้มากเป็นพิเศษ แตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น ๆ 

นั่นคือภาพที่ผู้บริหารของ เชลซี คิดไว้ และสุดท้าย โปเช็ตติโน่ ก็ได้งานนี้จากการพิจารณารอบด้าน และจากนั้นงานของเขาก็เริ่มขึ้น 

 

งานที่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล 

แน่นอนว่าการให้สัมภาษณ์งานของ โปเช็ตติโน่ และเป้าหมายที่เขาวางไว้กับทีม หากเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ มันยังไม่เห็นภาพชัดมากนัก สิ่งที่เขาทำในสนามตามที่ตกลงกันไว้คือการสร้างทีมฟุตบอลที่เล่นได้สนุก มีพลังงานสูง และได้ผลการแข่งขันที่ดี 

อย่างที่เราเห็นกันอันดับ เชลซี ในลีกขยับอยู่ในกลางตารางมาโดยตลอด ขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวแพ้เดี๋ยวชนะ ทำเอาแฟน เชลซี บางกลุ่มอาจจะไม่พอใจนัก อย่างไรก็ตามในมุมมองของบอร์ดบริหาร พวกเขายังพอใจ และไม่มีข่าวการปลดโค้ชหลุดรอดออกมาให้เห็น ทำไมถึงเป็นแบบั้น ? 

อย่างแรกเลย เชลซี มองที่อนาคตไว้ก่อน และพวกเขาเข้าใจความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เชลซี มีนักเตะที่ใหม่เกือบยกชุด ดังนั้นภารกิจของ "พอช" จึงเหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง ที่ยังคงลองผิดลองถูกหลังผ่านไปครึ่งซีซั่น นั่นคือสิ่งที่พวกเขาบอกว่า "รอได้" และสาเหตุที่รอได้เนื่องจากห้องแต่งตัวของทีมยังดีมาก ๆ และภาษากายของนักเตะ เชลซี ยังแสดงออกว่าพวกเขายังสู้เพื่อโค้ช และเป็นทีมที่ขยันวิ่ง ขยันไล่ มีแพสชั่นในการแข่งขัน เพียงแต่ขาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น 

ถ้าใครได้เห็นเกมของ เชลซี ในช่วงตั้งแต่เข้าสู่ปี 2024 เป็นต้นมา คุณเองก็น่าจะพอนึกภาพออก เชลซี มีฟอร์มที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือภาพที่ออกมาในสนามมันดูดีขึ้นกว่าตอนนั้นซีซั่น เรื่องนี้ ฟร้องก์ เลอเบิฟ อดีตนักเตะ เชลซี เคยวิเคราะห์ไวอย่างน่าสนใจว่า 

"ประการแรกเลย ตอนที่ โปเช็ตติโน่ เซ็นสัญญากับ เชลซี สโมสรนี้มีแต่ความโกลาหล ถ้าคุณบอกว่าเขา 'ไม่ใช่คนที่ใช่' คุณบอกได้ไหมว่าคนที่ใช่คือใคร ?" เลอเบิฟ กล่าวเริ่ม

"เชลซี เต็มไปด้วยความโกลาหลสารพัดเรื่อง ผมว่าต่อให้ยอดอัจฉริยะอย่าง เป๊ป มารับงาน เขาเองก็ต้องใช้เวลาจูนทีม เชลซี ชุดนี้อยู่พักใหญ่เหมือนกัน ดังนั้นสำหรับ โปเช็ตติโน่ ผมไมได้มองว่าเขาแย่ ผมมองว่าตอนนี้เราเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว นักเตะเชลซี แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพยายามปรับปรุงแก้ไข อดทนกับช่วงเวลาแย่ ๆ และอยากพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็น" 

"โอเคล่ะ โปเช็ตติโน่ อาจจะไม่ได้ทำทีมดีมาก เเต่ผมคิดว่าเขาก็ทำได้ดีที่สุดแล้ว เขากำลังแก้ปัญหาหลายอย่างเช่นการสร้างเกมรับโดยไม่มี ติอาโก้ ซิลวา ซึ่งเราก็ได้เห็นแผนการเล่นที่รัดกุมในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ที่เขาใช้ อักเซล ดิซาซี่ ดวลกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์" 

"สุดท้าย ผมเชื่อว่า โปเช็ตติโน่ ได้ทำบางสิ่งแล้ว นั่นคือการให้ความมั่นใจในนักเตะของเขา พวกเขาต่างแสดงให้เห็นว่าเมื่อรวมกันพวกเขาเป็นทีมที่ดีได้ตัวอย่างเช่นในเกมกับ วิลล่า และ แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้ผมหวังว่าเราจะได้เห็นผลลัพธ์จากการทำงานหนักของ โปเช็ตติโน่ ซึ่งผมคิดว่ามันจะผลิดอกออกผลในไม่นานนี้หรอก" เลอเบิฟ กล่าว 

อย่างที่ เลอเบิฟ บอก งานของ โปเช็ตติโน่ ยากเกินกว่าจะทำออกมาได้ดีในทันที แต่ตอนนี้ เชลซี มีสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณสมบัติของทีมที่ดี นั่นคือการมีทีมที่นักเตะยังสนับสนุนโค้ช และพร้อมจะวิ่งให้เจ้านายที่เชื่อมั่นในตัวของพวกเขา 

ตอนนี้มันเป็นเรื่องของผลลัพธ์เท่านั้นที่ยังรอการพิสูจน์ และในโลกฟุตบอลโดยเฉพาะกับทีมใหญ่อย่าง เชลซี … แชมป์ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะถ้วยใหญ่ ถ้วยเล็ก แต่แชมป์ก็คือแชมป์ และแชมป์จะเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้มากมาย โดยมีตัวอย่างจากยอดทีมในอดีตหลายทีม ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่า โปเช็ตติโน่ หมายมั่นปั้นมือสุด ๆ ในการชิงแชมป์คาราบาว คัพ ครั้งนี้ เพราะเขารู้ว่า "ถ้าทำสำเร็จ" อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ 

 

ปักหมุดสู่แชมป์ 

การเป็นแชมป์ในโลกของฟุตบอลต้องการส่วนประกอบหลายอย่าง นอกจากขุมกำลังที่แข็งแกร่ง ทัศนคติที่ดีของนักเตะ แท็คติกที่ดีของโค้ชแล้ว มันยังมีสิ่งที่เรียกว่า "ประสบการณ์" ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก ๆ กับทีม เชลซี ชุดนี้ 

เนื่องจากพวกเขาเป็นทีมคนหนุ่ม มีอายุเฉลี่ยนักเตะในทีมน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก (อันดับ 1 คือ เบิร์นลี่ย์) โดย สิงห์บลูส์ มีอายุเฉลี่ยของนักเตะอยู่ที่ 24.96 ปี เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าการหยิบจับคนหนุ่มจากทีมนั้นทีมนี้มารวมกัน สิ่งที่พวกเขาจะได้แน่ ๆ คือความสด ความกระหาย แต่การไปถึงแชมป์นั้น คุณก็ต้องการนักเตะที่เคยเป็นแชมป์มาก่อน เพื่อทำให้การเดินทางยังจุดหมายง่ายขึ้น

ตอนนี้ เชลซี มีนักเตะประสบการณ์ระดับโชกโชนเรื่องแชมป์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ คือนักเตะที่เคยคว้าเเชมป์ใหญ่มาก่อน ส่วนที่เหลือพวกเขายังใหม่มาก บางคนนอกจากจะไม่เคยคว้าเเชมป์ ยังมีประสบการณ์ในเกมระดับสูงไม่ถึง 100 นัดเลยด้วยซ้ำ 

นั่นคือสาเหตุว่า ทำไมแชมป์ คาราบาว คัพ จึงสำคัญมาก ๆ กับพวกเขา เพราะถ้า เชลซี ทำสำเร็จ มันจะหมายความผู้เล่นทุกคนได้มีส่วนร่วมในฐานะทีมจนคว้าเเชมป์ครั้งนี้มาได้ พวกเขาจะมองหน้ากันด้วยความเชื่อมั่น พวกเขาจะมีทัศนคติที่ โปเช็ตติโน่ มากขึ้น ไว้ใจกันมากขึ้น เพราะพวกเขาได้เริ่มนับ 1 ไปด้วยกันแล้ว 

ในอดีตมีกุนซือหลายคนที่ต้องผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ ในการพิสูจน์ตัวเองมากมาย แต่พอได้เเชมป์แรก พวกเขาก็ใช้มันเป็นสปริงบอร์ดเพื่อสร้างมารตฐานที่สูงขึ้น และสามารถสร้างทีมให้เป็นทีมได้สำเร็จ 

ตั้งแต่เข้ามาคุมทีมช่วงปลายปี 1986 อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดนแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด โห่ใส่แทบทุกเกม มีป้ายผ้ากดดันให้สโมสรไล่เขาออก แต่สุดท้าย เฟอร์กี้ พาทีมคว้าเเชมป์เอฟเอ คัพ ได้ในปี 1990 ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปจากนรกกลายเป็นสวรรค์ภายในไม่กี่ปี ไม่ใช่แค่คว้าแชมป์มากขึ้น แต่เขาสร้างทีมให้เป็นปึกแผ่น และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม 

หรือจะเอาใกล้ ๆ หน่อย ก็ยกตัวอย่างเช่น มิเกล อาร์เตต้า กับ อาร์เซน่อล ในวันที่ อาร์เตต้า รับงานครั้งแรกเมื่อปี 2019 ปรัชญาฟุตบอลของเขาแทบไม่มีใครมองออก ทุกคนสงสัยว่าเขาจะทำอาร์เซน่อลออกมาเป็นแบบไหน

หากยังจำกันได้ อาร์เซน่อล ในช่วงยุคแรก ๆ ของ อาร์เตต้า เป็นทีมที่พร้อมแพ้ทุกทีม ฟอร์มในลีกหลุดลุ่ย สภาพนักเตะก็มีจุดอ่อนมากมาย ทว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาเอาตัวรอดด้วยการพาทีมคว้าเเชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2019/20 หรือซีซั่นแรกที่อาร์เตต้าคุมทีม ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับความมั่นใจจากนักเตะในทีม และที่สำคัญที่สุดของ บอร์ดบริหารที่สนับสนุนการทำงานของเขา ให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ และให้งบประมาณในการทำทีมมากขึ้น 

รู้ตัวอีกที ตอนนี้ อาร์เซน่อล เป็นทีมระดับลุ้นเเชมป์พรีเมียร์ลีก ในระดับเดียวกับทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว เรียกได้ว่าแชมป์แรกของเขาซื้อใจนักเตะได้สนิทจนชนิดที่ว่าเกิดวลี "Trust The Process" (เชื่อมั่นในกระบวนการ) ขึ้นมาเพื่อหนุนหลังของ มิเกล อาร์เตต้า เลยทีเดียว

ย้อนกลับมาที่ โปเช็ตติโน่ เองก็เช่นกัน ผลงานในสนามชอง เชลซี ที่เริ่มดีขึ้น และภาษากายของนักเตะที่บอกว่า "พร้อมลุยเพื่อลูกพี่" ถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดี และพวกเขาสามารถใช้เเชมป์ คาราบาว คัพ เป็นสปริงบอร์ดครั้งสำคัญของสโมสรได้ 

การเป็นแชมป์จะเปลี่ยนแปลงทั้งสโมสร ไม่ใช่กลุ่มนักเตะเท่านั้น แชมป์จะช่วยเพิ่มความกระหาย ความมั่นใจ และประสบการณ์หรือที่เรียกกกันว่า DNA ของแชมเปี้ยน ซึ่งถ้าทีมไหนมีสิ่งนี้ คุณจะได้เห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้นแบบก้าวกระโดดแบบปีต่อปีเลยทีเดียว 

ก้าวแรกของ โปเช็ตติโน่ และลูกทีมจะต้องเจอบททดสอบสำคัญอย่าง ลิเวอร์พูล ... ในวันที่ทั้งโลกให้เป็นบอลรอง แต่ในโลกฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ เชื่อว่า เชลซี จะปลุกใจกันครั้งใหญ่สำหรับศึกครั้งนี้ เพราะถ้าหากพวกเขาทำสำเร็จ แชมป์รายการเล็ก ๆ อย่างคาราบาว คัพ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัยของทัพสิงห์บลูส์ ก็เป็นได้ 

 

แหล่งอ้างอิง :

https://theathletic.com/5059090/2023/11/14/pochettino-chelsea-tottenham-city-fans/
https://www.goal.com/en-ae/lists/chelsea-pep-guardiola-ex-blues-defender-mauricio-pochettino-shambles-stamford-bridge/blt4b82988d6bfa6736#csbe81305a0016b161
https://www.beinsports.com/en-us/soccer/premier-league/articles/mauricio-pochettino-insists-chelsea-and-their-fans-need-to-stay-together-2024-02-05
https://www.standard.co.uk/sport/fo
https://www.espn.com/soccer/story/_/id/37667933/the-story-mauricio-pochettino-move-chelseaotball/mauricio-pochettino-chelsea-fc-manager-b1081402.html

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ