หากจะเอ่ยถึงสโมสรฟุตบอลระดับยุโรปที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในรอบเกือบทศวรรษนี้ แน่นอนว่าชื่อของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ย่อมถูกพูดถึงเป็นชื่อแรก ๆ
เนื่องด้วยคุณภาพของทัพเรือใบสีฟ้าภาพใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องการวางหมากการเล่นแต่ละเกมที่แยบยลแล้ว แมนฯ ซิตี้ ยังอุดมไปด้วยขุมกำลังชื่อชั้นดีแบบไม่ขาดสาย แถมแต่ละคนยังเรียนรู้และเข้าใจรูปแบบวิธีการเล่นของกุนซือสแปนิชได้เป็นอย่างดี
หนึ่งในนั้นคือนักเตะที่ชื่อว่า “แบร์นาร์โด้ ซิลวา”
นับตั้งแต่ที่ แมนฯ ซิตี้ อิมพอร์ตดาวเตะมากความสามารถรายนี้มาร่วมก๊วนในซัมเมอร์ 2017 แข้งสัญชาติโปรตุกีสก็มีส่วนช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จอย่างสูงผ่านผลลัพธ์ในรูปแบบของโทรฟี่ ขณะที่ตัวเขาเองก็คว้าความสำเร็จส่วนตัวกับช่วงเวลาที่เอติฮัด สเตเดียม มามากมาย ยิ่งไปกว่านั้นแบร์นาร์โด้ยังเป็นนักเตะประเภทที่ “ใคร ๆ ต่างก็หลงรัก” ดังบทสัมภาษณ์ที่ปรากฏบนหน้าสื่ออยู่เรื่อยมา
Main Stand ขอชวนผู้อ่านมาติดตามเรื่องราวของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จอมทัพความสามารถรอบด้านภายใต้เสื้อสีฟ้าที่แมนเชสเตอร์กันให้มากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่กับสโมสร การได้ร่วมงานกับเป๊ป กระแสข่าวย้ายทีมในช่วง 1-2 ปีให้หลัง ไปจนถึงชีวิตค้าแข้งที่ฝากอนาคตกับทีมไปจนถึงปี 2026
แข้งอนาคตไกลในมือเป๊ป
แบร์นาร์โด้ ซิลวา ฉายแววของการเป็นนักเตะระดับโลกมาตั้งแต่ช่วงสมัยที่เขายังเป็นนักเตะระดับเยาวชนของ เบนฟิก้า ทีมดังแห่งเมืองหลวงของโปรตุเกส ซึ่งเป็นถิ่นที่เขาเกิดและเติบโตขึ้นมา
แบร์นาร์โด้ทำให้ผู้บริหารทีมเยาวชนเหยี่ยวลิสบอนสมัยที่เขายังใช้คำนำหน้าว่าเด็กชายต้องทึ่ง โดยเฉพาะเรื่อง “ความเข้าใจในเกม” ที่มีสูงกว่าผู้เล่นในรุ่นเดียวกัน ดังคำยืนยันของ โรดริโก้ มากัลเญส (Rodrigo Magalhaes) ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิครุ่นเยาว์ของสโมสร ที่ย้อนความถึงอดีตแข้งในคาถารายนี้ให้รับรู้ผ่าน The Ahtletic
“ผมจำเหตุการณ์บางอย่างของแบร์นาร์โด้ขณะเขายังอายุไม่ถึง 12 ปีได้ เราเริ่มอธิบายแบบฝึกหัดเรื่องหนึ่ง แบร์นาร์โด้ก็ชี้ถึงวิธีแก้ปัญหาในเรื่องนั้น และเป็นวิธีการใหม่ 3-4 ข้อให้กับเรา จริง ๆ แล้วโค้ชคิดว่านักเตะเยาวชนคนหนึ่งจะใช้เวลาคิดประมาณ 5-6 นาที จากนั้นทุกคนจะต้องอธิบายให้ฟัง แต่สำหรับแบร์นาร์โด้ เขาเข้าใจได้ภายในระยะเวลา 10 วินาที”
ที่สุดแล้ว แบร์นาร์โด้ ซิลวา ก็เติบโตและคว้าโอกาสบนเส้นทางสายลูกหนังกับเบนฟิก้าได้ไม่ยาก โดยเฉพาะช่วงสัญญาณบ่งชี้ถึงความโดดเด่นที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2013-14 หรือในระหว่างที่อยู่ค้าแข้งกับทีมบี
แบร์นาร์โด้ ซิลวา ในวัย 20 ต้น ๆ ผงาดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเซกุนด้า ลีกา หรือลีกที่ทีมสำรองเหยี่ยวลิสบอนลงบู๊ ประกอบกับการคว้าเกียรติยศการเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคมและธันวาคม 2013 รวมถึงมกราคม 2014 เพียงเท่านี้ก็ดีพอที่จะเบิกทางให้เขาก้าวสู่ทีมซีเนียร์ได้สำเร็จ
อย่างไรเสีย เพราะชื่อเสียงของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ซึ่งพกดีกรีแข้งทีมชาติโปรตุเกสรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เริ่มเป็นที่พูดถึงในวงกว้างในระดับหนึ่ง ที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่รับใช้ต้นสังกัดที่อยู่มาตั้งแต่วัยเยาว์ เนื่องด้วย ฆอร์เก้ เชซุส (Jorge Jesus) กุนซือในเวลานั้น ไม่ได้มีแนวทางดันเด็กชุดเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มากนัก หรือแม้แต่การไปบอกให้แบร์นาร์โด้ลองฝึกเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายแบบไม่มีปีมีขลุ่ย นั่นทำให้ความเชื่อมั่นของเจ้าหนูรายนี้ต่อเชซุสมีน้อยลงเรื่อย ๆ
ก่อนจะเป็น อาแอส โมนาโก ทีมแกร่งแห่งลีกเอิง ที่ในยุคนั้นที่มีดาวเด่นอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ฟาบินโญ่, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ฯลฯ อยู่ค้าแข้ง ซึ่งเคยยืม แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไปใช้งานในช่วงหลังความยิ่งใหญ่กับทีมสำรอง ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีในตัว ก่อนจะเซ็นสัญญาถาวรด้วยค่าตัวราว 15.75 ล้านยูโร ในเดือนมกราคม 2015
กับช่วงเวลาสามฤดูกาลเต็ม ๆ ที่สตาด หลุยส์ เดอซ์ หรือรังเหย้าของโมนาโก แบร์นาร์โด้ ซิลวา อยู่ช่วยทีมประสบความสำเร็จแบบขีดสุด โดยเฉพาะซีซั่นสุดท้ายกับสโมสร (2016-17) กับการคว้าโทรฟี่ลีก เอิง ร่วมกับทีมได้ โดยที่เขาทำไปถึง 8 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ ทั้งยังติดทีมยอดเยี่ยมของลีกอีกด้วย
แน่นอนว่าในเวลานั้นเนื้อของนักเตะโมนาโกหลาย ๆ คนเริ่มหอมฟุ้งกระจายไปทั่วยุโรป ที่สุดแล้วสโมสรก็ปล่อยดาวเด่นหลาย ๆ คนออกจากทีม หนึ่งในนั้นคือ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ผลงานของเขาไปสะดุดตายอดกุนซือแห่งโลกลูกหนังสมัยใหม่อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
เหตุผลสำคัญเพราะ โมนาโก เคยดวลแข้งกับ แมนฯ ซิตี้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2016/17 ซึ่งที่สุดแล้วโมนาโกผ่านเข้ารอบต่อไปหลังจากที่เสมอกันรวมผลสองนัด 6-6 (โมนาโกชนะด้วยอเวย์โกล) จึงไม่แปลกที่เป๊ปจะเห็นลวดลายการเล่นของแข้งรายนี้ ซึ่งเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์เบอร์ 10 และปีก แบบเต็มสองตา
ที่สุดแล้วซีซั่น 2017-18 แมนฯ ซิตี้ ได้เปิดตัวนักเตะใหม่นาม แบร์นาร์โด้ ซิลวา ด้วยสัญญายาว 5 ปี พร้อมค่าตัวที่คาดกันว่ามีมูลค่า 50 ล้านยูโร
นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์แห่งความสำเร็จไปอีกขั้นของตัวเขา กับการขับเคลื่อนช่วย แมนฯ ซิตี้ แล่นฉิวท่ามกลางสมรภูมิน้อยใหญ่
เฉิดฉายในเอติฮัด สเตเดียม
กับช่วงเวลาที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ย้ายมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าการได้ร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา คือโอกาสที่ยากจะปฏิเสธ
“เมื่อคุณมีโอกาสได้รับการฝึกฝนจากกวาร์ดิโอลา คุณจะไม่สามารถปฏิเสธได้เลยละ อย่างที่เราได้เห็นกันมาแล้ว เขาทำได้ยอดเยี่ยมที่บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค เป็นเรื่องยอดเยี่ยมมากที่ได้ทำงานร่วมกับเขาและได้รับโอกาสดี ๆ เช่นนี้”
เมื่อใจเปิดกว้างพร้อมจะเรียนรู้และฝากอนาคตไว้ในมือเป๊ป นั่นก็ทำให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา พัฒนาตัวเองไปถึงขีดสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการนำพรสวรรค์ของตัวเองทั้งในเรื่องการรับรู้และเข้าใจเกมในแต่ละนัด ความสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรุก มิดฟิลด์ตัวกลาง เล่นเป็นฟอลส์ไนน์ (กองหน้าตัวหลอก) รวมถึงตำแหน่งริมเส้น ที่เขามักจะได้รับโอกาสอยู่บ่อย ๆ จากเป๊ป
“ผมเริ่มต้นเป็นปีกขวา ผมเล่นเป็นฟอลส์ไนน์ ผมเล่นทั้งตำแหน่งเบอร์ 10, เบอร์ 8 หรือบางครั้งถอยลงไปเล่นเป็นเบอร์ 6 ด้วยซ้ำ” แบร์นาร์โด้ เผยผ่าน The Athletic
“ตอนที่ผมเซ็นสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ ผมไม่รู้ว่าเขา (เป๊ป กวาร์ดิโอลา) อยากให้ผมเล่นตรงไหนกันแน่ ผมได้เล่นทั้งตำแหน่งกองกลาง จากนั้นผมก็ถูกขยับไปเล่นตำแหน่งปีกเป็นเวลาถึง 2 ปี แล้วจากนั้นก็เริ่มเล่นตรงกลางแบบถอยลงลึกไปเรื่อย ๆ จนถูกขยับไปยืนใกล้ ๆ แฟร์นันดินโญ่ และ โรดรี้ ในตอนนี้”
“แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกสบายใจนะครับ มันคือจุดที่ผมรู้สึกว่าสามารถช่วยทีมได้มากถึงมากที่สุด แน่นอนล่ะครับ ผมพร้อมลงเล่นทั้งในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ เล่นได้ทั้งฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวา ไม่ว่าผู้จัดการทีมจะคิดแบบไหน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีม”
แบร์นาร์โด้ ซิลวา อยู่ช่วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างความสำเร็จมาโดยตลอดช่วงสัญญาที่เขาอยู่ค้าแข้งกับทีมอย่างแท้จริง หากไม่นับความสารพัดประโยชน์ที่พร้อมลงทำหน้าที่ในสนามชนิดไม่เคยออกอาการหงุดหงิดออกมาให้เห็น อีกสิ่งหนึ่งที่เขาทำได้ดีอยู่ตลอดนั่นคือความรู้ความเข้าใจเกมสูง
หรือแม้แต่เรื่องความสามารถเฉพาะตัวที่มีทั้งพลังงานอันเหลือล้นและไม่ค่อยมีอาการเจ็บหนัก ๆ เข้ามารบกวนมากเท่าไรนัก นั่นทำให้แบร์นาร์โด้มักได้รับโอกาสจากเป๊ปอยู่เสมอ
ยกตัวอย่างในฤดูกาลที่ แมนฯ ซิตี้ คว้าเทรเบิลแชมป์ (2022-23) มิดฟิลด์โปรตุกีสรายนี้ลงสนามรวมทุกรายการ 55 นัด มากเป็นอันดับสองรองจาก โรดรี้ (56 นัด) แถมพกสถิติความอึดผ่านตัวเลขการวิ่งเฉลี่ยต่อเกม (พรีเมียร์ลีก) คิดเป็น 11.8 กิโลเมตรต่อ 90 นาที มากกว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคน
ความขยันและความดุดันในการไล่ล่าบอลก็เป็นสิ่งที่อยู่ติดตัว แบร์นาร์โด้ ซิลวา มาช้านาน อะไรก็ตามที่ทำให้ทีมเล่นง่ายขึ้น ไม่ว่าจะกับเกมรับหรือเกมรุก และเป็นเสมือนฟันเฟืองที่ตัวดาวเตะวัย 29 ปีรายนี้ทำได้ดีในทุก ๆ โอกาสที่ได้รับ ดังบทสัมภาษณ์ของตัวเขาเองที่เคยยืนยันว่านี่คืองานที่เขาชอบทำมากที่สุดงานหนึ่งในสนาม
“เพราะผมตัวเล็กและมีความปราดเปรียวมั้งครับ คนส่วนใหญ่เลยคิดว่าผมเป็นนักเตะเพลย์เมกเกอร์อย่างเดียว แต่จริง ๆ ผมเป็นนักเตะประเภทที่พยายามใช้สัญชาตญาณของตัวเองมาโดยตลอด อย่างในแง่ของการแย่งบอลหรือช่วยเหลือทีมภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะช่วยเพรสซิ่งหรืออะไรก็ตามที่ผมคิดว่าพอจะช่วยทีมได้”
“งานของผมแบบจริง ๆ จัง ๆ คือการช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเล่นกันได้ง่ายขึ้นครับ”
และยังไม่นับสถิติการเป็นกองกลางที่สามารถเติมขึ้นไปทำประตูได้ ซึ่งเขาก็มีสถิติทำประตูให้ แมนฯ ซิตี้ แตะหลักเกิน 5 ลูกขึ้นไปทุก ๆ ฤดูกาล เห็นได้จากตัวเลขการทำประตูให้ทีมนับแต่ซีซั่นแรก 2017-18 มาจนถึงซีซั่นสามแชมป์ โดยมีถึงสองซีซั่นที่เขาทำประตูแตะหลักสองหลัก (13 ประตู - ซีซั่น 2018-19 และ 2021-22)
เช่นเดียวกับความสม่ำเสมอในการแอสซิสต์ให้เพื่อนซัลโว เรียกได้ว่าไม่เคยต่ำกว่า 7 ครั้งในแต่ละขวบปี
ยิ่งไปกว่านั้น แบร์นาร์โด้ ซิลวา มักเป็นนักเตะประเภททำประตูในเกมสำคัญอยู่บ่อย ๆ อย่างในซีซั่น 2022-23 ที่มีทั้งผลงานสองประตูในเกมเลกสองของแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดถลุงขาด เรอัล มาดริด 4-0 หรือแม้แต่สถิติ 2 ประตู 1 แอสซิสต์ ในการดวล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมฟอร์มแรงแห่งฤดูกาล เป็นต้น
อยู่โยงเรือใบ สู่นักเตะที่ “ใคร ๆ ในทีมต่างก็หลงรัก”
อย่างไรเสีย ใช่ว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา จะมีเส้นทางฟุตบอลที่ราบเรียบกับ แมนฯ ซิตี้ เสมอไป โดยเฉพาะกับช่วง 1-2 ปีให้หลังมานี้ที่เขามักจะตกเป็นข่าวเรื่องการย้ายทีมอยู่บ่อยครั้ง
เหตุผลสำคัญเพราะสโมสรมีการเติมนักเตะในตำแหน่งใกล้เคียงกับเขาเข้ามาอยู่เสมอ หรือแม้แต่การที่เพื่อนร่วมทีมในตำแหน่งใกล้ ๆ กันทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวา ส่งให้โอกาสลงบู๊แบบเต็มอัตราถูกจำกัดมากขึ้น
การถูกดันขึ้นทีมซีเนียร์เต็มตัวของ ฟิล โฟเด้น, การที่ทีมคว้า แจ็ค กรีลิช ด้วยค่าตัวมหาศาล 100 ล้านปอนด์ หรือแม้แต่การที่ เควิน เดอ บรอยน์ สัมปทานพื้นที่เพลย์เมกเกอร์เป็นหลักมาช้านาน ทำให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ถูกปรับให้ไปเล่นในตำแหน่งอื่น ๆ
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อสังเกตและข้อชวนวิเคราะห์ของผู้สันทัดกรณีหลายรายว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้จอมทัพฝอยทองรายนี้อาจจะอำลาเอติฮัด สเตเดียม
ด้วยเหตุนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จึงตกเป็นข่าวกับทีมแกร่งเช่น บาร์เซโลน่า แบบหนาหู ถึงขั้นที่มีการเจรจากันไปแล้ว เพียงแต่ข้อตกลงไม่เกิดขึ้น เหตุเพราะบาร์ซ่าต้องพิจารณาเรื่องการปล่อยนักเตะในทีมออกไปก่อนเพื่อให้ลงทะเบียนนักเตะได้ เนื่องด้วยสถานการณ์การเงินสโมสรที่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอย
หรือแม้แต่การตกเป็นข่าวกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในซัมเมอร์ 2023 ที่หวิดจะมีการชูเสื้อกันจริง ๆ ด้วยซ้ำ ทว่าภายหลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ ปล่อย ริยาด มาห์เรซ ไปเล่นกับ อัล อาห์ลี ในซาอุดีอาระเบีย ทำให้แบร์นาร์โด้ยังคงถูกเรือใบแห่งแมนเชสเตอร์เก็บไว้เป็นกำลังสำคัญต่อ มากไปกว่านั้น เขาได้รับการขยายสัญญาเพิ่มไปจนถึงปี 2026
แน่นอนว่าดีลแบบแฮปปี้เอนดิ้งนี้จบลงด้วยแรงปรารถนาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ยืนกรานเรื่อยมาว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา คือนักเตะในแผนการทำทีมและยากจะมีใครมาทดแทน
ขณะที่ตัวแบร์นาร์โด้เอง เมื่อมีความชัดเจน ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ และมีความจริงจังรอเขาอยู่ข้างหน้าแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก นอกจากอยู่สร้างความสำเร็จกับเรือใบสีฟ้าลำนี้ต่อ
“ผมมีช่วงเวลา 6 ปีที่เหลือเชื่อกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และผมดีใจที่ได้อยู่ที่นี่ต่อไป” เจ้าของเสื้อเบอร์ 20 กล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการสโมสรแมนฯ ซิตี้
“มันน่าตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีความกระหายและมีแพสชั่น ความสำเร็จทำให้คุณต้องการมันมากขึ้นไปอีก และสโมสรแห่งนี้ทำให้ผมมีโอกาสคว้าแชมป์ต่อไปเรื่อย ๆ ผมรักผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอล ผมหวังว่าเราจะได้แบ่งปันความทรงจำที่ดีขึ้นไปอีกในปีต่อ ๆ ไป”
การที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เลือกจรดปากการอยู่โยงเรือใบสีฟ้าต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงปี 2026 นั่นหมายความว่า ทั้งสาวกซิติเซ่นไปจนถึงแฟนฟุตบอลอังกฤษรวมถึงยุโรปจะยังคงได้เห็นดาวเตะมากความสามารถผู้นี้อยู่ร่ายลีลาในสนามภายใต้อาภรณ์สีฟ้าต่อไป
“เขาไม่สวมต่างหู ไม่มีรอยสัก ขับรถธรรมดา ๆ… เขาเป็นผู้เล่นที่น่าทึ่งสำหรับเรา เขาฉลาด และทุกคนรักเขา” เป๊ป กวาร์ดิโอลา ชื่นชม แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลังเกมบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 ในซีซั่น 2023-24 ซึ่งแบร์นาร์โด้ทำไป 1 แอสซิสต์
“เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในชีวิต ผมโชคดีที่ได้ฝึกสอนผู้เล่นระดับท็อปคลาสมากมาย และเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดโดยเฉพาะเรื่องความเฉลียวฉลาด”
“ฉันเองก็รักนาย ... เหมือนที่เป๊ปรักนายนั่นแหละ” เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ตอกย้ำถึงการที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นที่รักของทุกคนในทีม
2023-24 คือฤดูกาลที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสานต่อความสำเร็จจากฤดูกาลก่อนที่สโมสรคว้าทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าขุมกำลังของเรือใบสีฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามวิถีฟุตบอล และแน่นอนว่านักเตะใหม่ที่เล่นตำแหน่งเดียวกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้ก็ถูกดึงเข้ามาเพื่อเป็นตัวเลือกภายในทีม
แต่กระนั้นสตาร์วัยใกล้เลขสามผู้นี้ก็ยังคงเป็นฟันเฟืองที่เป๊ปเลือกใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งเขาผู้นี้ก็ยังคงเส้นคงวากับจุดเด่นเดิม ๆ จากที่เคยมีตั้งแต่ย้ายเข้ามาเมื่อ 6 ปีก่อน ส่วนที่มีเพิ่มขึ้นมาก็คงจะเป็นการเรียนรู้แทคติกและวิธีการใหม่ ๆ ภายใต้วิธีการของเทรนเนอร์ชาวสแปนิช
ตราบใดที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยังคงเป็น แบร์นาร์โด้ ซิลวา คนเดิม เขาก็จะยังคงเป็นนักเตะที่ใคร ๆ ในทีมต่างก็ “หลงรัก” ต่อไป
แหล่งอ้างอิง
https://th.mancity.com/news/mens/bernardo-silva-manchester-city-new-contract-63828406
https://www.mancity.com/news/mens/bernardo-man-city-202223-review-63823632
https://www.transfermarkt.com/bernardo-silva/profil/spieler/241641
https://theathletic.com/3907344/2022/12/02/bernardo-silva-football-brain/
https://theathletic.com/5010083/2023/10/30/manchester-city-bernardo-silva-guardiola/
https://www.goal.com/en/lists/man-city-most-underrated-legend-bernardo-silva-irreplaceable-pep-guardiola-best-summer-business/bltb624985c4cb0442f#csbd499f0c028285d9