
การเปลี่ยนแปลงในโลกฟุตบอลเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะ “กุนซือ” หากทำผลงานดิ่งลงเหว ไม่แปลกที่สโมสรต้องปลดออกจากตำแหน่ง แต่หลายครั้งมีกุนซือที่ทำผลงานดี แต่โดนปลดฟ้าผ่าก็มีให้เห็นไม่น้อย
เคสที่เกิดขึ้นบ่อยในวงการฟุตบอลไทยเช่นเดียวกันคือกุนซือที่พาทีมเลื่อนชั้น มักไม่ได้ทำทีมต่อในลีกระดับที่สูงขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ไปติดตามกับ BallThaiStand
สโมสรต้องการกุนซือมีประสบการณ์มาต่อยอด
ช่วงปิดฤดูกาลสโมสรมีการขยับตัวทั้งเรื่องซื้อขายนักเตะ คนไหนฟอร์มดีก็ถูกจับต่อสัญญา ใครไม่อยู่ในแผนการทำทีมต้องแยกย้ายตามวัฏจักรลูกหนัง เช่นเดียวกับตำแหน่งกุนซือที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะบรรดาทีมที่ได้เลื่อนชั้น
การผจญภัยครั้งใหม่บนลีกที่สูงกว่าเดิมหลายสโมสรเลือกที่จะ “แยกทาง” กับกุนซือคนเก่า แม้มีผลงานจับต้องได้อย่างพาทีมเลื่อนชั้น
แน่นอนว่าลีกที่สูงขึ้นคู่ต่อสู้ย่อมเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ ดังนั้นการหากุนซือที่มีประสบการณ์ย่อมเป็นทางเลือกหรือมุมมองที่บอร์ดบริหารส่วนใหญ่วางไว้ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้จับทางถูก เพราะการได้กุนซือใหม่ระบบหรือวิธีการเล่นย่อมเปลี่ยนไป
อย่างในฤดูกาล 2020/21 หนองบัว พิชญ สามารถคว้าแชมป์ แชมป์เอ็ม-150 แชมเปี้ยนส์ชิพ คว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดแบบอัตโนมัติ พร้อมสถิติสวยหรูแพ้เพียงแค่เกมเดียว

หลังจบฤดูกาลพวกเขาตัดสินใจแยกทางกับ “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม เฮดโค้ชก่อนจะอ้าแขนรับ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เข้ามาคุมทีมแทน

“เขาตั้งใจจะไม่เอาเราอยู่แล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องแยกทาง" นี่คือคำให้การของผู้ถูกเลือกให้ผิดหวังอย่าง น้าฉ่วย
ต่อมา “โค้ชวัง” ได้พิสูจน์ว่าบอร์ดบริหารตัดสินใจถูก หลังพา “พญาไก่ชน” จบอันดับ 6 แบบเซอร์ไพรส์ โดยจบอันดับเหนือกว่า 2 ทีมใหญ่อย่าง การท่าเรือ และ ชลบุรี อีกด้วย
แต่การใช้กุนซือมีประสบการณ์คุมทีมใช่ว่าจะดีเสมอไป อย่างฤดูกาลที่ผ่านมา ลำพูน วอร์ริเออร์ เจ้าของแชมป์ เอ็ม-150 แชมเปี้ยนส์ชิพ 2021/22 ได้แต่งตั้ง “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ที่เคยพาทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีก เคยพา การท่าเรือ รอดตกชั้นมาแล้ว เข้ามาคุมทีมแทน “วันเดอร์เลย์” ที่พาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุด

เรียกว่าอดีตแบ็กซ้ายดาราเอเชียเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จ มีประสบการณ์ในลีกสูงสุดล้นมือคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน
สุดท้าย “โค้ชโอ่ง” ไม่อาจพา “ราชันโคขาว” หลุดจากโซนสีแดง ก่อนโดนปลด เพื่อเปิดทางให้ “อเล็กซานเดร กาม่า” เข้ามาคุมทีม ก่อนที่ กามา จะพาทีมรอดตกชั้นหวุดหวิด
ไลเซนส์ไม่ถึงเกณฑ์
ตอนนี้ 2 ทีมน้องใหม่อย่าง นครปฐม ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์เอ็ม-150 แชมเปียนส์ชิพ และ ตราด รองแชมป์มีการเปลี่ยนแปลงแม่ทัพเรียบร้อยแล้ว

เริ่มจาก “เสือป่าราชา” ต้องแยกทางกับ “โค้ชธง” ธงชัย สุขโกกี ที่ตัดสินใจย้ายไปหาความท้าทายใหม่กับ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” บิ๊กทีมในไทยลีก เพราะบรรลุเป้าหมายในการพาทีมกลับไปซ่าในลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ 14 ปี
ข้อเสนอจากทาง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยากที่จะปฏิเสธ แถมยังเป็นโอกาสที่ดีที่ “โค้ชธง” จะได้พิสูจน์ฝีมือกับกลุ่มนักเตะระดับแนวหน้าของเมืองไทย
แม้ “โค้ชธง” จะผ่านการอบรมระดับเอไลเซนส์ คาดว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะใช้ชื่อโค้ชระดับโปร ไลเซนส์ คนอื่นมาแขวนเพื่อให้ “โค้ชธง” ทำหน้าที่ได้อย่างสะดวกโยธิน
ล่าสุด นครปฐม ยูไนเต็ด ได้แต่งตั้ง อัคบาร์ นาบาส กุนซือชาวสิงคโปร์ ดีกรีโค้ชระดับ โปรไลเซนส์ เข้ามาคุมทีมแทน “โค้ชธง” เรียบร้อยแล้ว
ส่วน “โค้ชหาญ” หาญณรงค์ ชุณหะคุณากร ก็เปิดตัวกับ นครศรี ยูไนเต็ด ทีมในเอ็ม-150 แชมเปียนส์ชิพ เรียบร้อย ขณะที่ ตราด กำลังหากุนซือ โปร ไลเซนส์ เข้ามาคุมทีมลุยลีกสูงสุด
สาเหตุที่ต้องเป็นกุนซือระดับ โปรไลเซนส์ เพราะเป็นกฎที่ฝ่ายจัดการแข่งขันระบุไว้ว่าตั้งแต่ฤดูกาล 2023/24 กุนซือทุกสโมสรในลีกสูงสุดต้องจบ โปร ไลเซนส์ เท่านั้น
นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่สโมสรต้องปรับเปลี่ยนตัวกุนซือเพื่อสอดคล้องกับกฎที่ตั้งเอาไว้
แนวทางการทำทีมคนละทางกับบอร์ดบริหาร
ในสังคมลูกหนังไทยปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ใหญ่สุดคือ ประธานสโมสร ที่ถืออำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นผู้จ่ายเงินทุกบาทให้กับโค้ชและนักเตะ
นอกจากนี้ยังมีบอร์ดบริหารส่วนต่างๆ ทั้งผู้จัดการทีม หรือผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค หากแนวทาง วิธีการบริหารงานทั้งเรื่องงบประมาณ การเลือกตัวผู้เล่นเข้าสู่ทีมไปคนละทาง คงยากที่กุนซือกับสโมสรจะเดินกอดคอเดินไปด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง
ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคงเป็น ดราก้อน ปทุมวัน กาญจนบุรี ที่คว้าตั๋วจากไทยลีก 3 ขึ้นมาเล่นในศึกเอ็ม-150 แชมเปียนส์ชิพ ฤดูกาลหน้า แต่ “ใหญ่ นิลวงษ์” เฮดโค้ชที่พาทีมเลื่อนชั้นได้ประกาศแยกทางกับสโมสรแล้ว

เมื่อดูเนื้อหาที่ “โค้ชใหญ่” โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวจะเห็นว่าเขาอาจมีความคิดเห็นและแนวทางทำทีมต่างจากบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะการเลือกนักเตะสำหรับฤดูกาล
ตัวกุนซือที่คลุกคลีและเห็นนักเตะฝึกซ้อมทุกวันย่อมรู้ดีว่าแต่ละคนฝีเท้าเป็นอย่างไร มีจุดอ่อนจุดแข็งตรงไหน คนไหนเล่นได้ไม่ได้ จุดไหนควรดึงมาเสริม ข้อมูลพวกนี้ตัวกุนซือย่อมรู้ดีกว่าบอร์ดบริหารอยู่แล้ว
ถ้ากุนซือมีความคิดเห็นและมุมมองอีกทาง บอร์ดบริหารมองไปอีกทาง การแยกทางจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อให้ทีมเดินต่อไป และเปิดทางให้คนที่มีแนวทางเหมือนกันมาทำทีม
การเปลี่ยนแปลงกุนซือของทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในระดับที่สูงขึ้นไม่ได้การันตีความสำเร็จหรือเป้าหมายที่วางเป้าได้ทุกครั้ง
ฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายที่วางไว้คือการผสมผสานและการทำงานหนักจากทุกส่วนที่เรียกว่า “ทีม” เป็นสำคัญ
หากทุกส่วนไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสประสบความสำเร็จมีสูงกว่าทีมที่เต็มไปด้วยปัญหาแน่นอน