เอ่ยถึงชื่อ ฟิล โจนส์ เซ็นเตอร์แบ็ก ชาวอังกฤษ ที่ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยาวนานถึง 12 ปี เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนคิดถึง อาจเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
"อาการบาดเจ็บ" กลายเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของเจ้าตัว ที่มักเจอเรื่องนี้บ่อยครั้ง จนไม่มีโอกาสลงสนามมากเท่าที่ควรจะเป็น แต่ถึงกระนั้น ตลอดระยะเวลาที่ ฟิล โจนส์ สวมยูนิฟอร์มของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการซูฮกจากสาวกปีศาจแดงรวมไปถึงแฟนบอลทีมอื่นว่าเป็นคนที่ทุ่มเทและใจถึง เพราะเมื่อใดที่เขาได้รับโอกาสลงสนาม ฟิล โจนส์ จะลงเล่นราวกับยอมถวายหัวเพื่อสโมสรทุกครั้ง
ร่วมติดตามเรื่องราวตลอด 12 ปี ของ ฟิล โจนส์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ที่นี่
เด็กหนุ่มคนนี้มีแวว
ย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2010-11 ณ ตอนนั้น ฟิล โจนส์ ยังเป็นเพียงปราการหลังดาวรุ่งของสโมสรแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แต่ขณะเดียวกันฝีเท้าของเขากลับสวนทางกับอายุ ฟิล โจนส์ สามารถต่อกรกับบรรดาแนวรุกของทีมชั้นนำได้อย่างไม่กลัวเกรง ไม่ว่าจะเป็นในเกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยฝากผลงานลงสนามให้ต้นสังกัดในฤดูกาลนั้นมากถึง 29 นัดรวมทุกรายการ ส่งผลให้ชื่อของ ฟิล โจนส์ ถูกเพิ่มไปในลิสต์นักเตะที่สโมสรชั้นนำทั่วเกาะอังกฤษอยากได้ตัวไปร่วมทีม
ซึ่งในความความเป็นจริง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จับตามอง ฟิล โจนส์ อย่างใกล้ชิดมาสักพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ปราการหลังดาวรุ่งรายนี้มีอายุได้เพียง 17 ปี ก่อนจะมาเข้าตาจริง ๆ ในตอนที่ทีมเยาวชนของ “กุหลาบไฟ” เอาชนะ ทีมเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีทั้ง ปอล ป็อกบา และ เจสซี่ ลินการ์ด ในการแข่งขันเอฟเอ ยูธ คัพ รอบ 5 เมื่อปี 2010
จนกระทั่งมาในช่วงซัมเมอร์ก่อนเปิดฤดูกาล 2011-12 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศคว้าตัว ฟิล โจนส์ แนวรับวัย 19 ปี จาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ด้วยค่าตัวราว 17 ล้านปอนด์ พร้อมกับมอบสัญญายาว 5 ปีให้ว่าที่ผู้นำเกมรับในอนาคต
ฟิล โจนส์ เริ่มต้นฤดูกาลแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างไร้ที่ติ โดยการเดบิวต์ของเขาเกิดขึ้นในเกมคอมมูนิตี้ชิลด์ ปี 2011 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถพลิกกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบสุดมัน 3-2 ซึ่งในเกมดังกล่าว ฟิล โจนส์ ถูกส่งลงสนามมาแทนที่ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในช่วง 45 นาทีหลัง นับจากนั้นมา ฟิล โจนส์ ได้สถาปนาตัวเองเป็นนักเตะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลือกใช้บริการอยู่เป็นประจำทั้งในบทบาทกองหลังตัวกลาง แบ็กขวา หรือมิดฟิลด์ รวมแล้วในฤดูกาลนั้นเขาลงเล่นให้กับต้นสังกัดมากถึง 42 นัดรวมทุกรายการ และพาพลพรรคปีศาจแดงจบอันดับที่สองในลีกอีกด้วย
ฤดูกาลถัดมา ฟิล โจนส์ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บเป็นเวลารวมกันเกือบครึ่งซีซั่น อย่างไรก็ตาม ฟิล โจนส์ สามารถช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2012-13 ได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการชูถ้วยครั้งสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย ซึ่งก่อนจะจากกัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้กล่าวอวยยศให้ ฟิล โจนส์ ไว้ว่า “เด็กหนุ่มคนนี้นี่แหละที่จะเป็นหนึ่งในผู้เล่นชั้นยอดของสโมสรในภายภาคหน้า”
จากคำชมดังกล่าวทำให้ในฤดูกาล 2013-14 ฟิล โจนส์ ได้ลงเล่นมากยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการได้รับบาดเจ็บตรงนู้นที ตรงนี้ที ทว่าเมื่อใดที่ ฟิล โจนส์ สวมเสื้อปีศาจแดงลงสนาม สิ่งที่แฟนบอลมักจะสัมผัสได้จากเขาคือความกระหายในการคว้าชัยชนะมาให้แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งผลให้เขามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ณ ประเทศบราซิล ภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน อีกด้วย
ฤดูกาล 2014-15 ฟิล โจนส์ โชคร้ายได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณแฮมสตริงและต่อด้วยกระดูกหน้าแข้งทำให้ในช่วงต้นซีซั่นเขาต้องรักษาตัวเองอยู่กับทีมแพทย์ของสโมสรเป็นระยะเวลา 3 เดือน แต่ทันทีที่ ฟิล โจนส์ หายเจ็บและสามารถกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ หลุยส์ ฟาน กัล ก็ไว้ใจให้เขาคุมแนวรับของทีมเสมอ ก่อนจะต้องพักรักษาตัวอีกครั้งด้วยอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าในช่วงปลายฤดูกาล และได้กลับมาลงสนามใน 3 เกมสุดท้าย
จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2015-16 ฟิล โจนส์ จรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยาวถึงปี 2019 แม้ว่าอาการบาดเจ็บยังตามหลอกหลอน ฟิล โจนส์ อย่างไม่ลดละ แต่ด้วย DNA ความเป็นปีศาจแดง ฟิล โจนส์ ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ต่อสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักครั้ง โดยตลอดทั้งฤดูกาลเขาต้องเจอกับลูปอาการบาดเจ็บซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรก็ตาม ฟิล โจนส์ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยชัยชนะเหนือ คริสตัล พาเลซ 2-1 ซึ่งเป็นความสำเร็จเดียวในฤดูกาลนั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด
สองเดือนต่อมาหลังจากการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง “เดอะ สเปเชียลวัน” โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีม ซึ่งฤดูกาลแรกของ ฟิล โจนส์ ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เรียกได้ว่าไม่ค่อยมีโชคสักเท่าไรเพราะเขาบาดเจ็บออด ๆ แอด ๆ เป็นประจำ แต่ถึงอย่างไร ฟิล โจนส์ ก็ได้ลงเล่นไปถึง 26 นัดรวมทุกรายการและเป็นส่วนเล็ก ๆ ในการพาปีศาจแดงเถลิงบัลลังก์แชมป์คาราบาว คัพ และ ยูโรปา ลีก ประจำฤดูกาล 2016-17 ได้สำเร็จ
หลังจากที่สามารถสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง การคัมแบ็ครอบนี้ของ ฟิล โจนส์ ดูเหมือนจะสดใสกว่าครั้งไหน ๆ เพราะตลอดทั้งฤดูกาล 2017-18 ฟิล โจนส์ เก็บคลีนชีตให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 15 ครั้งจากการลงสนาม 25 เกมในลีก มิหนำซ้ำยังมีชื่อเป็น 23 ขุนพลของทัพสิงโตคำรามชุดไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย อีกด้วย
ตลกร้าย
มาถึงฤดูกาล 2018-2019 ในครึ่งซีซั่นแรก ฟิล โจนส์ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับทีมแพทย์ของสโมสร ก่อนที่ในครึ่งฤดูกาลหลังเขาจะได้รับโอกาสจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ให้กลับมาช่วยแนวรับของปีศาจแดงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าในฤดูกาลนั้นพลพรรคปีศาจแดงจะทำผลงานได้ไม่ดีนักด้วยการจบอันดับที่ 6 ในลีก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีอยู่ของ ฟิล โจนส์ ในสนามสามารถช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากการเสียประตูหลายต่อหลายครั้งจนได้รับคำชมจากโซลชาร์ว่า
“ฟิล โจนส์ เป็นคนที่รู้ว่าการเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องปฏิบัติอย่างไร เขาเคยได้ทั้งพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ยูโรปา ลีก และเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดใหญ่ของทีม”
ทำให้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จับ ฟิล โจนส์ ต่อสัญญายาว 4 ปีอีกครั้งถึงปี 2023 ซึ่งตามคำกล่าวอ้างของ แดเนียล เทย์เลอร์ นักข่าวของ The Athletic มีการเปิดเผยว่า ฟิล โจนส์ สามารถร้องขอให้มีการจัดเทสติโมเนียลแมตช์ (แมตช์ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักฟุตบอลที่ค้าแข้งอยู่กับต้นสังกัดมามานกว่า 10 ปี) สำหรับตัวเขาเองได้ เช่นเดียวกับกรณีของ ไมเคิล คาร์ริค, เวย์น รูนีย์, ไรอัน กิ๊กส์ หรือ รอย คีน
แต่ ฟิล โจนส์ ทราบดีว่าความนิยมของเขาไม่ได้สูงมากนัก แถมยังมีกระแสด้านลบให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ให้มีเทสติโมเนียลแมตช์ของตัวเอง โดยเขากล่าวแบบติดตลกถึงตัวเองว่า “นอกจากพ่อและแม่ของผม ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากมาร่วมงานไหม”
หลังจากการต่อสัญญาลุล่วงไปได้ด้วยดี ฟิล โจนส์ ต้องพบเจอกับฝันร้ายที่แท้จริง เพราะตลอดทั้งฤดูกาล 2019-20 เขาได้ลงเล่นไปเพียง 8 นัดรวมทุกรายการ เนื่องจากอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าที่เล่นงานเขาอย่างหนัก ทำให้ ฟิล โจนส์ ต้องคลุกคลีอยู่กับทีมแพทย์เกือบ 1 ปีครึ่ง หรือประมาณ 454 วัน
ก่อนที่เขาจะสามารถกลับมาลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง เมื่อวันที่ 3 มกราคม ปี 2022 ในเกมที่ปีศาจแดงมีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือนของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส โดยเป็นการลงเล่นเต็มเวลา 90 นาที คู่กับ ราฟาเอล วาราน แต่น่าเสียดายที่ในวันนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายไปด้วยสกอร์ 0-1
นอกจากนี้ ฟิล โจนส์ ยังได้ลงเล่นอีก 3 เกมในลีกกับอีก 1 เกมในถ้วยเอฟเอ คัพ ซึ่งทั้งหมดเป็นการถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง โดยเกมสุดท้ายของ ฟิล โจนส์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการถูกเปลี่ยนตัวลงมา 15 นาทีสุดท้ายในเกมที่เปิดบ้านถล่ม เบรนท์ฟอร์ด ไปด้วยสกอร์ 3-0 เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 และนับตั้งแต่นั้นมา ฟิล โจนส์ ก็ไม่ได้ลงสนามภายใต้ยูนิฟอร์มปีศาจแดงอีกเลย
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
เวลาดำเนินมาถึงฤดูกาล 2022-23 เอริค เทน ฮาก ตัดสินใจไม่บรรจุชื่อของ ฟิล โจนส์ ลงไปในขุนพลชุดลุยศึกพรีเมียร์ลีก จึงทำให้ ฟิล โจนส์ ในวัย 31 ปี เห็นสมควรที่จะอำลาสโมสรที่เขาเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขมาอย่างยาวนานกว่า 12 ปีตอนสิ้นสุดฤดูกาลนี้ เพราะด้วยหลายปัจจัยประกอบกันไม่ว่าจะเป็นการไม่สามารถเบียดแย่งพื้นที่ในทีมชุดใหญ่ได้และอาการบาดเจ็บที่ถาโถมใส่เขาอย่างไม่หยุดหย่อน
ยิ่งไปกว่านั้นตามกฎของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงระหว่างฤดูกาลทุกสโมสรสามารถลงทะเบียนเพิ่มรายชื่อหรือสับเปลี่ยนนักเตะที่มีอยู่ได้ แต่ที่น่าเจ็บใจสำหรับ ฟิล โจนส์ ก็คือมีอยู่หลายครั้งหลายคราที่ เอริค เทน ฮาก ตัดสินใจใช้บริการ ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายธรรมชาติในบทบาทปราการหลังตัวกลาง และยังไม่รวมถึงการดันแข้งดาวรุ่งขึ้นมาฝึกซ้อมกับชุดใหญ่ของทีม ขณะที่ ฟิล โจนส์ ทำได้แค่เพียงนั่งมองตาปริบ ๆ อยู่กับทีมแพทย์ของสโมสรเท่านั้น
สำหรับ ฟิล โจนส์ เขาลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปทั้งสิ้น 229 นัด ทำได้ 6 ประตูกับอีก 10 แอสซิสต์ และก่อนจะจากลากันแบบถาวร ฟิล โจนส์ ได้เขียนจดหมายอำลาฉบับสุดท้ายเพื่ออธิบายว่าตัวเขารู้สึกภูมิใจแค่ไหนที่ครั้งหนึ่งได้ลงสนามรับใช้สโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีเนื้อความว่า
“ตอนเป็นดาวรุ่งผมได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสร แต่ผมรอเพียงแค่สายโทรศัพท์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น และวันหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ต่อสายตรงมาหาผม มันทำให้ผมแทบคลั่งเพราะรอไม่ไหวที่จะได้ร่วมงานกับสโมสรเดียวที่ผมต้องการค้าแข้งด้วย นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การได้สวมเสื้อที่มีตราสโมสรแห่งนี้แค่ครั้งเดียวและเป็นตัวแทนของทุกคนเป็นเกียรติสำหรับผมมาก”
“แต่ทุกอย่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามันดูยากไปหมด ผมพยายามรวบรวมสมาธิ ตั้งสติ และเตรียมร่างกายอย่างดีเพื่อกลับมาลงสนามอีกครั้ง ผมหวังว่าจะได้ลงเล่นมากกว่านี้ ผมทำทุกอย่างที่ทีมแพทย์แนะนำแล้ว”
“ผมไม่เคยคิดที่จะละทิ้งความฝันของตัวเอง แต่มันรู้สึกเจ็บปวดมากที่ไม่สามารถลงสนามช่วยเพื่อนร่วมทีมได้ และใจสลายทุกครั้งเวลาครอบครัวของผมเดินทางมาชมเกมแล้วพบว่าไม่มีชื่อ ฟิล โจนส์ มันเหมือนผมกำลังทำให้ทุกคนผิดหวัง”
“ผมใช้ชีวิตตามความฝันกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผมได้เล่นให้ทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ และที่สำคัญผมเป็นส่วนหนึ่งของการคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม ผมสามารถเอาไปโม้ให้ครอบครัวหรือคนรู้จักฟังได้เสมอว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด และทุกครั้งที่นึกถึงที่แห่งนี้จะมีแต่ความทรงจำแสนสุขผุดขึ้นมา”
“ผมขอให้ เอริค เทน ฮาก ทีมสตาฟ และผู้เล่นทุกคนโชคดีสำหรับอนาคต ผมจะเฝ้าดู สนับสนุน และคาดหวังมากกว่าใคร ๆ สุดท้ายนี้ผมอยากขอบคุณที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด และขอบคุณสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่นำพาให้ผมมารู้จักกับทุก ๆ คนไปชั่วชีวิต”
- ฟิล โจนส์
อ่านจดหมายฉบับเต็มได้ที่ : https://www.manutd.com/en/news/detail/phil-jones-pens-open-letter-to-man-utd-supporters
หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนสิงหาคม 2024 ฟิล โจนส์ ก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ด และเข้าสู่เส้นทางการเป็นโค้ชอยู่ในขณะนี้
แหล่งอ้างอิง :
https://www.manutd.com/en/players-and-staff/detail/phil-jones
https://www.manutd.com/en/news/detail/phil-jones-to-leave-manchester-united-after-12-years-at-the-club
https://www.90min.com/posts/what-happened-phil-jones
https://www.goal.com/en/lists/phil-jones-remembered-man-utd-more-than-memes/blt9985ce6346ac1a88#csbdb32605836e32bd
https://www.transfermarkt.com/phil-jones/leistungsdatendetails/spieler/117996/plus/0?saison=&verein=&liga=&wettbewerb=&pos=&trainer_id=
https://www.mainstand.co.th/th/news/1/article/11481
