Feature

โยนาส เอคตอร์ : วันคลับแมนสมัยใหม่ ตำนานขวัญใจชาวเมืองโคโลญจน์ | Main Stand

นักเตะที่จงรักภักดีและอยู่กับทีมหนึ่งมาเป็นระยะเวลานานชนิดที่ไม่เคยย้ายทีมเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือที่เราเรียกกันว่า “วัน คลับ แมน” ในปัจจุบันค่อนข้างหายากมากแล้วในวงการฟุตบอลยุคนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม กีฬาฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุดในประเทศเยอรมนี ซึ่งในแต่ละเมืองก็จะมีสโมสรฟุตบอลตั้งอยู่เช่นเดียวกับ เมืองโคโลญจน์ ที่สโมสร เอฟเซ เคิลน์ หรือ โคโลญจน์ ที่ชาวไทยเรียกกันอย่างติดปาก มีแบ็กซ้ายชาวเยอรมนีนามว่า โยนาส เอคตอร์ ที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรนี้มาเป็นเวลากว่าทศวรรษ

วันคลับแมน ในแบบของเอคตอร์เป็นอย่างไร และเหตุผลใดที่ทำให้เขาจงรักภักดีกับสโมสรนี้อยู่ Main Stand จะพาไปหาคำตอบ

 

จุดเริ่มต้นที่เมืองเบียร์

จุดกำเนิดของแบ็กซ้ายจากแดนเบียร์คนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากนักฟุตบอลคนอื่น ๆ เพราะ โยนาส เอคตอร์ ไม่ได้เริ่มต้นสายอาชีพจากการเป็นเยาวชนของสโมสรใดเลย เอคตอร์เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งกับทีมเอสเฟา เอาเออร์ส มาคเคอร์ (SV Auersmache) ทีมจากดิวิชั่นที่ 5 ในรัฐซาร์ลันด์ บ้านเกิดของเขาเอง 

หมู่บ้านเอาเออร์ส มาคเคอร์ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียงแค่ 2,500 คน บนชายแดนระหว่างประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งสนามฟุตบอลของทีมเอสเฟา เอาเออร์ส มาคเคอร์ ที่เป็นสโมสรแรกของเอคตอร์นั้นรองรับแฟนบอลได้เพียง 3,500 คน

เขากลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพโดยไม่ได้ผ่านการเล่นในระบบเยาวชนกับสโมสรใดเลย แถมตอนที่เขาได้รับข้อเสนอให้เข้าร่วมกับระบบเยาวชนจากทีมเอฟเซ ซาร์บรึคเคน (FC Saarbrücken) ทีมยักษ์ใหญ่ในเมือง เขาก็ปฏิเสธไป

เอคตอร์เกิดที่เมืองซาร์บรึคเคน เมืองหลวงของรัฐซาร์ลันด์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี ครอบครัวของเอคตอร์เรียกได้ว่าผูกพันกับโลกลูกหนังอย่างมาก เพราะพี่ชายของเขาก็เป็นนักฟุตบอลเช่นเดียวกัน ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพี่ชายที่กลายเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลของเขา 

ภายหลังเอคตอร์ออกมายอมรับว่าเขาชอบที่จะเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ ในสโมสรที่ไม่ใช่สโมสร
ชั้นนำ และเขาไม่เคยมีความฝันว่าจะได้เล่นในบุนเดสลีกาด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่ต้องการเล่นฟุตบอลและสนุกกับเพื่อนและสโมสรที่เขารัก

จนเมื่ออายุ 20 ปี เขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับ เอฟซี โคโลญจน์ ในปี 2010 และกลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เพราะเอคตอร์ไม่เคยย้ายไปทีมไหนเลย แถมในตอนที่ทีมต้องตกชั้นลงไปเล่นในบุนเดสลีกา 2 ในฤดูกาล 2018-19 เขาก็ไม่ได้ทิ้งทีมไปไหน ซึ่งถ้าหากเป็นแข้งรายอื่นก็อาจจะไม่ได้ตัดสินใจแบบเอคตอร์ก็เป็นได้

“เอฟเซ โคโลญจน์ ให้โอกาสผม จากที่ผมต้องเล่นในทีมนอกลีก แต่พวกเขายินดีต้อนรับผม จนผมได้ติดทีมชาติเยอรมัน”

“ผมผูกพันและรู้สึกขอบคุณสโมสรแห่งนี้มาก อีกทั้งผมยังรู้สึกสบายใจที่ได้ใช้ชีวิตที่เมืองโคโลญจน์แห่งนี้ เอาจริง ๆ ผมสามารถไปเซ็นสัญญากับสโมสรอื่นหลังจบฤดูกาลนี้ได้นะ (2018-19) แต่มันคงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง และผมคงจะรู้สึกผิดอย่างแน่นอน” 

 

ติดทัพอินทรีเหล็กครั้งแรก

ความฝันของนักฟุตบอลส่วนใหญ่ต้องหวังที่อยากจะติดทีมชาติด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งเส้นทางการติดทีมชาติของแข้งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็ฉายแววออกมาตั้งแต่รุ่นเยาวชนและทำให้มีโอกาสติดทีมชาติตั้งแต่อายุยังน้อย 

หรือกับบางคนที่ต้องโลดแล่นอยู่ในลีกดิวิชั่นที่ 5 ต้องต่อสู้กับทุกความยากลำบากจนมีโอกาสติดทีมชาติครั้งแรก โยนาส เอคตอร์ ถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมนีในเกมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือก ที่แข่งขันเมื่อปลายปี 2014 และได้ลงเดบิวต์ให้ทัพอินทรีเหล็กจากการลงเป็นตัวสำรอง ในเกมที่ ทีมชาติเยอรมนี พบกับ ทีมชาติยิบรอลตาร์ 

ทำให้เอคตอร์กลายเป็นนักเตะจากโคโลญจน์คนที่สองที่ได้ประเดิมลงสนามให้กับทีมชาติเยอรมนีต่อจาก ลูคัส ลูคัส โพดอลสกี ที่เคยทำได้ในปี 2004

ทว่าแมตช์สำคัญที่ทำให้คนทั้งโลกจดจำชื่อของ โยนาส เอคตอร์ ได้นั้นต้องย้อนกลับไปในศึกยูโรปี 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ทัพอินทรีเหล็กทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศและต้องเจอกับ ทีมชาติอิตาลี โดยทั้งคู่ต่างทำอะไรกันไม่ได้ ทำให้จบในเวลาด้วยการเสมอกัน 1-1 

ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกเพื่อหาผู้ชนะในเกมนี้จนครบ 120 นาที แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะหาผู้ชนะได้ และต้องมาสู้กันต่อด้วยการยิงจุดโทษ และกลายเป็นทัพอินทรีเหล็กที่สามารถเอาชนะไปได้ 6-5 ซึ่งคนที่รับหน้าที่ในการยิงคนสุดท้ายคือ โยนาส เอคตอร์ นั่นเอง

แน่นอนว่าการดวลจุดโทษต้องมีความกดดันเกิดขึ้นอยู่แล้ว และยิ่งต้องรับหน้าที่ยิงเป็นคนสุดท้าย คน ๆ นั้นต้องแบกรับความหวังทุกอย่างเอาไว้ ซึ่งมันทวีคูณความกดดันมากขึ้นไปอีก 

“ผมรู้อยู่แล้วว่าผมต้องรับหน้าที่นี้สักครั้ง ผมใช้หัวใจของผมในการกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดในการตอบตกลงที่จะรับหน้าที่นี้ (รับหน้าที่ในการยิงคนสุดท้าย) มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกนั้นออกมา และผมดีใจมาก ๆ ที่ช่วยให้ทีมได้รับชัยชนะในครั้งนี้” เอคตอร์ กล่าว

แบ็กซ้าย​คนนี้ลงเล่นให้ทัพอินทรีเหล็กไปทั้งหมด 43 นัด ทำไป 13 ประตู และอีก 12 แอสซิสต์ ก่อนจะประกาศอำลาทีมชาติเมื่อปี 2020 

 

โยอาคิม เลิฟ คือผู้ปลุกปั้น

ย้อนไปในปี 2014 ไม่มีค่อยมีใครรู้จักชื่อของแบ็กซ้ายจากเมืองโคโลญจน์อย่าง โยนาส เอคตอร์ คนนี้เท่าไรนัก แม้เขาจะไม่เคยติดทีมชาติเยอรมนีในชุดเยาวชนมาก่อนเลยสักครั้งเดียว แต่ โยอาคิม เลิฟ ก็ยังมั่นใจในตัวเขา โดยเรียกตัวเอคตอร์มาติดทีมครั้งแรกในปี 2014

โดยอดีตเฮดโค้ชของทัพอินทรีเหล็กได้กล่าวชื่นชมเอคตอร์ไว้ว่า

“เขามีบุคลิกที่ยอดเยี่ยม เป็นแบบอย่างของความจงรักภักดี เป็นผู้เล่นที่สามารถเล่นเป็นทีมได้อย่างแท้จริง ทัศนคติและความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขาสร้างความประทับใจให้ผมอย่างมาก ผมรู้ว่าผมสามารถพึ่งพาเขาได้เสมอ” 

เลิฟกล่าวต่ออีกว่า เอคตอร์มีส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ในปี 2017 ของทัพอินทรีเหล็ก และเลิฟยังกล่าวอีกว่า เขาไม่มีวันลืมลูกยิงของเอคตอร์ในวันที่ต้องดวลจุดโทษกับอิตาลีในรอบรองชนะเลิศบอลยูโร 2016 อย่างแน่นอน

“นอกจากคุณสมบัติของการเป็นนักเตะแล้ว บุคลิกส่วนตัวของเขาก็น่าเคารพอย่างมาก เขามีความสุขุมและน่าไว้วางใจ คุณสามารถพูดคุยกับโยนาสเรื่องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องฟุตบอลได้ เขาไม่เคยลืมที่มาของตัวเขาเอง และนี่เป็นสิ่งที่น่าเคารพ” ตำนานทัพอินทรีเหล็กอย่าง โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ กล่าว

โยอาคิม เลิฟ เรียกตัว โยนาส เอคตอร์ มาติดทีมชาติครั้งแรกในปี 2014 หลังจากที่เอคตอร์ลงสนามให้กับโคโลญจน์เพียง 11 นัดเท่านั้น เขาเข้ามาแทนที่ของ ฟิลิป ลาห์ม ตำนานของทีมชาติเยอรมนีได้อย่างไร้ข้อกังขา และกลายเป็นคนโปรดของโค้ชไปโดยปริยาย

 

จากลาแบบตำนาน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกการจากลาย่อมเจ็บปวดเสมอ กับลูกหม้อของสโมสรอย่าง โยนาส เอคตอร์ ก็เช่นกัน เขาอยู่กับเอฟเซ โคโลญจน์ มาเป็นเวลากว่า 11 ฤดูกาล แถมไม่เคยย้ายไปสโมสรไหนเลยแม้ทีมจะต้องตกชั้นไปเล่นในบุนเดสลีกา 2 ก็ตาม

และแล้ววันนั้นก็มาถึง เอคตอร์ ในวัย 33 ปี ประกาศแขวนสตั๊ด ปิดฉากตำนานทีมโคโลญจน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แบ็กซ้ายคนนี้ลงเล่นให้โคโลญจน์ไปมากกว่า 342 เกม ถลุงตาข่ายให้ทีมไป 24 ประตู และทำไปอีก 29 แอสซิสต์ ตลอดทั้งอาชีพ โดยเอคตอร์ได้เผยความในใจไว้ว่า

“หลังจากที่ผมแจ้งครอบครัวของผม มันเป็นเรื่องสำคัญที่ผมต้องแจ้งให้ทีมงานสตาฟโค้ชและเพื่อนร่วมทีมทราบ สำหรับตอนนี้ผมพูดได้แค่ว่า ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกประสบการณ์และทุกความสำเร็จที่เราได้ทำร่วมกันที่สโมสรแห่งนี้” 

“เอคตอร์เป็นนักฟุตบอลที่สุขุม เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่เขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุด ไม่ใช่แค่กับโคโลญจน์ แต่หมายถึงในบุนเดสลีกา” บางส่วนจากคำชมจากเฮดโค้ชของโคโลญจน์อย่าง สเตฟเฟน เบาม์การ์ด 

“โยนาสไม่ใช่คนที่ธรรมดา เขามีเส้นทางการค้าแข้งแตกต่างจากนักเตะอาชีพส่วนใหญ่ เขาเล่นฟุตบอลโดยใช้ใจล้วน ๆ เขาไม่เคยผ่านการเป็นเยาวชนของทีมใดเลย เขาแค่รักฟุตบอลและต้องการเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ และสโมสรที่เขารัก ผมมั่นใจว่าหลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดแล้วเจะขาต้องคิดถึงฟุตบอลอย่างแน่นอน” นายด่านจากทัพโคโลญจน์อย่าง ติโม ฮอร์น เผยความในใจของเขาต่อเอคตอร์ 

เอคตอร์ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับสโมสรแห่งนี้อย่างยาวนาน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนที่โคโลญจน์ถึงรักเขา เขามีความจงรักภักดีอยู่ในตัวเขาอย่างเต็มเปี่ยม

จากคนที่ต้องโลดแล่นอยู่นอกลีก สู่การเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมใหญ่แห่งเมืองโคโลญจน์ แม้จะมีโอกาสจากหลากหลายทีมเข้ามาเขาก็ไม่ย้ายออกจากสโมสรแห่งนี้

โคโลญจน์ปลุกปั้นเขาจนมีโอกาสติดทีมชาติ และยังสามารถทำประตูปิดกล่องได้ในรอบรองชนะเลิศ นับว่าเอคตอร์เป็นวันคลับแมนสมัยใหม่ที่ชื่อของเขาจะติดอยู่ในใจชาวเมืองโคโลญจน์ไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.bundesliga.com/en/news/Bundesliga/jonas-hector-10-things-on-the-germany-and-cologne-mr-reliable-left-back-507099.jsp
https://www.dw.com/en/colognes-jonas-hector-for-the-happiness-not-the-glory/a-65473342
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/jonas-hector-most-loyal-man-in-football-cologne-germany-5228
https://www.transfermarkt.co.uk/jonas-hector/nationalmannschaft/spieler/108537
https://bleacherreport.com/articles/2261939-how-kolns-jonas-hector
https://apnews.com/article/international-soccer-jonas-hector-confederations-cup-sports-europe-cologne-de80e8c05b66f634e4211e8102f97995
https://sporteology.net/jonas-hector/

Author

ยลดา เวียงสิงขรณ์

เด็กอักษรเอกเยอรมัน เชียร์เชลซีและการท่าเรือ ติดตามนางงามทุกเวที

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา