เวลาที่ใครพยายามบอกว่า "ชะตาชีวิต มุนษย์เราลิขิตเอง" ดูเหมือนว่าจะทำให้หลายคนมองว่าเป็นความเพ้อฝันโลกสวยและปลอบใจตัวเองมากเกิน เพราะแท้จริงแล้ว "ชีวิตคาดเดาอะไรไม่ได้"
เราให้คำตอบไม่ได้ว่าแนวคิดแบบไหนที่ถูกกันแน่ แต่มีเรื่องของนักฟุตบอลคนหนึ่งที่สัมผัสแนวคิดทั้ง 2 อย่าง เพราะเขาเจอกับชีวิตที่คาดเดาไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็เป็นคนกำหนดเรื่องนี้เอง
นี่คือเรื่องราวของ เซบาสเตียน อัลแลร์ กองหน้าที่เผชิญกับโรคมะเร็งในปีที่แล้ว แต่ตัดภาพกลับมาปีนี้เขาพาทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ คว้าแชมป์ แอฟคอนฯ ได้อย่างยิ่งใหญ่จากประตูชัยของเขา
กำเนิด "วันเดอร์คิดทีมชาติฝรั่งเศส"
เซบาสเตียน อัลแลร์ เกิดและโตในประเทศฝรั่งเศส โดยได้เชื้อสาย ไอวอรี่ โคสต์ จากแม่ เขาเกิดในฐานะครอบครัวปานกลางมีพี่น้อง 3 คน และเรียกได้ว่าการเกิดมาในครอบครัวที่พร้อมช่วยทำให้อะไร ๆ มันง่ายขึ้นเยอะ เพราะเขาเองได้รับการสนับสนุนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จากพ่อ เนื่องจากพบว่าเป็นเด็กที่มีพลังเยอะ และชอบเล่นกีฬาตั้งแต่ตอนนั้น
โดยกีฬาที่ได้เรียนรู้คือการถูกส่งเข้าคลาสเรียนยูโด ซึ่งแน่นอนมันส่งผลต่อร่างกายของเขา เพราะการยืดเหยียดในแบบของศิลปะการต่อสู้ทำให้ อัลแลร์ เริ่มยืด ตัวสูงกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งแม่ของเขาเล่าย้อนกลับไปในช่วงนั้นว่า จริง ๆ แล้วอยากจะผลักดันให้ลูกเดินไปเส้นทางให้สนุด เพราะในช่วงเวลานั้น ยูโด เป็นกีฬาที่นิยมมาก หลังจากฝรั่งเศสคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกปี 1996 ที่กรุง แอตเเลนต้า
อย่างก็ตามเมื่อโตขึ้น อัลแลร์ กลับชอบฟุตบอลมากกว่า โดยความชอบเกิดขึ้นจากการเล่นเกมใน เพลย์สเตชั่น ดังนั้นจึงเกิดเรื่องราวแม่ไม่ปลื้ม ซึ่งการที่เขาจะได้เล่นเกมเหมือนเดิม คือการแสดงออกให้รู้ว่าเขาชอบฟุตบอลจริง ๆ ข้อแลกเปลี่ยนคือเขาจะต้องออกไปเล่นฟุตบอลนอกบ้าน มากกว่าการขลุกตัวอยู่ในห้อง
อัลแลร์ ยอมแบบเสียไม่ได้ แต่เมื่อไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนก็ปรากฎว่าเขามีพรสวรรค์ ตัวใหญ่ แข็งแรง รวดเร็ว คือคำชมที่เขาได้รับ ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนที่แม่และพ่อของเขายอมส่งเขาเข้าเรียนในสถาบันอคาเดมี่ FCO Vigneux ก่อนจะพัฒนาตัวเองเรื่อยมาและเริ่มเส้นทางฟุตบอลอย่างจริงจังกับสโมสร โอแซร์ อดีตทีมดังในฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้น อัลแลร์ เข้าไปทดสอบฝีเท้า และคิดว่าจะไปทดสอบเพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่ได้มีเป้าหมายใหญ่โตถึงขั้นที่เขาหวังในตอนนี้
"ต้องยอมรับว่าพ่อแม่มีส่วนสำคัญกับชีวิตมาก ๆ ผมโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น ผมได้รับการสนับสนุนสิ่งต่าง ๆ มากมาย ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปมันยากนะ ตอนนี้ผมเป็นพ่อคนแล้ว การจะปล่อยลูกออกจากอ้อมอก ไปอยู่ไกลบ้าน เพื่อตามฝัน มันเป็นเรื่องที่ทำใจยากเลยล่ะ โชคดีจริง ๆ ที่พ่อแม่เชื่อใจผม และผมเองก็ไม่เคยล้อเล่นกับเส้นทางของตัวเอง แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม" อัลแลร์ กล่าว
หลังจากเข้าระบบอคาเดมี่จริงจัง อัลแลร์ ก็เก่งเกินเบอร์ตั้งแต่วันนั้น สิ่งที่ยืนยันได้คือ เขาติดทีมชาติฝรั่งเศสตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ก่อนจะขยับขึ้นทุกรุ่นอายุ ขาดแค่เพียงทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่เท่านั้น
"ผมไปที่ โอแซร์ ตามคำบอกจากเพื่อน ๆ ตอนแรกผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นั่นมีการทดสอบฝีเท้ากัน พอไปถึงผมเห็นเด็กสัก 100 คนได้ คือตอนนี้ใจผมกะเอามันเข้าว่า ผมคิดในใจว่า 'จังหวะดีชิบ นี่คือโอกาสที่วางอยู่ตรงหน้าเราแล้ว” อัลแลร์ เริ่มเล่า
"ผมก็ลงไปโชว์ฝีเท้าเต็มที่ ไม่ได้คาดหวัง และไม่มีคำถามอะไรในใจ ทำไปตามเขาบอก แต่ตอนนั้นผมก็ได้สัญญากับทีมตั้งแต่อายุ 13 ปี หลายสิ่งหลายอย่างหมุนไปไวมาก รู้ตัวอีกทีผมก็อายุ 17 ปี แล้ว วัยเด็กผ่านไป ก้าวใหม่สู่ทีมชุดใหญ่ก็มาต่อคิวแบบไม่รู้ตัว" อัลแลร์ กล่าว
อัลแลร์ ถือเป็นของหน้าที่มีสถิติยิงประตูดีมากนับตั้งแต่การเดบิวต์ชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี ก่อนที่จากนั้นการเดินทางในโลกของมืออาชีพก็เริ่มต้นขึ้น อัลแลร์ ถูกยืมตัว 1 ซีซั่น ก่อนจะซื้อขาดโดย อูเทร็คช์ ทีมจากลีกสูงสุดของ เนเธอร์แลนด์ และที่นั่นเขาได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรในปี 2015 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลขวัญใจแฟนบอลในปีเดียวกันอีกด้วย
จะบอกว่ายิงไม่พัก ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะนับตั้งแต่มาเล่นที่ อูเทร็คช์ สถิติของ อัลแลร์ จัดว่าโหดมาก 98 นัดยิงไป 51 ลูก เรียกได้ว่าค่าเฉลี่ยตกอยู่ที่ 2 นัดต่อ 1 ประตู กับเด็กวัย 22 ปี สถิติดังกล่าวถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
กุนซือของอูเทร็คช์ ตั้งฉายาให้กับ อัลแลร์ ว่า "เดอะ คูล เบิร์ด" โดยอ้างอิงจากความเยือกเย็นและเทคนิคการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม และเเล้ว คูลเบิร์ด ตัวนี้ก็พร้อมจะบินออกจากรงทองของ อูเทร็คช์ ข้อเสนอ 7 ล้านยูโร จาก แฟร้งค์เฟิร์ต มาเคาะประตูหน้าบ้าน ซึ่งแน่นอนว่า อูเทร็คช์ จำยอมที่จะต้องปล่อยขวัญใจของพวกเขาออกไปเจอโลกกว้าง เพื่อพิสูจน์ว่าปีกของนกตัวนี้แข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรคแล้ว
จากวันเดอร์คิด สู่จอมถล่มประตู
การมาเล่นที่ แฟรงค์เฟิร์ต ถือว่าเป็นก้าวสำคัญจริง ๆ เพราะ ในปีที่ อัลแลร์ เข้ามา มีการผลัดใบนักเตะตัวรุกที่เป็นกองหน้าเบอร์ 9 อย่าง แฮริส เซฟิโรวิช กองหน้าตัวทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่ออกจากทีมเนื่องจากหมดสัญญา ซึ่งต้องขอบคุณ นิโก้ โควัช กุนซือของทีมที่ สร้างแนวรุกของทีมขึ้นมาใหม่ โดยมี อัลแลร์ เป็นกองหน้าตัวเป้า และมี อันเต เรบิช และ ลูก้า โยวิช ของทำงานร่วมกันเป็น 3 ผสาน ซึ่งเรียกได้ว่า "ติดไฟกันทั้งหมด โด่งดังกันทั้ง 3 คน"
แฟรงค์เฟิร์ต คือทีมที่เล่นเกมรุกได้ดุดันที่สุดในเวทีบุนเดสลีกา ณ เวลานั้น ซึ่งหลังจากดังกันทั้ง 3 คน ก็มีข้อเสนอติดต่อเข้ามามากมาย และ อัลแลร์ ก็ก้าวไปยังบันไดขั้นต่อไปด้วยการย้ายไปอยู่กับ เวต์แฮม ด้วยราคา 45 ล้านยูโร ในฤดูกาล 2018-19
ซึ่งนั่นเองถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีนัก การไปด้วยค่าตัวขนาดนั้นจะต้องถูกตั้งความหวังไว้สูงมาก และ อัลแลร์ ที่ถูกเล็ง ๆ ไว้ว่าจะถูกเรียกติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ ก็ต้องเจอจุดหักเหสำคัญ เพราะที่ เวสต์แฮม ฟอร์มของเขาไม่ดีนัก ในเกมลีกทั้งหมด 48 นัดเขายิงไปแค่ 10 ประตูเท่านั้น ซึ่งย้อนกลับไปตอนนี้โอกาสการติดทีมชาติฝรั่งเศสของเขาก็จบลงทันที ชื่อของเขาจางไปกับ 2 ปีที่เวสต์แฮม ก่อนถูกเทขายให้กับ อาหยักซ์ ในราคาที่ถูกลงครึ่งนึงจากตอนที่ซื้อมา ซึ่งการกลับมาเล่นในดัตช์ลีกนี้ ทำให้ อัลแลร์ กลับมาเป็น "คูลเบิร์ด" อีกครั้ง แต่น่าเสียดายทีทีมชาติฝรั่งเศสมีตัวเลือกที่ดีกว่าเขาไปแล้ว โอกาสนั้นไม่ไหลย้อนกลับ เหลือแต่ทางเลือกให้เขาเล่นให้กับทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ จากเชื้อไขฝั่งแม่เท่านั้น ซึ่ง อัลแลร์ ตอบรับข้อเสนอนั้นตอนอายุ 25 ปี
"ตอนั้นคิดว่าถึงช่วงหนึ่งของอาชีพที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ผมได้รับการติดต่อจากสมาคมของไอวอรี่ โคสต์ ซึ่งตอนแรกผมยอมรับนะว่าทำใจยาก เพราะผมเล่นเยาวชนให้ฝรั่งเศสมาแล้วทุกชุด ตอนแรกผมคิดว่ามันยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผม มันซับซ้อนมากในเรื่องนี้ กับการตัดทีมชาติใดทีมชาติหนึ่งทิ้งไปเลยกับคำตอบนี้" อัลแลร์ เท้าความ
"สุดท้ายผมคิดว่าตัวผมเองก็เติบโตมากับวัฒนธรรมของทั้ง 2 ประเทศ ผมอาจจะเกิดและโตที่ฝรั่งเศส แต่เมื่อคุณมองผม คุณก็คงไม่คิดว่าผมเป็นคนฝรั่งเศสหรอก ... ผมเลือกตามเสียงหัวใจ หลังจากได้ทบทวนผมพบว่าผมมีความเป็นไอวอรี่โคสต์ผ่านวัฒนธรรมที่แม่สอน ผ่านลูกพี่ลูกน้องและหลายคนรอบตัว ซึ่ง ณ จุดหนึ่งผมก็ทบทวนและคิดว่าผมพร้อมแล้วสำหรับการเล่นให้ไอวอรี่โคสต์ นั่นคือสิ่งที่อยากจะทำจริง ๆ"
หลังจากตัดสินใจเลือก และตั้งใจจะทำเส้นทางที่ตัวเองเลือกให้เต็มที่ เส้นทางของ อัลแลร์ กำลังกลับมาสู่ขาขึ้นอีกครั้ง เขาเป็นขุมกำลังหลักของ อาหยักซ์ ในยุคของ เอริค เทน ฮาก พาทีมคว้าแชมป์มากมาย และกลายเป็นตัวหลักของทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ด้วย เขาตั้งใจว่าจะพา ไอวอรี่ โคสต์ ไปเล่นในฟุตบอลโลก ดอร์มุนด์ ยื่นข้อเสนอเป็นราคาถึง 31 ล้านยูโร คว้าตัว อัลแลร์มาร่วมทีม ในฤดูกาล 2022-23
อัลแลร์ ตื่นเต้นและเดินทางไปเก็บตัวกับสโมสรที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งเป้าหมายไว้มากมาย แต่เมื่อเขารับการตรวจร่างกายโดยละเอียด เขาได้รับข่าวร้ายว่าเขามีเชื่อมะเร็งที่อัณฑะ โลกถล่มในวันนั้น สโมสรส่งตัวเขาออกจากแคมป์เพื่อเข้ารักษาทันที ช่วงเวลาที่เหลือจากนี้ "เป็นตายเท่ากัน" จากคำบอกเล่าของเจ้าตัว วินาทีที่รู้ข่าวเขารับรู้ได้ทันทีว่า เรื่องใหญ่จริง ๆ ในชีวิตเกิดขึ้นแล้ว ไม่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ การเล่นไม่ออก การไม่ได้ลงสนาม หรือการไม่ได้ติดทีมชาติฝรั่งเศส แต่มันคือเขาต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ไม่เพื่อถ้วยรางวัล แต่เพื่อครอบครัว และตัวของเขาเอง
นักสู้มะเร็ง
ความฝันทุกอย่างถูกหยุดไว้ในวันนั้น อัลแลร์ เล่าว่าเขากลับมาโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องการรักษาตัวเองเป็นหลัก อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่การยอมแพ้ แค่ต้องจัดสรรเรื่องที่ต้องสู้ เรียงลำดับความสำคัญจากน้อยไปหามาก
"บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับความคิดของคุณ ผมนึกไม่ออกว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับตัวผมเอง วินาทีแรกมันคือความรู้สึกแบบฟ้าถล่ม ... สิ่งสำคัญคือคุณตั้งสติและยืนขึ้นเผชิญความจริงได้หรือเปล่า" อัลแลร์ เท้าความ
"ผมตื่นและคิดภาพต่าง ๆ นานาที่เห็นโทรทัศน์ ร่างกายของเราจะถดถอย จิตใจของเราจะกลายเป็นตัวละครเอกของเรื่อง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ... ทางเลือกของคุณคือไม่มีทางเลือก เปิดตำรารับมือกับมันซะ ทำจิตใจให้แจ่มใสพร้อมสู้ที่สุด... เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่คุณจะทำได้"
อัลแลร์ เผชิญหน้ากับมะเร็งอัณฑะ ด้วยสภาพจิตใจที่สั่นคลอนสุด ๆ จากชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและสูงกว่า 190 เซ็นติเมตร กลายเป็นคนที่ต้องนอนติดเตียงลุกแทบไม่ไหว นี่คือบททดสอบแรกที่เขาจะต้องผ่านมัน
"การรักษาแต่ละครั้งต้องใช้เวลา 5 วันที่โรงพยาบาล ผมอยู่ในสภาพเหมือนคนเบลอกับสารเคมีและตัวยาวันละ 24 ชั่วโมง ... “
“ผมลุกจากเตียงไม่ได้ ในขณะที่ได้รับการฉีดยาเข้าไป ถ้าคุณทนช่วงนี้ไปได้ มันจะมีเวลาให้คุณออกมาพักที่บ้าน 2 สัปดาห์ ช่วงเวลาของการรักษาของผมวนไปแบบนี้ และสิ่งที่ทำได้คือการภาวนาให้ร่างกายของผมจัดการเชื้อมะเร็งไม่ให้มันขยายลุกลาม ผมต้องทำในหลายสิ่งที่เหมือนกับถูกบังคับให้ทำ และการผ่าตัดก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย" อัลแลร์ กล่าว
โดย อัลแลร์ เล่าว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีความห่วงใยจากคนรอบตัวและแฟน ๆ ถามเข้ามาว่าเขาจะกลับมาเล่นฟุตบอลได้หรือไม่ สิ่งที่เขาทำได้คือการไม่โกหกคนอื่นและไม่โกหักตัวเอง เขาตอบตรง ๆ ว่าเรื่องนี้แม้แต่เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะวินิจฉัย จะกลับมาเล่นได้ หรือไม่ได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา แต่ขึ้นอยู่กับว่าเชื้อมะเร็งในตัวของเขาจะหยุดลุกลามเมื่อไหร่
ว่ากันว่าการอยู่กับความจริงและตั้งรับด้วยสภาพจิตใจที่พร้อมเดิมพันกับโรคร้าย คือสภาพจิตใจที่มะเร็งร้ายยังต้องกลัวเมื่อเจอคนแบบนี้ .... นั่นคือคนประเภทที่โดนยาและสารเคมีสารพัด ต้องนอนติดเตียงสัปดาห์ละ 5 วันเป็นเวลาหลาย ๆ เดือน แต่ทันทีที่พอมีแรง กลับลุกขึ้นมาเดินปร๋อ ยิ้มให้กับผู้คนรอบข้าง และบอกกับครอบครัวว่าตนเองจะสู้จนหยดสุดท้าย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ อัลแลร์ เป็นตลอดช่วงเวลาที่เขารักษาอาการมะเร็ง
"ผมโชคดีที่สภาพจิตใจผมไม่เคยถอย ร่างกายและจิตใจของผมทำงานพร้อม ๆ กันอย่างแข็งแกร่ง แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายแต่ผมรู้สึกดีกับมันได้ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้แหละมันสำคัญมาก ๆ กับการสู้มะเร็ง" อัลแลร์ กล่าว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อร่างกายที่พร้อมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงจิตใจที่ยืนหยัดบนความโศกเศร้า อัลแลร์ ค่อยดี ๆ ขึ้น การตรวจมะเร็งในแต่ละครั้ง ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยลง และเขาได้รับข่าวดีโดยไม่ต้องผ่าตัด เขาใช้เวลา 6 เดือนทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก และเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น ในการตรวจครั้งสุดท้ายเชื้อมะเร็งหายไปแล้ว เซบาสเตียน อัลแลร์ อาจจะผ่ายผอมไปบ้าง แต่ในวันนี้หมดเชื้อร้าย ร่างเขาก็ตอบสนองทันที...
อัลแลร์ กลับไปเข้ายิม ทำร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม เขากลับมาลงเล่นให้กับ ดอร์ทมุนด์ ได้สำเร็จในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ... อัลแลร์ มีโอกาสได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องปิดเบรกหนีหนาว ในเกมที่ ดอร์ทมุนด์ เจอกับ บาเซิล และนี่เป็นเกมแรกที่เขากลับมาพร้อมลงเล่น ซึ่งในเกมนั้นก็ไม่ต้องรอช้า อัลแลร์ ซัดแฮตทริก เพื่อส่งสัญญาบอกกับทุกคนว่าเขากลับมาแล้ว
ราชาแห่งแอฟริกา
หลังจากตอนนี้ไม่มีใครกล้าคาดเดาความเป็นนักสู้ของ อัลแลร์ ได้อีกเเล้ว เขาลงกลับมาลงสนามให้กับ ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างต่อเนื่องและเข้ามาทำประตูได้ทันที อย่างไรก็ตามผลงานของทีมฤดูกาลที่แล้ว ถือว่าชวดเเชมป์ไปอย่างน่าเจ็บใจ เพราะแพ้ให้กับ บาเยิร์น ด้วยประตูชัยท้ายเกมของนัดสุดท้ายในซีซั่น ... ซึ่ง อัลแลร์ บอกว่าความผิดหวังแบบพลาดเเชมป์ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลแบบนี้ เจ็บยิ่งกว่ามะเร็งเสียอีก นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเอาชนะมันได้โดยเด็ดขาด กล่าวถึงมันโดยไม่กลัวใด ๆ ทั้งสิ้น
"มันเป็นแบบนั้นจริงๆ การพลาดแชมป์ทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่ารู้ผลวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งเสียอีก เมื่อคุณป่วย คุณทำอะไรไม่ได้ คุณต้องยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ แต่ฤดูกาลก่อนเรามีตำแหน่งแชมป์อยู่ในมือ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเรา"
"ในกรณีนี้คุณต้องยอมรับอย่างเจ็บปวดว่าคุณทำพลาดหรือตัดสินใจพลาดเอง คุณต้องมานั่งคิดถึงสิ่งที่คุณน่าจะทำได้ดีกว่านั้น" อัลแลร์ กล่าวถึงความเจ็บใจ
แม้จะเกิดเรื่องผิดหวังต่อ ๆ กัน แต่อย่างน้อยการตัดสินใจในอดีตก็ส่งผลถึงอนาคตของตัวเขาเอง อัลแลร์ ที่เคยตกปากระดับคำกับ ส.บอลไอวอรี่ โคสต์ นั้นได้รับความไว้วางใจอยู่เสมอ สมาคมฟุตบอลโทรมาหาเขาอีกครั้งว่าทุกคนยินดีต้อนรัยเขากลับสู่ทีมชาติ และหนนี้ อัลแลร์ ไม่ลังเลเหมือนครั้งแรก เพราะเมื่อเส้นทางเหลือแค่นี้ เขาก็จะตัดสินใจลุยให้เต็มที่ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจบอย่างไร
" พูดตรง ๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาดอะไร หรือรู้สึกแย่กับการตัดสินใจในอดีตของตัวเอง เรื่องบางเรื่องเราต้องฟังหัวใจตัวเอง ผมคิดว่าผมเลือกได้ถูกต้องเเล้ว(เล่นให้ไอวอรี่โคสต์) ผมเล่นให้พวกเขาด้วยความทุ่มเทและสภาพร่างกายที่ใส่แบบสุดตัว ผมทำให้ทุกคนหมดความสงสัย ไม่สามารถตั้งคำถามเรื่องความตั้งใจของผม"
"เมื่อชีวิตตกผลึกคุณจะรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมันไม่ง่ายเลย แต่คุณจะไม่กลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับมันหรอก เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ" อัลแลร์ สรุปทิ้งท้าย
การตัดสินใจเลือกเล่นให้ ไอวอรี่ โคสต์ เป็นสิ่งที่เขาคิดถูกจริง ๆ ในตอนท้ายของเรา อัลแลร์ คว้าเเชมป์ทวีปสำเร็จ ด้วยฟอร์มที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้ง ฝีเท้า ทัศนคติ และสภาพจิตใจ
"ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด แม้หลายคนจะบอกว่าผมตัดสินใจห่วยมาก ๆ ที่เลือกแบบนี้ แต่อย่างที่บอก เมื่อเลือกเล่นให้แล้วผมก็ใส่หมดปลอก ทำให้ทุกคนเห็นว่าผมอยากอยู่ที่ไหน ส่วนเรื่องความท้าทายผมยืนยันว่าผมกลายเป็นคนยืนแลกกับเรื่องเหล่านี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น มนุษย์เราต้องสู้ความท้าทายนี้ให้ได้ นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด ดียิ่งกว่าการที่คุณถอยหนีมันเงียบ ๆ โดยไม่คิดที่จะเอาชนะมันตั้งแต่แรก" ฮีโร่ The Elephants กล่าว
อัลแลร์คว้าแชมป์ทวีปได้ ทั้งที่เมื่อเกือบๆ 1 ปีก่อน เขายังนอนติดเตียงวันละ 20 ชั่วโมงอยู่เลยด้วยซ้ำ …
โลกมนุษย์เรานี้ช่างแปลกประหลาด มักมีสร้างเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ปรากฎให้เห็นเสมอ ... และสำหรับคนที่ทำได้ ดูเหมือนจะมีแต่คำว่าตำนานเท่านั้นที่เหมาะสมกับพวกเขาเหล่านี้ เช่นเดียวกับ เซบาสเตียน อัลแลร์ นักสู้มะเร็ง ที่เบ่งบานบนเส้นทางลูกหนังในวัย 30 ปี ณ เวลานี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/sebastien-haller-exclusive-interview-borussia-dortmund-cancer-24660
https://www.menshealth.com/uk/health/a42934730/sebastien-haller-testicular-cancer/
https://edition.cnn.com/2022/04/02/football/sbastien-haller-ajax-erik-ten-hag-spt-intl/index.html
https://www.dailymail.co.uk/sport/sportsnews/article-11302087/Sebastien-Haller-opens-treatment-malignant-testicular-tumour.html
https://www.champions-journal.com/interview/haller-you-dont-see-it-coming