Feature

ไฮเดนไฮม์ เอฟซี : เทพนิยายจากเมืองเล็กที่สร้างทีมจากรากฐาน สู่บุนเดสลีกาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ | Main Stand

บรรดาสโมสรฟุตบอลมักจะมีที่ตั้งของสโมสรแตกต่างกันออกไป บ้างก็ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองหลวงของประเทศ หรือบางทีมก็ตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ และไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงมากนัก

 

ซึ่งแน่นอนว่าทีมเหล่านี้มักจะเสียเปรียบในเรื่องของฐานแฟนบอล ด้วยจำนวนประชากรในเมืองนั้นที่มีจำนวนน้อย อีกทั้งมันย่อมส่งผลต่อคุณภาพของทีมเช่นกัน เพราะเมื่อทีมนั้นมีฐานแฟนบอลน้อย บรรดานักธุรกิจหรือสปอนเซอร์ก็ไม่อยากที่จะเข้ามาลงทุน ทำให้ขาดงบในการลงทุนซื้อนักเตะและสตาร์ดังเข้ามาสู่ทีม

ไฮเดนไฮม์ เอฟซี ทีมน้องใหม่ในศึกบุนเดสลีกา ตั้งอยู่ในเมืองไฮเดนไฮม์ ในรัฐบาเดิน เวือร์ทเทมแบร์ก ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี มีประชากรราว ๆ 50,000 คนเท่านั้น สโมสรนี้ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสร

เหตุใดสโมสรที่ตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ และมีฐานแฟนบอลน้อยอย่างไฮเดนไฮม์ถึงประสบความสำเร็จ Main Stand จะพาไปหาคำตอบ

 

เมืองเล็กแต่มีฝันที่ยิ่งใหญ่

ไฮเดนไฮม์ เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในรัฐบาเดิน เวือร์ทเทมแบร์ก ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี เมืองนี้อยู่ระหว่างเมืองสตุ๊ตการ์ทและมิวนิค แท้จริงแล้วรัฐบาเดิน เวือร์ทเทมแบร์ก แห่งนี้ ไม่ใช่รัฐที่มีความโดดเด่นด้านฟุตบอลหรือกีฬามากนัก 

เพราะหากย้อนดูแล้ว เมืองไฮเดนไฮม์จะโดดเด่นด้านอุตสาหกรรมมากกว่า ในทางเศรษฐกิจชื่อเสียงหลักของเมืองนี้คือการเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท Voith ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตกังหันลมและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกระดาษ 

จากการสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อปี 2021 รัฐนี้มีประชากรเพียง 58,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับรัฐอื่น ๆ ในทวีปยุโรป โดยถ้าหากจะพูดถึงด้านกีฬาเมืองไฮเดนไฮม์จะมีองค์กรด้านกีฬาอยู่แห่งหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ไฮเดนไฮม์เมอร์ สปอร์ตบุนด์ Heidenheimer Sportbund (SB) 

พื้นที่ขององค์กรแห่งนี้เป็นสถานที่ให้ผู้คนในเมืองนี้มาใช้ออกกำลังกายและใช้เวลาว่างในการผ่อนคลาย อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังรวบรวมกีฬาไว้หลากหลายชนิด เช่น วอลเลย์บอล, เบสบอล, บาสเกตบอล, กรีฑา ฯลฯ ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของสโมสรไฮเดนไฮม์ เอฟซี 

แท้จริงแล้ว สโมสรไฮเดนไฮม์ เอฟซี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1846 ตามที่ระบุไว้บนตราสโมสร ซึ่งเริ่มแรกจะยังไม่ได้เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ เพราะฟุตบอลเป็นเพียงกีฬาชนิดหนึ่งในองค์กรเท่านั้น แถมยังต้องใช้ชื่อนี้ร่วมกับกีฬาชนิดอื่น ๆ เช่น ยิมนาสติก และว่ายน้ำอีกด้วย 

ท้ายที่สุดสโมสร ไฮเดนไฮม์ เอฟซี ก็แยกตัวออกมาจากไฮเดนไฮม์เมอร์ สปอร์ตบุนด์ ในปี 2007 เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎที่ถูกต้องของสมาคมฟุตบอลเยอรมนี

ในฤดูกาลแรกที่พวกเขาได้แยกตัวออกมา (2007-08) ไฮเดนไฮม์ เอฟซี ต้องเล่นอยู่ใน โอเบอร์ลีกา บาเดน-เวือร์ทเทมแบร์ก (Oberliga Baden-Württemberg) หรือลีกในดิวิชั่นที่ 5 ของเยอรมนี ทว่าการแยกตัวออกจากสโมสรแม่ ไม่ได้ทำให้สโมสรแห่งนี้ตกต่ำลงอย่างที่คิด เพราะพวกเขาสามารถเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่นที่ 4 ในฤดูกาลเดียว 

ต่อมาในฤดูกาล 2008-09 พวกเขาจบอันดับที่ 1 ของตารางคะแนนในลีกดิวิชั่นที่ 4 ส่งผลให้พวกเขาได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่นที่ 3 ในเวลาต่อมา ซึ่งนับว่าเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอย่างมากที่สโมสรนี้สามารถเลื่อนชั้นได้ปีต่อปี อย่างไรก็ตามพวกเขาโลดแล่นอยู่ในดิวิชั่นที่ 3 ของบุนเดสลีกาเยอรมันกว่า 4 ฤดูกาล กว่าจะสร้างทีมและสามารถเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา 2 ได้สำเร็จ

ซึ่งกุนซือที่กุมบังเหียนของทีมมาตั้งแต่พวกเขายังตรากตรำอยู่ในดิวิชั่นที่ 5 คือลูกหม้อของสโมสรอย่าง แฟรงค์ ชมิดท์ (Frank Schmidt) และแฟนบอลทุกคนคงคาดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะสามารถสร้างเทพนิยายจากเมืองเล็กให้เกิดขึ้นได้ หากฝั่งไฟร์บวร์กมี คริสเตียน สไตร์ช ที่อยู่กับทีมมาถึง 11 ปี ด้าน แฟรงค์ ชมิดท์ ก็อยู่คุมทีมไฮเดนไฮม์ เอฟซี มาถึง 16 ปีแล้วด้วยกัน

ด้วยความเป็นสโมสรเล็ก ๆ สนามเหย้าของทีมจึงมีความจุแค่ 15,000 คน ซึ่งน้อยที่สุดในบรรดาทีมในบุนเดสลีกา 2 อีกทั้งยังไม่มีแข้งสตาร์ดังเหมือนทีมอื่น โดยหนึ่งในวิธีหารายได้เข้าสโมสรคือการใช้พื้นที่นอกสนามจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่มีร้านอาหารเข้ามาขาย เพื่อให้แฟนบอลและประชาชนใกล้เคียงสามารถเข้ามารับประทานอาหารและซื้อของระลึกกลับไปได้ ทว่าสโมสรจากเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กลับมีเสน่ห์และน่าค้นหาอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ลูกหม้อสโมสร สู่การเป็นโค้ชพาทีมเลื่อนชั้น

แฟรงค์ ชมิดท์ กุนซือของทีมไฮเดนไฮม์ เอฟซี เขาไม่เพียงแค่เกิดในเมืองไฮเดนไฮม์เท่านั้น แต่ในสมัยเป็นนักเตะอาชีพ ปราการหลังชาวเยอรมันคนนี้ยังเป็นกัปตันทีมของทีมไฮเดนไฮม์ เอฟซี อีกด้วย โดยเขาถือเป็นแข้งคนสำคัญที่ทำให้สโมสรสามารถก้าวขึ้นมาสู่ดิวิชั่นที่ 5 ในปี 2004 ได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดในปี 2007 ทำสถิติลงสนามไปทั้งหมด 112 นัด ทำไป 22 ประตู

หลังจากสิ้นสุดการเป็นนักเตะอาชีพ ชมิดท์ไม่รีรอที่จะตอบตกลงเข้ามารับงานเป็นกุนซือของทีมที่เขารักและภักดี จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 16 ปีแล้วที่ชมิดท์เป็นกุนซือให้กับสโมสรแห่งนี้ ส่งผลให้เขากลายเป็นกุนซือที่อยู่กับทีมนานที่สุดในบุนเดสลีกา โดยมีระยะนาน 15 ปี 9 เดือน 

จากการต้องเล่นอยู่ในลีกดิวิชั่น 5 ชมิดท์พยายามสร้างทีมจนพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้แบบปีต่อปี ทว่าพอไฮเดนไฮม์ได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 3 พวกเขาต้องติดอยู่ในลีกนี้กว่า 4 ฤดูกาล กว่าที่จะสร้างทีมและเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา 2 ได้ในฤดูกาล 2014-15 

เรื่องราวต่อจากนี้มันยิ่งกว่าเทพนิยายเสียอีก พวกเขาอยู่ในบุนเดสลีกา 2 ลีกรองของเยอรมันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วพยายามสร้างทีมและรากฐานที่แข็งแกร่ง จนคอมเมนต์จากโซเชียลมีเดียเคยพูดถึงไว้ว่า นี่มันเปรียบเสมือนการเล่นเกม Football Manager แต่มันคือชีวิตจริง

เด็กชายที่เติบโตในเมืองไฮเดนไฮม์สู่การได้มาเป็นนักเตะอาชีพในทีมบ้านเกิดและแขวนสตั๊ดกับทีมแห่งนี้ มิหนำซ้ำยังได้มารับงานกุนซือและยังถือสถิติคุมทีมยาวนานที่สุดในบุนเดสลีกา ชายที่ชื่อ แฟรงค์ ชมิดท์ กำลังค่อย ๆ เปลี่ยนทีมนี้อย่างช้า ๆ 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสารคดีเกี่ยวกับโลกลูกหนังได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งชมิดท์ก็ได้เป็นส่วนสำคัญในสารคดีเรื่อง เทรนเนอร์ (Trainer) ที่ฉายในปี 2013 โดยสารคดีเรื่องนี้มีการนำเสนอมุมมองอย่างใกล้ชิดว่าการทำงานโค้ชนั้นทำงานอย่างไรและต้องพูดอะไรกับลูกทีมบ้าง ในสารคดีเรื่องนี้สามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของชมิดท์ออกมาได้อย่างชัดเจน 

“พวกเขาอาจจะชนะทีมอื่น ๆ มาได้ แต่วันนี้เรานี่แหละจะเป็นฝ่ายถล่มพวกเขาเอง!” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและจิตวิทยาในการเป็นโค้ชของชมิดท์ที่สามารถพูดปลุกใจนักเตะก่อนการลงสนามได้อย่างดี 

“ผมรู้ว่ามีเพียงไม่กี่คนในเยอรมนีที่สามารถทำอาชีพนี้ได้ (โค้ชฟุตบอล) นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตื่นขึ้นมาทุกวันด้วยความตื่นเต้นและภูมิใจที่ได้ทำอาชีพนี้” ชมิดท์ กล่าวเสริม

โดยชมิดท์มีคีย์แมนคนสำคัญอย่าง ทิม ไคลน์ดีนส์ (Tim Kleindienst) ศูนย์หน้าชาวเยอรมัน ที่ฤดูกาลล่าสุดเขาลงเล่นในเกมลีกไปทั้งหมด 32 เกม ทำไปถึง 25 ประตู และอีก 7 แอสซิสต์ เขาแข็งแกร่งเรื่องลูกกลางอากาศด้วยความสูง 194 เซนติเมตร ทำให้การทำประตูด้วยลูกโหม่งไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา อีกทั้งเขาคือคนสำคัญที่สามารถทำประตูขึ้นนำในเกมนัดชี้ชะตาในแมตช์เดย์ที่ 34 อีกด้วย 

 

เกมชี้ชะตาของการเลื่อนชั้น

ในการโลดแล่นอยู่ในลีกรองของเยอรมัน ไฮเดนไฮม์มักจะอยู่ราว ๆ อันดับกลางตารางอยู่หลายปี โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดคือฤดูกาล 2019-20 ที่พวกเขาจบอันดับที่สามในตารางคะแนนของบุนเดสลีกา 2 และต้องไปเตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้น กับทีมที่จบในอันดับที่ 16 ของบุนเดสลีกา ซึ่งในฤดูกาลนั้นคือทีม แวร์เดอร์ เบรเมน ผลสุดท้ายจบที่เบรเมนได้อยู่ในบุนเดสลีกาต่อไปเนื่องจากกฎประตูทีมเยือน ทำให้ไฮเดนไฮม์ยังไม่สามารถขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ

พวกเขาไม่ละความพยายามและยังคงทุ่มเทแรงกายและแรงใจทั้งหมดลงบนสนามหญ้า จนมาถึงฤดูกาลล่าสุด 2022-23 มีสามสโมสรที่คะแนนสูสีกันจนแฟน ๆ ต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล

ทางฝั่งไฮเดนไฮม์ ก่อนการแข่งขันแมตช์เดย์นัดสุดท้าย พวกเขารั้งอยู่รองจ่าฝูงโดยมีทั้งหมด 64 แต้ม ตามหลังจ่าฝูงอย่าง ดาร์มสตัดท์ 98 อยู่ 3 คะแนน ต้องไปตัดสินกันที่นัดสุดท้าย อีกทั้งทีมอันดับที่สามอย่าง ฮัมบูร์ก เอสเฟา ก็มีคะแนนสูสีกับไฮเดนไฮม์และมีช่องว่างห่างกันแค่คะแนนเดียว ทำให้ทั้งสามทีมต้องไปลุ้นกันในแมตช์เดย์ที่ 34

ไฮเดนไฮม์ มีคิวออกไปเยือน เรเกนส์บวร์ก, ดาร์มสตัดท์ ต้องออกไปเยือน เฟือร์ท และ ฮัมบูร์ก เอสเฟา ต้องออกไปเยือน เอสเฟา ซานด์เฮาเซ่น แมตช์เดย์นัดชี้ชะตาตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของเยอรมันแบบอัตโนมัติเข้มข้นเกินบรรยาย ในนาทีที่ 90 ไฮเดนไฮม์ ถูกขึ้นนำ 2-1 ซึ่งถ้าผลจบแบบนี้จะทำให้ ฮัมบวร์กเกอร์ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นอัตโนมัติจากการขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตารางคะแนน 

แต่ประโยคที่ว่า เกมยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร ยังคงใช้ได้กับโลกลูกหนังเสมอ ในนาทีที่ 90+7 ไฮเดนไฮม์ สามารถพลิกนำได้ 2-3 จากที่จะจบอันดับ 3 ทำให้พวกเขาทะยานขึ้นสู่จ่าฝูงของบุนเดสลีกา 2 ทันที ส่ง ฮัมบูร์ก ให้ตกไปอยู่อันดับที่ 3 และต้องไปเล่นในเกมเพลย์ออฟต่อไป ซึ่งผู้ที่ต้องผิดหวังก็คือ ฮัมบูร์ก เอสเฟา ที่ไม่สามารถเลื่อนชั้นได้สำเร็จ เพราะในเกมเพย์ออฟพวกเขาไปพ่ายให้กับ สตุ๊ตการ์ท

ในที่สุดการสร้างทีมจากการวางรากฐานให้แข็งแกร่งของทีมไฮเดนไฮม์ เอฟซี ก็ประสบความสำเร็จแม้จะต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน และไม่ได้มีเงินถุงเงินถังจากสปอนเซอร์และเหล่านักธุรกิจเหมือนกับสโมสรอื่น ๆ แต่หนทางของแต่ละสโมสรย่อมต่างกัน และไฮเดนไฮม์ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเดินมาถูกทาง

“ผมคิดว่าพวกเราสมควรได้รับมัน เราแพ้เพียงแค่ 5 นัดในลีก พวกเราทุกคนสมควรได้รับชัยชนะในครั้งนี้” กุนซือของทีมไฮเดนไฮม์อย่าง แฟรงค์ ชมิดท์ กล่าวหลังจากที่พาทีมจบจ่าฝูงของตารางคะแนนและได้สิทธิ์เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ

“ไฮเดนไฮม์ เอฟซี พัฒนาขึ้นในทุก ๆ ปี พวกเราค่อย ๆ สร้างทีมจากรากฐาน และคุณก็ได้เห็นผลลัพธ์ของมันแล้วในวันนี้” ชมิดท์ กล่าวเสริม อีกทั้งเขายังกล่าวชื่นชมประธานสโมสรอย่าง โฮลเกอร์ ซานวาลด์ ที่เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งในสมัยนั้นทีมเล็กทีมนี้ยังเล่นอยู่ในลีกสมัครเล่นไว้ว่า 

“เขาเข้ามารับงานบริหารทีมจากลีกสมัครเล่นด้วยความหวัง ถ้าไม่มีผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกับเขา พวกเราคงมาไม่ถึงวันนี้แน่นอน” ชมิดท์ ไม่ลืมที่จะกล่าวชื่นชมอีกหนึ่งบุคคลสำคัญอย่าง เคลาส์ เมเยอร์ อีกหนึ่งบุคลากรในบอร์ดบริหารผู้ล่วงลับ

“มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากว่าพวกเรามีโค้ชประเภทไหน เราไม่สามารถมีวันนี้ได้หากไม่มีเขา (ชมิดท์) ผมเสนอว่าควรมีรูปปั้นของเขาอยู่หน้าสโมสร แต่เขาก็ปฏิเสธมัน อีกทั้งผมยังเสนอสัญญาถาวรให้กับเขา แต่เขาก็ปฏิเสธอีกเช่นกัน นี่แหละคือตัวตนของ แฟรงค์ ชมิดท์” ซานวาลด์ ประธานสโมสรกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ 

ไฮเดนไฮม์ เอฟซี ทำให้เห็นแล้วว่าการสร้างทีมจากการวางรากฐานสามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้อย่างไร จากทีมโนเนมในลีกดิวิชั่น 5 พวกเขาค่อย ๆ สร้างทีมจนสามารถขึ้นสู่ลีกสูงสุดของเยอรมันได้จริง หากจะกล่าวว่าทางฝั่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เคยมีเทพนิยายจิ้งจอกสยามที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้ในปี 2016 ฝั่งเมืองเบียร์ก็มีเทพนิยายจากเมืองเล็กอย่าง ไฮเดนไฮม์ เอฟซี ที่สามารถเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเช่นกัน

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/who-are-heidenheim-promotion-frank-schmidt-11872
https://www.sportsnet.ca/bundesliga/article/how-heidenheim-town-of-50000-rose-from-fifth-tier-to-the-bundesliga-in-20-years/
https://theanalyst.com/eu/2023/05/frank-schmidt-heidenheim-football-manager-fairytale/
https://www.foottheball.com/explainer/heidenheim-fc-journey-rise-german-fifth-tier-bundesliga/
https://www.transfermarkt.com/tim-kleindienst/leistungsdaten/spieler/193033/plus/0?saison=2022
https://theanalyst.com/eu/2023/05/frank-schmidt-heidenheim-football-manager-fairytale/
https://en.wikipedia.org/wiki/1._FC_Heidenheim
https://en.wikipedia.org/wiki/Heidenheim_an_der_Brenz 

Author

ยลดา เวียงสิงขรณ์

เด็กอักษรเอกเยอรมัน เชียร์เชลซีและการท่าเรือ ติดตามนางงามทุกเวที

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา