Feature

ชุดนี้ไหวมั้ย? : “ช้างศึก” ตามสภาพที่มี บุกต่อกรทีมยุโรป | Main Stand

นานทีปีหน ทีมชาติไทย จะได้มีโอกาสไปลงแข่งถึงดินแดนทวีปยุโรปกับทีมที่มีอันดับฟีฟ่าทั้งใกล้เคียง และสูงกว่า แต่เจ้ากรรมดันอดใช้งานนักเตะตัวหลักหลายต่อหลายคน เพราะบางสโมสรไม่ปล่อยนักเตะ เนื่องจากกลัวว่าจะมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางที่ไกลแสนไกล

 


โดยวันที่12 ตุลาคม 2566 จะออกไปเยือน จอร์เจีย อันดับ 79 ของโลก เวลา 23.00 น. ที่สนาม Mikheil Meskhi Stadium

จากนั้นบินต่อไป เอสโตเนีย อันดับ 115 ของโลก เพื่อลงทำการแข่งขันในวันที่ 17 ตุลาคม 22566 เวลา 23.00 น. ที่สนาม A. Le Coq Arena

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ดี ทีมชาติไทย ได้ทีมลงอุ่นเครื่องที่ลงตัว ได้ลงแข่งขันนอกทวีปเอเชียครั้งแรกในรอบ 13 ปี แต่ก็ดันมีปัญหา 108 จนนำมาสู่ ทีมชาติไทย ในชุดที่ขาดกำลังหลักหลายๆ คน รวมทั้งนักเตะหน้าใหม่และหน้าเก่าที่ห่างหายจากเวทีทีมชาติมานานเช่นนี้

ครั้นจะขอยกเลิกโปรแกรมนี้ก็ทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครอยากคบค้าด้วย

สุดท้าย “มาโน่ โพลกิ้ง” เฮดโค้ชทีมชาติไทยและทีมงาน ก็ต้องแก้ปัญหากันไป

มาลองวิเคราะห์ไปกับ Mainstand ว่าทีมชาติไทยชุดลุยยุโรปครั้งนี้ ตำแหน่งไหนพอไหว? ตำแหน่งไหนน่าห่วงกันบ้าง

 

ผู้รักษาประตู

-กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล จากสโมสรราชบุรี

-ศุเมธี โคกโพธิ์ จากสโมสรการท่าเรือ

-จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ จากสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด

การขาดหายไปของ 2 นายด่านที่แย่งชิงตำแหน่งมือ 1 กันมาในช่วง 5 ปีหลังทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรหม และ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน

รวมทั้งผู้รักษาประตู ที่ช่วงหลังๆ มักจะมีชื่อในทีมชาติไทยอยู่เสมอ แถมในเกมไทยลีกปีนี้ เขาเสียไปเพียง 1 ประตูอย่าง ปฏิวัติ คำไหม

นั้นหมายความว่า ผู้รักษาประตูของทีมชาติไทยในชุดนี้ เรียกได้ว่าไม่มีประสบการณ์ระดับทีมชาติมามากนัก

จากรายชื่อ 3 คน มีแค่ กัมพล เท่านั้นที่เคยลงเล่นเกมระดับทางการให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปทั้งสิ้น 5 นัด แถมใน ไทยลีก ฤดูกาลนี้ เขาพึ่งเสียประตูไปเพียง 4 ลูกตลอด 6 เกมเท่านั้น

ส่วน จิรวัฒน์ เคยมีชื่อครั้งเดียวในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่เคยลงสนามให้กับ ทีมชาติไทย แม้แต่นาทีเดียว แถม 3 เกมหลังสุดหลังกลับจากทีมชาติไทย จิรวัฒน์ ยังเสียประตูไปถึง 11ลูก พร้อมทำทีมเสีย 2 จุดโทษ แม้จะเซฟได้ 1 ครั้งก็ตาม

ขณะที่ ศุเมธีนั้น เพิ่งได้ลงสนามให้ การท่าเรือ ในไทยลีกฤดูกาลนี้ไปเพียง 1 เกมเท่านั้น ในเกมที่การท่าเรือ เอาชนะขอนแก่นไป 6-1 หลังสมพร ยศ ผู้รักษาประตูมือ 1 ติดโทษแบน 

แต่เกมดังกล่าวมีเซฟให้ได้เห็นหลายลูก และที่สำคัญคือต่อหน้าต่อตา มาโน โพลกิง ที่ไปดูเกมในสนาม

หากวัดกันตามประสบการณ์ทีมชาติและฟอร์มในลีก กัมพล คงมีโอกาสเป็นมือ 1 มากที่สุด ตามมาด้วย จิรวัฒน์ และสุเมธี เป็นมือ 2 และ 3 ตามลำดับ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงของ กัมพล คือความสูงเพียง 178 ซม. แม้จะแลกมาด้วยการใช้เท้าที่ดี และการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม แต่การเจอทีมระดับยุโรป ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ก็ต้องรอดูกันว่า จะมีปัญหาในเรื่องลูกกลางอากาศหรือไม่ 

 

กองหลังตัวกลาง

-กฤษฎา กาแมน จากสโมสรชลบุรี

-เอเลียส ดอเลาะ จากสโมสรบาหลี ยูไนเต็ด

-จักพัน ไพรสุวรรณ จากสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด

-อดิศร พรหมรักษ์ จากสโมสรราชบุรี

จากรายชื่อของเซ็นเตอร์อาชีพมีเพียง เอเลียส ที่รูปร่างสูงใหญ่ในการรับมือกับนักเตะสูงใหญ่สไตล์ยุโรป 

จุดเด่นคือความดุดันไม่เกรงใจใครสไตล์ยุโรป รูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งถือเป็นกองหลังคนเดียวใน ทีมชาติไทย ชุดนี้ ที่มีรูปร่างพอฟัดพอเหวี่ยง กับศูนย์หน้าของจอร์เจียและเอสโตเนีย 

จริงอยู่ที่ กฤษฎา , จักพัน และอดิศร แม้จะรูปร่างเล็ก แต่แลกมาด้วยการอ่านเกมที่ดี ดักสกัดบอลได้ และรวมถึงเล่นเกมบิลด์อัพจากแดนหลังได้ แต่การตามประกบกับกองหน้าร่างยักษ์แบบยุโรปนั้น จะมีปัญหาหรือไม่

กฤษฎา ถือเป็นกองกลางตัวรับที่ มาโน มักจับมายืนกองหลังตัวกลาง จนกลายเป็นปราการหลังคู่บุญที่ได้ลงสนามบ่อยครั้งที่สุดใน ทีมชาติไทย ของ มาโน โพลกิ้ง 

จักพัน ได้รับไฟเขียวจากทาง บีจี ปทุมฯ ปล่อยมาร่วมทัพ “ช้างศึก” แถมในฤดูกาลนี้ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ และยังมีความสามารถในการขยับไปเล่นแบ็คทั้งสองฝั่ง และเล่นลูกนิ่งได้ดี

อดิศร ถือเป็นนักเตะที่หายหน้าหายตาจาก ทีมชาติไทย มาอย่างยาวนาน ในฤดูกาลนี้เขาสลัดอาการบาดเจ็บลงเล่นให้กับ ราชบุรี ต่อเนื่อง ต้องรอดูกันว่าการกลับมาติดทีมชาติไทยของเขาครั้งนี้ จะทำผลงานได้ดีพอให้ มาโน่ หนีบติดไปลุยศึกคัดบอลโลกหรือไม่

นอกจากนี้ยังมี วีรเทพ ป้อมพันธุ์ ที่มาโน่มักจับมายืนเป็นเซ็นเตอร์อยู่บ่อยครั้ง เพราะความสามารถในการออกบอลแนวลึก แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมีโอกาสได้เห็นมาโน่จับ “จารย์เตอร์” มาบู๊กับจอร์เจียและเอสโตเนีย ในตำแหน่งกองหลังตัวกลางบ้างหรือไม่

จากการวิเคราะห์ มองว่าในแผนเกมรับ 4 คน กฤษฎา น่าจะเป็นตัวยืน และปรับเปลี่ยนตามแท็กติก หากเจอกองหน้าตัวใหญ่ น่าจะใช้ เอเลียส แต่ถ้าเจอกองหน้าที่ไม่สูงใหญ่ จักพัน และ อดิศร ก็ดูดีพร้อมสอดแทรกทั้งคู่

 

แบ็คขวา

-นิโคลัส มิคเคลสัน จากสโมสรโอบี โอเดนเซ่

-ทริสตอง โด จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด

-เจมส์ เบอร์เรสฟอร์ด จากสโมสรอุทัยธานี

“ลูกโซ่ รับจบ” คือนิยามของแฟนบอลไทย ที่ได้เห็นนิโคลัส มิคเคลสัน ลงประจำการในตำแหน่งแบ็คขวาให้ทีมชาติไทย พร้อมโชว์ฟอร์มได้อย่างแจ่มจรัส จนหายห่วงกันไปอีกหลายปี

พร้อมด้วยการคัมแบ็คสู่ทีมชาติไทยของ ทริสตอง โด แบ็คพลังม้า รวมถึงโอกาสของนักเตะหน้าใหม่ลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษอย่าง เจมส์ เบอร์เรสฟอร์ด

นิโคลัส มิคเคลสัน แบ็คขวาไนตรัสลูกครึ่ง ไทย-นอร์เวย์รายนี้ คุณภาพคับแก้ว สไตล์ยุโรป ถือเป็นแบ็คขวาที่ทีมชาติไทยตามหามานาน และน่าจะยืนระยะตัวหลักในตำแหน่งนี้ได้อีกอย่างต่ำๆ ก็เป็น 10 ปี

ทริสตอง โด กับการกลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้ง หลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นนักเตะที่ฟิต พร้อมขึ้นลงทั้งเกมรุกและรับตลอดเวลา แต่มีจุดด้อยอยู่ที่การครอสบอล มักจะแรงจนไม่ตรงเป้าบ่อยครั้ง

เจมส์ เบอร์เรสฟอร์ด แบ็คขวาหน้าใหม่ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ยึดตัวจริงกับสโมสรอุทัยธานี เอฟซี ในไทยลีกได้ มีจุดเด่นอยู่ที่รูปร่างสูงใหญ่ เล่นเกมรับได้ดี แต่ยังต้องพัฒนาในส่วนของเกมรุกให้ดียิ่งขึ้น

หากเล่นเกมรับ 4 คน เราอาจจะได้เห็น นิโคลัส ขยับไปยืนแบ็คซ้ายจำเป็น และแบ็คขวาเป็น ทริสตอง โด แต่หากเล่นเกมรับ 3 คน ในตำแหน่วลงวิงแบ็คขวา “โซ่ ไนตรัส” น่าจะยืนหนึ่งในตำแหน่งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

 

แบ็คซ้าย

-ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ จากสโมสรชลบุรี

การขาดหายไปของ ธีราธร บุญมาทัน ถือเป็นปัญหาใหญ่ของทีมชาติไทยชุดนี้ แถม ศศลักษณ์ ไหประโคน กับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ก็ไม่ถูกปล่อยตัว ส่วน เควิน ดีรมรัมย์ ไม่ต้องพูดถึงให้เสียเวลา

ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ จึงกลายเป็นแบ็คซ้ายเพียงคนเดียวในชุดนี้ ที่ถูกเรียกตัวติดทีมมา ด้วยความที่อายุยังน้อย มีความมุ่งมั่น สามารถหุบไปเล่นตรงกลางได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า Inverted Fullback แต่ปัญหาของ ฉัตรมงคล คือ การเล่นเกมรับที่ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่

นั่นทำให้ในตำแหน่งแบ็คซ้าย อาจได้เห็น นิโคลัส ขยับมาแย่งตำแหน่งได้ รวมถึงถ้าเป็นแผนหลัง 3 ในตำแหน่งวิงแบ็คซ้าย มาโน่ ก็มักจะใช้ปีกซ้ายมายืนในตำแหน่งนี้มากกว่า ทำให้ ฉัตรมงคล มีโอกาสสูงที่จะได้ออกสตาร์ท ในม้านั่งสำรองซะมากกว่า

 

กองกลาง

-พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล จากสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด

-วีระเทพ ป้อมพันธุ์ จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด

-พิชา อุทรา จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด

-ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด

-เบนจามิน เดวิส จากสโมสรชลบุรี 

-ชานุกูล ก๋ารินทร์ จากสโมสรการท่าเรือ

การขาดหายไปของกองกลางตัวหลักอย่าง สารัช อยู่เย็น และตัวสำคัญอย่าง ชนาธิป สรงกระสินทร์ ถือเป็น 2 นักเตะที่หาตัวแทนยากมากๆของทีมชาติไทย 

ถือว่ายังโชคดี ที่ทางบีจี ยอมส่ง พิธิวัตต์ มาช่วยตัดเกมทีมชาติไทย

รวมถึงในตำแหน่งกองกลางของ ทีมชาติไทย นั้น ไม่เคยขาดนักเตะที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ก็มักจะมีนักเตะหน้าใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนอยู่เสมอ

พิธิวัตต์ ถือเป็นนักเตะที่มีชั่วโมงบินในทีมชาติไทยชุดใหญ่สูง มีความเป็นผู้นำ ตัดเกมแดนกลางได้เด็ดขาด ยิงไกลได้ดี รวมถึงยืดหยุ่นในตำแหน่งการยืน

วีระเทพ ป้อมพันธุ์ อีกหนึ่งในนักเตะคู่บุญของ มาโน่ โพลกิ้ง ด้วยความสามารถในการจ่ายบอลสั้นสลับยาว เอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆได้ดี จากสเต็ปนักฟุตซอลเก่า รวมถึงยังสามารถเล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์แบ็ค และแบ็คซ้ายได้อีกด้วย

พิชา อุทรา จากปีกสายสปีดสู่การเกิดใหม่ในตำแหน่งกองกลาง มีความเป็นผู้นำ ความขยัน วิ่งไม่มีหมด รวมถึงการตัดเกม และยังสามารถขยับไปยืนริมเส้นได้อีกด้วย แต่จุดด้อยของพิชา คือแรงปะทะ รวมถึงรูปร่างที่ค่อนข้างเล็กในแดนกลางนั่นเอง

ชานุกูล ก๋ารินทร์ ในฤดูกาลนี้กับ การท่าเรือ ยังคงไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ แต่ก็มักจะถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาเป็นประจำ ความขยัน รวมถึงการสร้างสรรค์เกมคือจุดเด่นของมิดฟิลด์รายนี้ 

เบนจามิน เดวิส นี่คือกองกลางตัวรุกที่มีความคล้าย ชนาธิป สรงกระสินธ์ มากที่สุด ด้วยทักษะการไปกับบอล การเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ กล้าเล่น สร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนได้เสมอ แต่จุดที่ต้องแก้ไขคือเขามักจะดูเฉื่อยชาเวลาที่ไม่ได้บอล วิ่งน้อย จนบางคนนิยามตัวเบนเอาไว้ว่า “ขี้เกียจ”

ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ที่มาของคำว่า “ลงเล่นกับทีมชาติ เพื่อโอกาสในสโมสร” กับเมืองทอง ยูไนเต็ด เขาไม่ได้ลงสนามในไทยลีกมาเป็นปีๆ แต่ดันไปโชว์ฟอร์มในระดับ”แบกทีม” กับทีมชาติไทย U-23 จุดเด่นคือการไปกับบอล มีความเร็ว การสร้างสรรค์โอกาส รวมถึงการจบสกอร์ที่เฉียบคม ทั้งในกรอบ และนอกกรอบเขตโทษ

2 กองกลางตัวหลักที่ดูสมดุลของทีมชาติไทยชุดนี้ มองว่า พิธิวัตต์ และ วีรเทพ น่าจะจับคู่กันได้อย่างลงตัว โดยมี เบนจามิน เดวิส คอยสร้างสรรค์เกมรุกแดนบน

 

ตัวรุกริมเส้น

-บดินทร์ ผาลา จากสโมสรการท่าเรือ 

-ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว จากสโมสรชลบุรี

-จักรกฤษณ์ ลาภตระกูล จากสโมสร พีที ประจวบ

-อาทิตย์ เบิร์ก จากสโมสรนครปฐม ยูไนเต็ด

ถือเป็นตำแหน่งที่ดูจะคาดเดาตัวจริงได้ไม่ยากนัก เพราะ 4 คนในทีมชุดนี้ มีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่ได้รับโอกาสในทีมชาติชุดใหญ่เป็นประจำ แถมยังทำผลงานได้ดี

น่าเสียดายที่ทีมชุดนี้ จะไม่มี สุภโชค สารชาติ ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในศึกเจลีก ที่จะไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่ถือเป็นเวทีให้นักเตะหน้าใหม่ ได้ทดลองฝีเท้า

บดินทร์ ผาลา แม้จะถูกตำหนิในเกมทีมชาติอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็มักจะทำประตูสำคัญๆ ได้อยู่เสมอ รวมถึงฟอร์มในสโมสรเองก็อยู่ในช่วงขาขึ้น น่าจะเป็นปีกซ้ายตัวหลักของทีมชุดนี้

ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว เป็นนักเตะที่มักจะมีลูกจ่ายเหนือจินตนาการให้ได้เห็นอยู่เสมอ แถมยังสามารถเอาชนะการดวล1-1 ได้เป็นประจำ แม้ไม่ได้มีความเร็วจัดจ้าน อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่ขยัน เล่นตามแท็กติกโค้ชได้อย่างยอดเยี่ยม และไปยืนในตำแหน่งกองกลางได้อีกด้วย

จักรกฤษณ์ ลาภตระกูล ริมเส้นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสรายนี้ เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บมาลงสนามให้ต้นสังกัดอย่าง พีที ประจวบ ได้ในฤดูกาลนี้ จักรกฤษณ์ถือเป็นนักเตะที่มีความเร็วจัดจ้าน เลี้ยงกินตัวได้ดี อีกทั้งยังสามารถเล่นในตำแหน่งวิงแบ็คซ้ายได้อย่างถนัดถนี่

อาทิตย์ เบิร์ก แข้งหน้าใหม่เชื้อสายไทย-นอร์เวย์รายนี้ กำลังทำผลงานได้ดีกับนครปฐม ยูไนเต็ด ด้วยผลงาน 6 นัด ซัดไปถึง 3 ประตู มีความเข้าใจเกมสูง ขยัน รวมถึงยืดหยุ่นในตำแหน่งการเล่น ตั้งแต่กองกลาง กองกลางตัวรุก ริมเส้นฝั่วขวา รวมไปถึงกองหน้าตัวเป้า

มาโน่ โพลกิ้ง คาดว่าจะใช้ บดินทร์ และชาญณรงค์ ในตำแหน่งริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง แต่หากใช้เป็นแผนในตำแหน่งวิงแบ็ค บดินทร์ น่าจะจับจองพื้นที่ฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาอาจเป็นแบ็คขวาอย่าง นิโคลัส มิคเคลสัน พร้อมเล่นในตำแหน่งนี้

 

กองหน้าตัวเป้า

-ธีรศักดิ์ เผยพิมาย จากสโมสรการท่าเรือ 

-ยศกร บูรพา จากสโมสรชลบุรี 

ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ ในตำแหน่งที่แฟนบอลไทยเป็นห่วงมากที่สุด คือกองหน้าตัวเป้า และการจบสกอร์ของทีมชาติไทย หลังการขาดหายไปของ ธีรศิลป์ แดงดา

มาโน่ โพลกิ้ง เลือกที่จะดัน 2 ดาวยิงจากทัพช้างศึก U-23 ไปลุยยุโรปในครั้งนี้ ในฐานะกองหน้าตัวหลักทีมชาติไทยชุดใหญ่

ธีรศักดิ์ เผยพิมาย มีประสบการณ์ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ แถมในลีกปีนี้ก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม ลงสนามเป็นตัวสำรองทั้ง 6 เกม แต่กลับยิงได้ถึง 4 ประตู รูปร่างสูงใหญ่ แต่มีความเร็ว หาพื้นที่จบสกอร์ได้ดี แต่มักจะไปตัดฟาล์วบ่อยๆจนได้รับใบเหลืองหลายครั้ง

ยศกร บูรพา กับชีวิตที่ก้าวกระโดด ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในวัย 18 ปี มีรูปร่างใหญ่ มีความเร็ว แข็ง เบียดปะทะได้ดี ยิงประตูคมและแรง ข้อเสียคือเก็บบอลไว้กับตัวไม่ดี อีกทั้งด้วยอายุที่ยังน้อย ทำให้จังหวะตัดสินใจสุดท้ายอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร

เมื่อมองกันจากประสบการณ์ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ ธีรศักดิ์เอง อาจจะได้รับโอกาสลงสนามก่อน โดยมียศกร พร้อมแสตนด์บาย อีกทั้งยังมี อาทิตย์ เบิร์ก ที่สามารถเล่นในตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้าได้เช่นกัน

 

ความคาดหวังที่สูงลิบ

แน่นอนว่านี่คือการอุ่นเครื่องครั้งสุดท้าย ก่อนจะเข้าสู่เมเจอร์ ทัวร์นาเม้นต์ แฟนบอลเองก็คาดหวังให้ทีมชาติไทย มีระบบการเล่นที่ชัดเจน รวมทั้งมี 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดหลัก ได้แล้วตั้งแต่ในเกมนี้

แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่าง ทำให้สิ่งที่แฟนบอลคาดหวังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงกลายเป็นทีมที่มีทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่าที่ห่างหายจากเวทีทีมชาติมานานหลายๆคน เรียกว่าเป็นทีมชุดที่ไม่ใช่ตัวหลักของทีมชาติไทยเลยก็ว่าได้

จริงอยู่ที่เรามีโอกาสได้เจอกับทีมชาติในระดับใกล้ๆกันอย่างเอสโตเนีย และจอร์เจียที่ก็ไม่ได้อยู่ในลำดับที่ห่างกันราวฟ้ากับเหวอะไรขนาดนั้น

แต่อย่าลืมว่าทีมชาติไทยชุดนี้ หลายๆคนแม้จะมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในลีก แต่ประสบการณ์ระดับเกมทีมชาตินั้นน้อยนิด 

ยิ่งกับการต้องไปเล่นเป็นทีมเยือน ในสภาพอากาศที่แตกต่างอย่างสุดขั้วอย่างในยุโรป นั้นทำให้ความยากมันคูณสอง

หากเราเอาชนะได้ทั้ง 2 เกม แน่นอนคะแนน ฟีฟ่า แรงค์กิง ทีมชาติไทย จะบวกมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเราแพ้ แน่นอนนอกจากคะแนนที่จะลดลงแล้ว เสียงกร่นด่ามากมายจะถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสายแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาโน่ โพลกิ้ง ที่อาจจะถูกด่าตั้งแต่ไม่กล้าเรียกนักเตะจาก 4 ทีมข้างต้น ทั้งที่สามารถทำได้เพราะเป็นฟีฟ่าเดย์ ไปจนถึงนักเตะที่เขาเลือกลงสนาม และรูปแบบวิธีการเล่น

ก็ถือว่าน่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งตัวสโมสรเองที่ไม่สะดวกจะส่งนักเตะมาเล่นทีมชาติ และทางทีมชาติไทยเองที่จะไม่ได้ชุดนักเตะที่ดีที่สุด ในการอุ่นเครื่องครั้งสุดท้าย ก่อนรายการใหญ่ที่รออยู่

แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่มาโน่ โพลกิ้ง จะได้เห็นนักเตะชุดใหม่หลายๆคน โชว์ฟอร์มในนามทีมชาติ ซึ่งอาจจะกลายเป็น 1 ในตัวเลือกของทีมชาติไทย ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกในเดือน พฤศจิกายน ก็เป็นได้…

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.mainstand.co.th/th/features/5/article/3871

เรื่อง : วศวรรธน์ บุบผาสวัสดิ์

Author

Ball Thai Stand

Ball Thai Stand

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น