ชีวิตมนุษย์ย่อมไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีเรื่องราวใด ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง ในบางครั้งสิ่งที่พบเจออาจจะเป็นเรื่องราวที่ชวนให้มีความสุข แต่ในบางครั้งสิ่งที่เข้ามาในชีวิต อาจเป็นบททดสอบครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้
เช่นเดียวกับ เดวิด บรูคส์ ที่ปัจจุบันเล่นอยู่กับบอร์นมัธ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาสมัยที่ เดวิด บรูคส์ ยังเป็นนักเตะดาวรุ่งเขาถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองซึ่งมีทีมยักษ์ใหญ่ ของพรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล เคยให้ความสนใจที่จะดึงตัวดาวเตะ ทีมชาติเวลส์รายนี้ไปร่วมทีม
เส้นทางลูกหนังของ เดวิด บรูคส์ จากที่กำลังเป็นขาขึ้นในชีวิตกับต้องหยุดชะงักตัวลงเนื่องจาก เดวิด บรูคส์ ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 2 เป็นเหตุผลให้เขาต้องห่างหาย จากการลงสนามไปเกือบ 2 ปี แต่ในที่สุดแล้ว เดวิด บรูคส์ สามารถผ่าฟันวิกฤติเอาชนะ บททดสอบครั้งสำคัญในครั้งนี้กลับมามีชีวิตที่สดใสได้ทำสิ่งที่ตนเองรักอีกครั้ง
Main Stand ขอพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องราวของ เดวิด บรูคส์ ติดตามรับชมได้ที่นี้
เด็กหนุ่มจากรัฐเชสเชียร์
เดวิด บรูคส์ เกิดและโตที่เมืองวอร์ริงตัน ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐเชสเชียร์ ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ รัฐเชสเชียร์มีเขตดินแดนติดกับเมืองเมอร์ซีย์ไซด์และเมืองแมนเชสเตอร์
ด้วยความที่เติบโตใกล้กับเมืองแมนเชสเตอร์ เดวิด บรูคส์ ตัดสินใจเข้าร่วมทีมอะคาเดมี่ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2004 ซึ่งในขณะนั้นเขาอายุเพียงแค่ 7 ขวบก่อนที่ในอีก 10 ปีต่อมา เดวิด บรูคส์จะหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเลือกย้ายไปร่วมทีม “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
เดวิด บรูคส์ รอคอยเวลาถึง 3 ปี ก่อนที่จะได้รับโอกาสจาก คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลานั้นที่ให้โอกาส เดวิด บรูคส์ ได้ลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกในวันที่ 12 สิงหาคม 2017 โดยเป็นการลงเล่นแทนที่ คีรอน ฟรีแมน นาทีที่79 แต่ผลการแข่งขันในวันนั้นกับไม่เป็นใจต่อทีมและ เดวิด บรูคส์ เนื่องจากผลการแข่งขันในวันนั้น เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด บุกไปแพ้ให้กับ มิดเดิลสโบรห์ 1-0
ในวันที่ 25 สิงหาคม 2017 ทีมชาติเวลส์ ตัดสินใจเรียกตัว เดวิด บรูคส์ ไปติดทีมชาติเวลส์ เป็นครั้งแรกเนื่องจากคุณแม่ของเขาเกิดที่เมืองลานโกเล็น ประเทศเวลส์ จึงเป็นเหตุผลให้ เดวิด บรูคส์ มีสายเลือดเป็นชาวเวลส์และสามารถลงเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ได้ ซึ่งในการลงสนามนัดแรกให้กับทีมชาติเวลส์ชุดยู 21 เดวิด บรูคส์ สามารถทำประตูได้ตั้งแต่ นัดแรกที่ลงเล่นโดยเป็นการทำประตูใส่ทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์และเอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-0
เดวิด บรูคส์ จัดการตอบแทน คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ให้โอกาสตัวเขา ลงสนามอยู่บ่อยครั้ง เขาใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนเศษๆเท่านั้น หลังจากที่ได้รับโอกาสลงสนาม ให้กับทีมชุดใหญ่ เดวิด บรูคส์ ทำประตูแรกอย่างเป็นทางการในนามทีมชุดใหญ่ โดยเป็นฮีโร่ ทำประตูชัยพาต้นสังกัดบุกไปชนะทีมคู่อริร่วมเมือง “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-1 ซึ่งหลังจากนั้น
3 วัน สโมสรตอบแทนรางวัลให้กับ เดวิด บรูคส์ ด้วยการต่อสัญญายาวอยู่กับทีมไปอีก 4 ปี
แม้ว่าในขณะนั้น เดวิด บรูคส์ จะมีอายุเพียง 20 ปีแต่ผลงานของเขาอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับผลงานของเขากับทีมชุดใหญ่เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เขาได้รับโอกาสลงสนามมากถึง 30 นัด มีส่วนร่วมในการทำประตู 7 ลูกโดยแบ่งเป็น ยิง 3 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ ด้วยฟอร์มการเล่น ที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัวทำให้ คริส โคลแมน ผู้จัดการทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่ในเวลานั้นตัดสินใจ เรียกตัว เดวิด บรูคส์ ไปติดทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
ลุยพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในชีวิต
ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัวและอายุที่ยังน้อย จึงส่งผลให้มีหลายต่อหลายทีมต่างให้ความสนใจในตัว เดวิด บรูคส์ และเป็น “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ ที่ทุ่มเงินราวๆ 11.5 ล้านปอนด์ดึงตัว เดวิด บรูคส์ ไปร่วมทีมเซ็นสัญญายาว 4 ปี
การย้ายทีมในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของตัวเขาเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก จะเป็นการลงเล่นฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งแรกในชีวิตของ เดวิด บรูคส์ อีกด้วย
โดย เดวิด บรูคส์ ได้ให้สัมภาษณ์ในวันเปิดตัวกับสโมสรเอาไว้ว่า “ผมรู้สึกท้าทายเป็นอย่างมาก ที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี้ ผมรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับสุดยอดผู้จัดการทีมอย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ผมคิดว่าเขา เป็นผู้จัดการทีมที่กล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งอยู่เสมอและยังสามารถพัฒนานักเตะดาวรุ่งได้อย่างยอดเยี่ยมนั้นคือเหตุผลหลักที่ผมเลือกย้ายมาอยู่ที่บอร์นมัธ”
เดวิด บรูคส์ ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวกับบอร์นมัธ เขาขึ้นมายึดตัวจริงในตำแหน่งปีกขวาของทีมได้สำเร็จ ด้วยสไตล์การเล่นที่ไปกับบอลได้ดีและฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอเจ้าตัวจึงส่งผลให้ เดวิด บรูคส์ ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรในเดือนตุลาคม
ผู้จัดการทีมอย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ได้ออกมาชื่นชม เดวิด บรูคส์ เอาไว้ว่า “ผมรู้สึกประหลาดใจกับเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก เขาปรับตัวเข้าใจกับสไตล์การเล่นของทีมได้อย่างรวดเร็วและยังเป็นนักฟุตบอลที่มีทัศนคติยอดเยี่ยม”
ฟอร์มการเล่นของ เดวิด บรูคส์ ยังคงเส้นคงวาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเหตุผลให้ เขาได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรเป็นครั้งที่สอง โดยในครั้งนี้ได้รับรางวัลของเดือนธันวาคม
จบฤดูกาล 2018/19 เดวิด บรูคส์ ลงเล่นให้กับบอร์นมัธไปทั้งหมด 30 นัด มีส่วนร่วมในการทำประตูมากถึง 12 ประตูโดยแบ่งเป็นการยิง 7 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ ในอายุเพียงแค่ 21 ปี กับผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินอายุของเจ้าตัวบอร์นมัธ ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวเพิ่มไปอีก 2 ปีทั้งที่สัญญาของ เดวิด บรูคส์ ยังเหลืออยู่อีก 3 ปีก็ตาม
เอ็ดดี้ ฮาว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการต่อสัญญาระยะยาวกับเด็กหนุ่มชาวเวลส์รายนี้เอาไว้ว่า “เดวิด บรูคส์ สร้างความประทับใจให้กับทุกคนในสโมสรตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาสู่ทีม เขาเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากทัศนคติที่ดีและการใช้ชีวิตของเขาเป็นมืออาชีพมาโดยตลอด ตัวผมเองและสโมสรต้องการมีเขาอยู่ในทีมพวกเราจึงตัดสินใจมอบสัญญา ระยะยาวให้กับเขา”
ในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาล 2019/20 บอร์นมัธ มีโปรแกรมอุ่นเครื่องกับ “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งการแข่งขันในวันนั้นคงเป็นอีกหนึ่งนัดที่ เดวิด บรูคส์ ไม่อยากจะจดจำ สักเท่าไหร่เนื่องจาก เดวิด บรูคส์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าส่งผลให้เขาต้องพักรักษาตัวราวๆ 2 เดือน
ระยะเวลาผ่านไป 2 เดือน อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของ เดวิด บรูคส์ ยังดูน่าเป็นห่วงเขาไม่สามารถลงน้ำหนักในการเดินได้ เดวิด บรูคส์ จึงตัดสินใจเลือกที่จะผ่าตัดข้อเท้าส่งผลให้ต้องพักรักษาตัวเพิ่มไปอีก 4 เดือน
อาการบาดเจ็บหนักครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียนในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ เดวิด บรูคส์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงอาการบาดเจ็บในครั้งนี้เอาไว้ว่า “ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถลงสนาม ช่วยเหลือทีมที่ผมรัก ครั้งนี้เป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงครั้งแรกในชีวิตของผม ผมไม่คิดว่า อาการบาดเจ็บมันจะยาวนานขนาดนี้ ผมต้องยอมรับมันและผ่านมันไปให้ได้”
แม้ว่าในฤดูกาล 2019/20 เดวิด บรูคส์ จะรีเทิร์นกลับมาช่วยต้นสังกัดได้ในช่วงท้ายฤดูกาล แต่เขาไม่สามารถช่วยเหลือต้นสังกัดให้รอดจากการตกชั้นได้ บอร์นมัธ จบฤดูกาลด้วย อันดับที่ 18 ของตารางพรีเมียร์ลีก เก็บแต้มไปได้เพียงแค่ 34 คะแนนจากการลงสนามทั้งหมด 38 นัดเท่านั้น จึงทำให้บอร์นมัธ ต้องตกชั้นไปสู่ลีกเดอะแชมป์เปียนส์ชิพในรอบ 5 ปี
ตัวเลือกของหงส์ผี
เดวิด บรูคส์ ต้องกลับมาเล่นในลีกแชมป์เปียนส์ชิพอีกครั้งและการลงสนามในฤดูกาล 2020/21 เรียกได้ว่าเป็นบทพิสูจน์ในตัวของ เดวิด บรูคส์ เช่นกันเนื่องจากการบาดเจ็บที่รุนแรงและขาดการลงสนามไปนานๆย่อมเป็นเครื่องหมายคำถามว่าฟอร์มการเล่นของเขาจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้หรือไม่
เมื่อไม่ได้เล่นอยู่บนลีกสูงสุดแล้วบอร์นมัธ จึงจำเป็นที่จะต้องปล่อยตัวผู้เล่นตัวหลักหลายต่อ หลายคนออกจากทีมอาทิเช่น นาธาน อาเก้ ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คัลลั่ม วิลสัน ย้ายไปร่วมทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อารอน แรมส์เดล ย้ายไปร่วมทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดไรอัน เฟรเซอร์ ย้ายไปร่วมทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ โจชัว คิง ย้ายไปร่วมทีม เอฟเวอร์ตัน
ด้วยการที่บอร์นมัธ ปล่อยตัวผู้เล่นตัวหลักออกจากทีมไปหลายต่อหลายคนบวกกับเสริมตัวผู้เล่น เข้ามาร่วมทีมค่อนข้างน้อย ผลงานของทีมจึงไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าที่ควร แม้ว่าจะจบฤดูกาล ด้วยอันดับที่ 6 ได้สิทธิ์โควต้าไปเล่นเพลย์ออฟเลื่อนชั้นก็ตาม แต่ก็ไปพลาดท่าแพ้ให้กับ เบรนฟอร์ด ด้วยสกอร์รวม 3-2 หมดสิทธ์ในการกลับไปเล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้ง
แต่ทว่าผลงานส่วนตัวของ เดวิด บรูคส์ กับบอร์นมัธ ในฤดูกาล 2020/21 กลับมายอดเยี่ยม เหมือนเดิมอีกครั้ง แม้ว่าในช่วงต้นฤดูกาลฟอร์มการเล่นของเขาอาจจะยังดูไม่เปรี้ยงปร้าง เหมือนช่วงก่อนที่เขาจะได้รับอาการบาดเจ็บหนัก แต่เวลาผ่านไปสักระยะเขาเริ่มปรับตัวได้และเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เหมือนเดิม โดยเขาได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 34 นัด มีส่วนร่วมในการทำประตูมากถึง 13 ประตู โดยแบ่งเป็นการยิง 6 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์
หลังจบฤดูกาลมีรายงานว่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต่างให้ความสนใจในตัวของ เดวิด บรูคส์ ไปร่วมทีมโดยทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วาง เดวิด บรูคส์ ไว้เป็นตัวเลือกรองลงมาต่อจาก เจดอน ซานโช่ และ แจ็ค กรีลิช ส่วนทางด้านลิเวอร์พูล ดูมีความสนใจในตัวของ เดวิด บรูคส์ แบบจริงจังมากกว่าเนื่องจากได้มีการพูดคุย รายละเอียดส่วนตัวไปกับทางเอเย่นต์ของ เดวิด บรูคส์ เป็นที่เรียบร้อย
แต่ทั้งสองทีมต้องหยุดชะงักในการสนใจในตัวของ เดวิด บรูคส์ ลงเนื่องจากบอร์นมัธ ตั้งราคาค่าตัวดาวเตะทีมชาติเวลส์เอาไว้ที่ 50 ล้านปอนด์ซึ่งทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล มองว่าราคาที่บอร์นมัธ ตั้งเอาไว้ค่อนข้างที่จะสูงเกินไปจึงเป็นเหตุผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลือกที่จะไปเซ็นสัญญากับ เจดอน ซานโช่ แทนส่วนทางด้านลิเวอร์พูล เลือกที่จะเปลี่ยน เป้าหมายและไปเซ็นสัญญากับ หลุยส์ ดิอาซ ที่มีค่าตัวเพียงแค่ 40 ล้านปอนด์เท่านั้น
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เดือนตุลาคม ปี 2021 เดวิด บรูคส์ มีชื่อต้องไปรับใช้ทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่ในการแข่งขันคัดบอลโลกแต่ทว่า เดวิด บรูคส์ รู้สึกพบว่าร่างกายเขาเกิดอาการผิดปกติ เขารู้สึกมีปัญหา ในการนอน เนื่องจากมีเหงื่อออกมากตามร่างกายจนผิดปกติ และเขารู้สึกว่าตนเองน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงทำการถอนตัวและเข้าพบแพทย์ที่ทางทีมชาติจัดเตรียมไว้ให้
หลังจากตรวจเลือดและตรวจภายในเพิ่มเติมทีมแพทย์ได้ยืนยันผลการวินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2021 พบว่า เดวิด บรูคส์ เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินในระยะที่สอง ซึ่งโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเม็ดเลือดขาวที่อยู่ในระบบน้ำเหลืองของร่างกายถ้าปล่อยทิ้งเอาไว้นานๆจะสามารถแพร่กระจายไปสู่เนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆได้ จึงส่งผลให้ เดวิด บรูคส์ ต้องเข้ารับการรักษาตัวในสัปดาห์หน้าทันที
โดย เดวิด บรูคส์ ได้ออกมาเผยความในใจเอาไว้ว่า “นี้เป็นข้อความที่เขียนยากมากที่สุดในชีวิต สำหรับผม ผมถูกตรวจพบโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะที่ 2 ผมจะเริ่มต้นขั้นตอนรักษาในสัปดาห์หน้า แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับผมและครอบครัว แต่การตรวจในเริ่มต้นอยู่ในทิศทางที่ดี ผมมั่นใจว่าจะกลับมาฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่และกลับมาลงสนามโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ผมอยากขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล ที่ปรึกษา และทีมงาน ที่ช่วยดูแลผมอย่างเป็นมืออาชีพ อบอุ่นใส่ใจและเป็นกันเอง เข้าใจช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในตอนนี้”
“ผมอยากขอบคุณสมาคมฟุตบอลทีมชาติเวลส์ เพราะว่าถ้าหากไม่มีการดูแลรวดเร็วจาก ทีมแพทย์ เราอาจจะไม่พบอาการป่วยในครั้งนี้”
“ผมอยากขอบคุณสโมสรบอร์นมัธ สำหรับการสนับสนุนและช่วยเหลือตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา”
“ผมอยากขอบคุณสื่อที่ให้ความสนใจ แต่ผมอยากให้ความเคารพและความส่วนตัวของผม ต่อจากนี้ และผมจะอัปเดตความคืบหน้าต่างๆ เท่าที่ผมจะทำได้”
“ขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจเข้ามาให้ผม นี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าและมีความหมายต่อตัวผมมาก ผมหวังว่าจะได้พบเจอพวกคุณทุกคนอีกครั้ง และผมจะรีบกลับมาลงเล่นกีฬาที่ผมรักในเร็วๆนี้”
หลังจากที่ทราบข่าวร้ายหนึ่งในคนที่ช็อกที่สุดคงหนีไม่พ้น สกอตต์ พาร์เกอร์ ผู้จัดการทีม ของบอร์นมัธ ในช่วงเวลานั้นโดย สกอตต์ พาร์เกอร์ ออกมาพูดเอาไว้ว่า “พวกเราทุกคนจะคอย ให้การสนับสนุนและส่งกำลังใจให้กับเขา เขาได้เริ่มต้นในการรักษาโรคร้ายนี้แล้ว เรากำลังตั้งตารอที่จะได้เห็นเขากลับมาลงสนามได้อีกครั้ง”
และสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชมต่อสโมสรบอร์นมัธ คือการที่สโมสรยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับเดวิด บรูคส์ ทันทีเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู้และผ่านโรคร้ายนี้ไปได้
เดวิด บรูคส์ เผยว่าเขาจะพยายามนอนหลับทุกครั้งในการทำคีโมรักษาโรคมะเร็งเพราะเขา ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและ เดวิด บรูคส์ ยังได้พูดถึงแฟนสาวของเขาอย่าง ฟลอร่า โจนส์ “ฟลอร่าอยู่ในเบื้องหลังในการรักษาครั้งนี้ทั้งหมด เธอจะคอยขับรถพาผมไป โรงพยาบาลทุกครั้ง เธออยู่เคียงข้างผมทุกช่วงเวลาผมจะเห็นหน้าเธอในทุกครั้งหลังจากตื่นนอนจากการทำคีโมเสร็จ”
ระยะเวลาผ่านไปราวๆ 7 เดือนจนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคม 2022 ทีมแพทย์จากทาง โรงพยาบาลได้แจ้งข่าวดีกับทาง เดวิด บรูคส์ ว่าเขาหายจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด ฮอดจ์กินเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับทางต้นสังกัดบอร์นมัธ ได้การันตีการเลื่อนชั้น กลับมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
หลังจากที่หายจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เดวิด บรูคส์ ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวเอาไว้ว่า “ผมอยากขอบคุณทีมแพทย์สำหรับการทำงานที่น่าเหลือเชื่อในครั้งนี้และสนับสนุนผมมาเป็นอย่างดีตลอดการรักษา”
“ผมได้เข้าพบกับทีมแพทย์ของผมและได้ดูผลตรวจในรอบสุดท้าย ผมดีใจที่ได้บอกว่าการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้นประสบความสำเร็จ ผมสามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่าผมหายจากโรคมะเร็งแล้ว”
“ผมตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมากที่ผมจะได้กลับไปเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ผมตั้งตารอที่จะได้ กลับไปที่สนามวิทาลิตี้และได้ลงเล่นต่อหน้าพวกคุณในสนามและในอนาคตอันใกล้นี้”
“ผมขอบคุณในทุกๆข้อความและคำอวยพรทั้งหมด มันช่วยให้ผมผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายในครั้งนี้ไปได้”
คัมแบ็คลงสนามในรอบ 536 วัน
แม้ว่า เดวิด บรูคส์ จะหายจากการเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแล้วแต่ว่าการที่เขาต้องให้คีโมในการรักษาจึงเป็นเหตุผลให้เขาสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในทุกส่วนของร่างกายน้ำหนักของเขาลดลงถึง 15 กิโลกรัม
หลังจากที่ เดวิด บรูคส์ เริ่มเรียกความฟิตและกลับมามีความฟิตในระดับที่เท่ากับเคยลงสนามในตอนก่อนที่จะป่วย เขาได้กลับมาลงประเดิมสนามครั้งแรกกับทีมชุดเยาวชน ซึ่งในการลงเล่น ครั้งนี้เจ้าตัวยังสามารถทำแฮตทริคให้กับทีมได้ด้วย
จนกระทั่งวันที่ทุกคนทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอยก็มาถึง วันที่ 18 มีนาคม 2023 เดวิด บรูคส์ ได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในรอบ 536 วัน โดยถูกส่งลงสนามในนาที 79 แทนที่ของ อดัม สมิธ แม้ว่าผลการแข่งขันในวันนั้นอาจจะไม่เป็นใจให้กับฝั่งบอร์นมัธ เนื่องจากบุกไปโดน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ถล่มถึง 3-0
แต่สิ่งที่ผู้คนทั้งหมดในสนามต่างจดจำที่สุดในวันนั้นอาจจะไม่ใช่ผลการแข่งขัน แต่เป็นโมเมนต์ ของผู้ชายที่ชื่อว่า เดวิด บรูคส์ ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคโรคร้ายและกลับมาลงเตะฟุตบอล ได้อีกครั้ง ซึ่งในเกมการแข่งขันวันนั้นกองเชียร์ของทั้งสองทีมต่างปรบมือให้ความต้อนรับกันอย่างอบอุ่น
หลังจากนั้น แกรี โอนีล ผู้จัดการทีมบอร์นมัธ ไม่รีบร้อนที่จะส่ง เดวิด บรูคส์ ลงสนามอย่าง พร่ำเพรื่อเขาให้เหตุผลว่า เดวิด บรูคส์ ขาดการลงสนามไปเกือบ 2 ปีถ้ารีบส่งลงสนาม บ่อยเกินไปอาจจะเป็นอันตรายต่อสภาพร่างกายทั้งภายในและภายนอกของตัวนักเตะได้
20 พฤษภาคม 2023 เดวิด บรูคส์ มีโอกาสได้ลงสนามตัวจริงเป็นครั้งแรกในรอบ 598 วัน ซึ่งเกมในวันนั้นเป็นการเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดวิด บรูคส์ ได้อยู่สนามเป็นเวลา 54 นาทีและในช่วงที่ถูกเปลี่ยนตัวออกกองเชียร์ทุกคนในสนามต่างลุกขึ้นยืนปรบมือและร้องเพลงประจำตัวของ เดวิด บรูคส์ ที่กองเชียร์บอร์นมัธ แต่งเพลงส่วนตัวให้กับ นักเตะขวัญใจของทีมผู้นี้
ปัจจุบันฤดูกาล 2023/24 เดวิด บรูคส์ ลงสนามไปทั้งสิ้น 6 นัดยิงไปทั้งหมด 3 ประตู กลับมาเป็น นักเตะแกนหลักของทีมได้อีกครั้งและถูกเรียกกลับไปติดทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่ในรอบ 2 ปี โดย โรเบิร์ต เพจ ผู้จัดการทีมชาติเวลส์ ได้ออกมาเผยถึงการเรียกตัว เดวิด บรูคส์ กลับมาติด ทีมชาติอีกครั้งเอาไว้ว่า “เขาเป็นนักเตะพรสวรรค์สูงอีกหนึ่งคนของโลกฟุตบอล ดังนั้นการมี นักเตะแบบเขากลับมาอยู่ในทีมจะช่วยยกระดับให้กับพวกเราทุกคนได้ เขาคือผู้เล่นคนสำคัญ ของทีม”
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ เดวิด บรูคส์ นั้นเรียกได้ว่าเป็นบททดสอบอันโหดร้ายครั้งสำคัญกับการที่เด็กวัย 20 ต้นๆต้องมาเผชิญกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในช่วงที่เขากำลังอยู่ในขาขึ้นของชีวิต แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่น่านับถือต่อตัว เดวิด บรูคส์ คือหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ของเขาที่สามารถ
ต่อสู้เอาชนะบททดสอบอันโหดร้ายครั้งสำคัญที่สุดของชีวิตในครั้งนี้ไปได้
แหล่งอ้างอิง :
https://theathletic.com/4828866/2023/09/04/bournemouth-david-brooks-first-goal/
https://www.bbc.com/news/uk-england-dorset-65346745
https://www.thesun.co.uk/sport/21806843/bournemouth-david-brooks-wales-cancer-robert-page/
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/man-utd-rival-liverpool-bournemouths-22544989
https://www.scoutedftbl.com/best-young-football-players/david-brooks/
https://en.wikipedia.org/wiki/David_Brooks_(footballer)
https://www.transfermarkt.com/afc-bournemouth/transfers/verein/989/saison_id/2020