แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในทีมที่เสริมทัพในตลาดซื้อขายรอบซัมเมอร์ 2023 นี้ได้น่าสนใจ โดยเฉพาะการดึงนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเติมเต็มขุมกำลัง เพื่อรับมือกับศึกใหญ่หลายรายการที่รออยู่ตลอดทั้งปี ต่อยอดจากความสำเร็จที่พวกเขาคว้าเทรเบิลแชมป์มาครองได้ในฤดูกาล 2022-23
มาเตโอ โควาซิช, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, มาเธอุส นูเนส และ เจเรมี่ โดกู คือเหล่าดาวเด่นที่พลพรรคเรือใบสีฟ้าดึงมาเป็นสมาชิกใหม่ใน เอติฮัด สเตเดียม แน่นอนว่าชื่อของโควาซิชและนูเนสเป็นที่คุ้นหูของแฟนบอลพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว ขณะที่กวาร์ดิโอลก็ได้รับการจับตาว่าเป็นกองหลังอนาคตไกลของโลกลูกหนัง
ในทางตรงกันข้าม ชื่อของ เจเรมี่ โดกู อาจจะไม่ได้คุ้นหูแฟนฟุตบอลอังกฤษมากเท่าไรนัก นั่นทำให้คอลูกหนังบางคนอาจสงสัยถึงดีกรีของสตาร์เบลเจียนผู้นี้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่ผ่านมามีประสบการณ์หรือเรื่องราวเด่น ๆ ใดชวนให้รู้บ้าง
Main Stand ขอชวนแฟน ๆ มาทำความรู้จักดาวเตะเบอร์ 11 รายใหม่ของ แมนฯ ซิตี้ กันให้มากขึ้นไปพร้อมกัน
เล่นฟุตบอลอาชีพตั้งแต่อายุ 16
เจเรมี่ โดกู ลืมตาดูโลกที่เมืองอันท์เวิร์ป โดยครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นคนกาน่าอพยพ
แน่นอนว่าการที่โดกูเกิดและเติบโตขึ้นมาในตระกูลที่มีทั้ง เดวิด ผู้เป็นพ่อเป็นนักกรีฑา ขณะที่ เจฟเฟอร์สัน พี่ชายของเขามีดีกรีเป็นนักเตะอคาเดมีของอันเดอร์เลช เช่นเดียวกับการที่บ้านของตระกูลโดกูอยู่ไม่ไกลจาก โบซุลสตาดิโอน (Bosuilstadion) หรือรังเหย้าของทีมดังในถิ่นเกิดนาม รอยัล อันท์เวิร์ป ชนิดที่ว่าเดินทางโดยรถยนต์ไม่ถึง 10 นาทีก็ไปเชียร์อันท์เวิร์ปได้แล้ว
นั่นทำให้เจเรมี่เดินตามเส้นทางที่เหมือนกับพ่อและพี่ชาย นั่นคือการเป็นนักกีฬา
อย่างไรก็ดี โดกูกลับไม่ได้เป็นนักเตะในคาถาของรอยัล อันท์เวิร์ป แต่อย่างใด จุดที่ทำให้เขากลายเป็นเด็กชายผู้ได้รับการจับตามองเรื่องฝีเท้ากลับไปเกิดขึ้นกับอีกสโมสรดังร่วมเมืองอันท์เวิร์ป นั่นคือ เบียร์ช็อต ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากบ้านมาอคาเดมีเพียง 17 นาทีเศษ
ว่ากันว่าหลังเข้ามาเป็นเยาวชนของสโมสรที่เคยปลุกปั้นทั้ง โทบี้ อันเดอไวเรลด์, แยน แฟร์ตองเกน รวมถึง รัดยา เนียงโกลัน มาก่อน เด็กชายโดกูเคยช่วยทีมเป็นแชมป์ระดับเยาวชนจนผลงานไปเข้าตาอันเดอร์เลชท์ สโมสรชื่อดังจากเมืองหลวงอย่างกรุงบรัสเซลส์
และแล้วครอบครัวของโดกูก็ตัดสินใจส่งลูกชายคนที่สองของบ้านซึ่งขณะนั้นวัย 10 ปี เดินตามรอยที่ชายอย่างเจฟเฟอร์สัน ได้ทั้งฝึกฟุตบอลตามแบบฉบับของสโมสร พร้อม ๆ กับได้รับทุนการศึกษาเพื่อเล่าเรียนในโรงเรียนไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งเจฟเฟอร์สันและเจเรมี่ไม่ได้เล่นฟุตบอลในทีมเดียวกันมากนัก เพราะที่สุดแล้วพี่ชายของเขาต้องมาหยุดเล่นฟุตบอลกลางคันเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่รุมเร้า
แต่กระนั้นความฝันและความหวังของตระกูลโดกูกับการมีลูกเป็นยอดนักเตะไม่ได้จบลงที่จุดนั้น เพราะเจเรมี่เติมเต็มในส่วนนี้แบบเนียนสนิท เมื่อเขาโตขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพได้ โดยที่เจฟเฟอร์สันขยับบทบาทมาเป็นเอเยนต์นักกีฬา และมีน้องชายเป็นนักเตะในการดูแล
เจเรมี่ โดกู มีทั้งความเร็วและเลี้ยงบอลดี และเป็นทักษะเด่นที่พาให้เขาประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เป็นนักเตะเยาวชน เห็นเด่นชัดจากการมีชื่อติดทีมชาติเบลเยียม ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ก่อนจะเป็นขาประจำในนามทีมยังบลัดของปีศาจแดงแห่งยุโรป
ฌอง คินเดอร์ม็องส์ (Jean Kindermans) ผู้อำนวยการอคาเดมีอันเดอร์เลชท์ เคยออกมายอมรับว่าเหล่าทีมโค้ชเยาวชนของสโมสรเคยตั้งข้อสงสัยกันว่า การที่ เจเรมี่ โดกู ใช้แต่ความสามารถตัวเองและเน้นโชว์สเต็ปฟุตบอลหลอกล่อคู่แข่งเป็นหลักจะส่งผลดีต่อตัวนักเตะจริงหรือ ?
แต่กระนั้นความเห็นเดียวกันที่ออกมาเป็นข้อสรุปก็คือ ให้โดกูเล่นในสไตล์ที่เขาถนัดเป็นหลัก ที่เหลือทุกคนในสโมสรจะคอยซัปพอร์ตผ่านคำแนะนำตามบริบทไปจนสุดทาง
“ผมจำได้ดีว่าบางครั้งโดกูชอบวางเท้าบนลูกฟุตบอล รอให้คู่แข่งเข้ามาหา และท้าทายพวกเขา จากนั้นก็จะกระชากหายภายในเวลาไม่กี่วินาที เขาพร้อมจะเลี้ยงบอลผ่านทุกคน นั่นเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา”
“กับเรื่องพวกนี้ทำเอาพวกเราตั้งข้อสงสัยในตอนแรกอยู่เหมือนกันว่าเราควรจะกีดกันไม่ให้เขาทำแบบนั้นบ่อย ๆ ดีไหม แต่ไม่นานผมก็คิดว่า 'ให้เขาทำไปเถอะ' มันเป็นคุณสมบัติพิเศษของเขาที่มีต่อเกมการแข่งขัน และเขาจะค่อย ๆ ปรับปรุงมันไปเอง หรืออาจจะหยุดทำมันถ้าเขารู้สึกว่าควรหยุด แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงมีคุณสมบัติพิเศษของตัวเอง”
ก่อนที่โอกาสสำคัญจะมาถึงเร็วเกินคาด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 โดกูในวัยขณะนั้น 16 ปี ถูก ไฮน์ ฟานเฮเซบรูค (Hein Vanhaezebrouck) ผู้จัดการทีมอันเดอร์เลชท์ ดึงเข้าไปร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และนี่ก็เป็นสัญญาณที่ชี้ตรงมาที่ตัวเขาในการก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว
“ผมจำได้ว่าเคยดูพวกเขา (โดกู และ ยารี่ แฟร์สแชเรน อีกหนึ่งแข้งจากอคาเดมี) ลงฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และทั้งคู่ก็ทำผลงานได้ประทับใจจริง ๆ ผมยืนอยู่ข้าง สเตฟาน สตาสซิน โค้ชเยาวชน และหลังจากนั้นไม่กี่นาทีผมก็บอกเขาว่า 'เราคงจะไม่ได้เห็นพวกเขากลับมาที่อคาเดมีแล้วล่ะ' แน่นอนครับ เราทั้งคู่ต้องส่งมอบพวกเขาให้กับทีมชุดใหญ่ให้ดี” ผอ.อคาเดมี อันเดอร์เลชท์ เล่าต่อ
2018-19 คือซีซั่นแรกที่ เจเรมี่ โดกู ได้รับโอกาสกับทีมชุดใหญ่ของยอดทีมแห่งกรุงบรัสเซลส์ และถึงแม้ว่าอดีตแชมป์ลีกสูงสุดเบลเยียม 34 สมัยจะเปลี่ยนแปลงเก้าอี้กุนซือหลังจบซีซั่นดังกล่าว ทว่าโดกูก็ยังคงเป็นฟันเฟืองที่พร้อมได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเป็นลูกทีมของ แวงซองต์ กอมปานี
37 เกมตลอดช่วงเกือบ 3 ฤดูกาลกับอันเดอร์เลชท์ แปรเปลี่ยนเป็นผลงานส่วนตัว 6 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ นับเป็นผลงานที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยสำหรับแข้งในวันไม่ถึง 20 กะรัต แถมเขายังติดทีมชาติเบลเยียมชุดใหญ่ไปแล้ว
ไม่แปลกที่เขาจะเริ่มได้รับการจับตามองจากทีมน้อยใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ ลิเวอร์พูล โดย คริสตอฟ เทอร์ริเอร์ ผู้สื่อข่าวสายฟุตบอลเบลเยียม เคยรายงานว่าทัพหงส์แดงสนใจโดกูจริงจัง และสนใจมาตั้งแต่ปี 2018 ถึงขั้นเชิญพ่อแม่นักเตะไปทัวร์แอนฟิลด์ด้วยซ้ำ แต่ที่สุดแล้วเจเรมี่ตัดสินใจอยู่กับอันเดอร์เลชท์ไปก่อนและขอขยับสเต็ปฟุตบอลไปทีละขั้น
กระทั่ง แรนส์ สโมสรจากลีกเอิง ฝรั่งเศส ติดต่อเข้ามาอย่างจริงจังเพื่อหวังดึงแข้งอนาคตไกลเบลเยียมไปเติมเกมบุก
เมื่อมองผลได้ผลเสียอย่างถี่ถ้วนแล้ว นี่คือการพัฒนาไปแบบทีละสเต็ปดังที่เจเรมี่ตั้งใจ เป็นเหตุให้ต้นซีซั่น 2020-21 เขากลายเป็นสมาชิกใหม่ของแรนส์ โดยเซ็นสัญญา 5 ปี พร้อมค่าตัว 26 ล้านยูโร กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรไปด้วย
อาการเจ็บรบกวน แต่กลับมาแกร่งกว่าเดิม
การเข้ามาเป็นนักเตะใหม่แห่งลีกสูงสุดประเทศฝรั่งเศสของโดกูฤดูกาลแรกถือว่าสอบผ่าน สำหรับแข้งในวัยแค่ 18 ปี เพราะเขาได้ลงเล่นไปถึง 43 นัด รวมทุกรายการ ซัดไป 2 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ พาทีมจบซีซั่นด้วยอันดับ 6
แต่แทนที่เขาจะได้ยกระดับและพัฒนาตัวเองต่อในฤดูกาลต่อไป โดกูกลับโชคร้ายเจออาการเจ็บเล่นงาน โดยเป็นอาการเจ็บทั้งที่แฮมสตริง หัวเข่า และน่อง ซึ่งกินเวลานานจนตัวเลขการลงเล่นนับเฉพาะเกมลีกของเขามีเพียง 14 นัด คิดเป็นเวลารวมแค่ 469 นาทีเท่านั้น โดยแบ่งเป็นสถิติลงตัวจริง 4 นัด และเป็นตัวสำรองถึง 10 นัดด้วยกัน
“สมัยอคาเดมีเขาไม่เคยบาดเจ็บถี่ ๆ นะ แต่เมื่อเขาพาตัวเองมาเล่นในระดับอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีการฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น และที่แรนส์เขาต้องลงเล่นเกมยุโรปช่วงกลางสัปดาห์ด้วย ซึ่งนั่นก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อของเขาถูกใช้งานหนัก” คินเดอร์ม็องส์ แสดงมุมมองถึงอดีตนักเตะเยาวชนอันเดอร์เลชท์
อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อถึงเวลาที่สภาพร่างกายกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกคำรบ โดกูกลับมาอยู่ในจุดเดิมของตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นในซีซั่นถัดมา (2022-23) กับผลงานรวมทุกรายการ 35 นัด ทำไป 7 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ พร้อมช่วยให้สโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 พร้อมคว้าโควตาฟุตบอลยูโรป้าลีก
“การต้องหายจากสนามไปนาน ผมยอมรับว่าไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเรื่องพวกนี้มาก่อน การได้เจอกับเพื่อนร่วมทีมในสนามแต่ไม่สามารถมีส่วนร่วมกับทีมได้ มันเป็นเรื่องที่ยากมากนะ โดยเฉพาะเมื่อคุณบาดเจ็บติดต่อกันหลายครั้ง ผมต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งไม่เช่นนั้นมันจะยากมากจริง ๆ กับการก้าวออกจากจุดนั้นเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น” โดกู บอกกับ Eleven Sports
ในขณะที่ เจเรมี่ โดกู อยู่ในช่วงพัฒนาฝีเท้า โดยเฉพาะการเก็บสถิติมีส่วนร่วมกับประตูให้ต้นสังกัดได้มากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตัวเขายังคงทำได้ดีเสมอมาคือสกิลติดตัวเรื่องการเลี้ยงบอลและความเร็วที่พร้อมจะฉีกคู่แข่งเป็นชิ้น ๆ และโดดเด่นถึงขั้นได้รับฉายาว่า “Belgian Flash” ที่มีความไวเหนือแสง
2020-21 หรือฤดูกาลแรกของโดกูในถิ่นโรอาซอน พาร์ค เขาทำสถิติเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จได้ถึง 110 ครั้ง มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรป
ขณะที่ซีซั่น 2022-23 หรือขวบปีสุดท้ายของเขากับแรนส์ โดกูพาตัวเองไปไกลว่านั้น อย่างสถิติที่นับเฉพาะแข้งที่ลงเล่นในสนามมากกว่า 900 นาที โดกูมีสถิติ “เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง” สำเร็จมากกว่านักเตะทุกคนใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปคิดเป็นอัตราสูงถึง 6.8 ครั้งต่อ 90 นาที หรือแม้แต่สถิติ “พาบอลขึ้นหน้า (Ball carry distance)” ที่ 356 เมตรต่อ 90 นาที เป็นสถิติมากที่สุดจากบรรดานักเตะใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปเช่นกัน
“ผมเคยคุยกับพ่อถึงนักเตะคนหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้ผมจากทักษะเรื่องความเร็ว คนคนนั้นก็คือโดกูของแรนส์” คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส เคยให้สัมภาษณ์ผ่าน France Football
“ตลอดช่วง 5 ปีในฐานะนักเตะอาชีพ ผมไม่เคยเห็นใครที่ออกสตาร์ทการแข่งขันแล้วแสดงให้เห็นถึงพลังมากมายขนาดนี้มาก่อน”
ไม่น่าเชื่อว่าจากจุดเด่นที่ เจเรมี่ โดกู ทำได้ดีมาตลอด ที่สุดแล้วจะส่งให้เขากลายเป็นนักเตะใหม่ของทีมที่เพิ่งได้เทรเบิลแชมป์ในซีซั่นที่แล้วอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แน่นอนว่าหนึ่งในคนที่มีส่วนกับการตัดสินใจครั้งนี้คือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา
รอเติบใหญ่ในมือเป๊ป
กับความเร็วที่มีตั้งแต่จุดออกตัว ความสามารถเฉพาะตัวที่พร้อมดวลคู่แข่งแบบ 1 ต่อ 1 การยืนตำแหน่งที่เล่นได้ดีทั้งตำแหน่งปีกเบอร์ 7 หรือเบอร์ 11
ตัวอย่างที่ว่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจดึง เจเรมี่ โดกู มาเสริมแกร่งในแนวรุกด้วยค่าตัว 55.5 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 5 ปี เพื่อเข้าเป็นตัวเลือกใหม่ ๆ ทดแทนขุมกำลังหน้าเก่าที่ทยอยออกจากทีม โดยเฉพาะนักเตะที่เล่นในตำแหน่งใกล้เคียงกับโดกูมากที่สุด นั่นคือ ริยาด มาห์เรซ ที่ย้ายไป อัล อาห์ลี ในซาอุดีอาระเบีย หรือจะลงเล่นตำแหน่งปีกซ้ายเป็นแบ็กอัพให้ตัวหลักอย่าง แจ็ค กรีลิช ก็ย่อมได้
นั่นแสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ที่มีในตัวของโดกู แน่นอนว่ามันสอดรับกับแนวทางการทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เข้าเต็ม ๆ เพราะหากใครที่ติดตามสไตล์การทำฟุตบอลของกุนซือสแปนิช ก็จะพบว่าเป๊ปเป็นคนที่มีการพัฒนาแท็กติกและรูปแบบวิธีการเล่นแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ
“มันเป็นเงินจำนวนมาก (ค่าตัวโดกู) แต่คุณจะเข้าใจได้ว่าทำไม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงรู้สึกว่าเขาคือคนที่ควรจะตัวดึงเข้ามา เขาเป็นนักเตะแนวรุกที่ต่างออกไปจากที่กวาร์ดิโอลามีใว้ใช้งาน” ทอม วิลเลียมส์ ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลฝรั่งเศสบอกกับ Sky Sports
“เขาเล่นได้ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ซึ่งเขาน่าจะได้ลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ บ่อยขึ้นแน่ ๆ ในฐานะนักเตะที่ถนัดเท้าขวาเป็นส่วนใหญ่ เขาไม่ใช่คนที่จะคอยโจมตีพื้นที่ตรงกลางสนาม แต่เน้นการเอาชนะฟูลแบ็กจากด้านข้าง จากนั้นก็จะใช้แนวทางแบบจ่ายบอลตัดหลัง (cut-back) โดยใช้ความเร็ว ความเฉียบคม และความสามารถในการเลี้ยงบอล ที่ แมนฯ ซิตี้ ในทีมปัจจุบันไม่มี"
แน่นอนว่าตัวเขาเองก็จะได้เรียนรู้เส้นทางฟุตบอลเพื่อพาตัวเองไปสู่อนาคต เพราะเขาจะได้ร่วมงานกับทั้งกุนซือระดับโลกและเพื่อนร่วมทีมที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยม ทั้งยังมีความท้าทายครั้งสำคัญรออยู่ นั่นคือการต่อยอดความสำเร็จสามแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน
“ผมเป็นนักเตะอายุน้อยที่เรียนรู้และพัฒนาเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอด ผมเชื่อว่าการทำงานร่วมกับเป๊ปและทีมงานของเขา รวมถึงการได้เล่นร่วมกับนักเตะระดับโลกเหล่านี้จะทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้นได้” ดาวเตะเบอร์ 11 คนใหม่แห่งเอติฮัด สเตเดียม เปิดใจในวันเปิดตัวกับสโมสร
แม้เกมเดบิวต์ของดาวเด่นเบลเจียนกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ถล่มขาดฟูแล่ม 5-1 เขาจะยังทำประตูหรือแอสซิสต์ไม่ได้
แต่เชื่อเหลือเกินว่าโดกู “พร้อมแล้ว” ที่จะเป็นจรวดทางเรียบ ติดสปีดพาเรือใบสีฟ้าลำนี้แล่นฉิวท่ามกลางภารกิจและความท้าทายน้อยใหญ่ที่รออยู่ในเบื้องหน้า
แหล่งอ้างอิง
https://www.premierleague.com/news/3650467
https://th.mancity.com/news/mens/jeremy-doku-signs-for-manchester-city-63828493
https://theathletic.com/4702691/2023/07/27/jeremy-doku-rennes-dribbling-machine/
https://www.manchestereveningnews.co.uk/all-about/jeremy-doku
https://www.skysports.com/football/news/11679/12944980/jeremy-doku-man-city-sign-belgium-winger-from-rennes-in-55-5m-deal
https://www.si.com/fannation/soccer/futbol/features/who-is-jeremy-doku-new-man-city-signing-is-europes-top-dribbler